โดย Ganesh Moorthy ประธาน และ CEO ของ ไมโครชิพ เทคโนโลยี อิงค์

- มองกลับไปยังปี 2565 คุณมีความคิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานของบริษัทฯ และอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โดยรวม? ความสำเร็จ และความคืบหน้าหลักของบริษัทมีอะไรบ้าง?
ผลงานของบริษัท ไมโครชิพ ดีอย่างต่อเนื่องถึงแม้ว่าห่วงโซ่อุปทานจะมีข้อจำกัดสูง โดยรวมแล้วรายได้ของเราตลอดสามไตรมาสแรกของปีเพิ่มขึ้นประมาณ 25% ในช่วงเวลาเดียวกันของปีปฏิทิน 2564 ในไตรมาสเดือนกันยายน เราทำเป้ารายได้ที่คาดการณ์จากยอดขายสุทธิประจำปีได้ 8 พันล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก และเราได้ยืนยันในแนวทางสำหรับยอดขายสุทธิรวมในไตรมาสเดือนธันวาคม 2565 อีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเติบโตต่อเนื่องระหว่าง 3.0% และ 5.0% หรือการเติบโตปีเทียบปี 22.7% เราคาดหวังที่จะทำรายได้สูงเป็นสถิติใน 9 ไตรมาสติดต่อกันในไตรมาสเดือนธันวาคม 2565 เราคาดหวังว่าโมเมนตัมนี้จะดำเนินต่อไปในช่วงปีใหม่ และเรากำลังวางแผนสร้างการเติบโตต่อเนื่องในไตรมาสเดือนมีนาคมเช่นกัน
- ในปี 2023 ไมโครชิพมีการคาดการณ์/แผนการทางธุรกิจอย่างไรบ้าง และด้านที่มุ่งเน้นอย่างไรบ้าง และกลยุทธ์และแนวทางสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตคืออะไร?
หากมองผ่านตัวชี้วัดภายในของเรา เงื่อนไขทางธุรกิจยังคงแข็งแกร่ง เราจึงต้องการมุ่งเน้นที่โอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่าน Systems Solution และเมกะเทรนด์ต่างๆ อาทิ โครงสร้างพื้นฐาน 5G, loT, ศูนย์ข้อมูล, การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า, ความยั่งยืน และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (Advanced Driver Assistance Systems หรือ ADAS) การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้เราเป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีความหลากหลาย มีการเติบโตสูง มีอัตรากำไรสูง และมีการผลิตเงินสดสูงที่สุดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์
นอกจากนี้ เรายังได้ใช้การเพิ่มแบบปรับในการใช้ทุนเพื่อตอบสนองต่อโอกาสการเติบโตในธุรกิจของเรา ให้บริการลูกค้าให้ดียิ่งขึ้น เพิ่มส่วนแบ่งตลาดของเรา และเพิ่มกำไรขั้นต้น และเพิ่มความสามารถเพื่อให้เราได้บรรลุเป้าหมายของเรา เนื่องจากเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับการเติมเต็มช่องว่างในระดับการลงทุนที่ดำเนินการโดยพันธมิตรฝ่ายผลิตที่เราว่าจ้างจากภายนอกเพื่อให้ปฏิบัติงานเฉพาะทางซึ่งจำเป็นต่อผลิตภัณฑ์ของเรา
- เนื่องจากความต้องการของชิพลดลง ทำให้มีสินค้าคงคลังค่อนข้างสูง คุณคิดว่าแนวโน้มอุปทานของชิพในปี 2566 จะเป็นอย่างไร? เราจะสามารถอุปทานคงระดับได้เมื่อไหร่? นอกเหนือจากนี้ เราอยากทราบว่าปัญหาความไม่สมดุลของอุปสงค์/อุปทานจะดำเนินไปเป็นระยะเวลานานเท่าใด?
มีการสร้างสินค้าคงคลังที่ลูกค้าของเราตามที่เห็นในงบดุลของลูกค้า ซึ่งสินค้าคงคลังบางส่วนนั้นเราคิดว่าเกิดจากการสร้างสินค้าคงคลังไว้เผื่อตามกลยุทธ์ และบางส่วนนั้นเกิดจากชุดอุปกรณ์ที่ไม่สมบูรณ์หรือผลจากสถานการณ์แบบ golden screw ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าบางช่วงเราจะเห็นคำขอให้ถ่ายเทสินค้าคงเหลือ แต่คำขอเหล่านี้ก็เป็นส่วนเล็กน้อยของสินค้าคงเหลือจำนวนมหาศาลที่ไม่มีการสนับสนุนซึ่งเรามีอยู่ในช่วงเวลาหลายไตรมาส (เช่น สินค้าคงเหลือที่ลูกค้าต้องการซึ่งจัดส่งไปยังลูกค้าในเดือนกันยายน แต่เราไม่สามารถส่งมอบให้ได้ในไตรมาสเดือนกันยายน) ดังนั้น คำขอเหล่านี้จึงไม่มีผลกระทบที่สำคัญต่อธุรกิจของเรา
ในขณะเดียวกัน การที่ลูกค้าเราพยายามเร่งให้เราส่งของที่อยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูงบ่งชี้ว่า อุปสงค์และอุปทานยังคงไม่สมดุลกันสำหรับสถานการณ์ต่างๆ ทั้งนี้ เพื่อใช้ประโยชน์จากอุปทานให้ดีที่สุดและลดการสร้างสินค้าคงคลังของลูกค้า เราจึงดำเนินการจัดสรรปันส่วนอุปทานในอนาคตอย่างรอบคอบจากลูกค้าที่ระบุว่าตนเองมีสินค้าคงคลังไปยังลูกค้าที่ประสบปัญหาใกล้ขาดแคลนสินค้า
นอกเหนือจากนี้ นโยบายที่กำหนดไม่ให้ลูกค้ายกเลิกสินค้าภายใน 90 วันสำหรับสินค้า standard backlog และข้อกำหนดที่ไม่ให้ลูกค้ายกเลิกสินค้าขั้นต่ำ 12 เดือนสำหรับโครงการ Preferred Supplier Program หรือ PSP เป็นหนึ่งในส่วนสำคัญที่ทำให้ลูกค้าเราเลือกสั่งสินค้าตามความจำเป็น เราคาดว่าอุปทานของเราจะอย่างจำกัดต่อเนื่องถึงปี 2566
- ช่วยบอกข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ PSP ให้เราทราบได้หรือไม่ – บริษัท ไมโครชิพ อิงค์ ได้ริเริ่มโครงการ Preferred Supplier Program หรือ PSP ในปีก่อนเพื่อแก้ปัญหาความไม่สมดุลของอุปสงค์/อุปทาน คุณจะประเมินแผนงานนี้อย่างไร และแผนงานนี้มีผลลัพธ์อย่างไร?
PSP เป็นเหมือนพันธะสัญญาระหว่างบริษัท ไมโครชิพและลูกค้าของเรา โดยลูกค้าของเราจะตกลงว่าสินค้า backlog ที่เขาสั่งนั้น เขาจะไม่สามารถยกเลิกได้อย่างน้อย 12 เดือน แต่ในทางกลับกันลูกค้าจะได้รับสินค้าจากบริษัทเป็นอันดับแรกๆ โครงการดังกล่าวช่วยให้เราจัดสรรทรัพยากรต่างๆ ได้ดีและรอบคอบขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในวัตถุดิบ การเพิ่มความจุ และการขยายแรงงานอย่างเป็นระบบระเบียบ โดยรวมแล้วลูกค้าค่อนข้างพอใจกับโครงการดังกล่าวมากๆ เนื่องจากโครงการดังกล่าวช่วยให้เขาได้รับสินค้าเป็นลำดับแรกๆ ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมมีข้อจำกัดในวงกว้าง เราจึงได้รับการสนับสนุนที่ดีและเกินการคาดหวังของเราเป็นอย่างมาก ลูกค้าบางเจ้าเลือกที่จะทำสัญญากับเราเป็นอย่างน้อย 18-24 เดือน
นับตั้งแต่เปิดใช้แผนงานในเดือนมีนาคม 2564 สินค้าคงเหลือนี้สูงขึ้นและคงระดับมากกว่า 50% ของสินค้า backlog รวมในไตรมาสเดือนกันยายน
สินค้า Backlog ที่ไม่มีการสนับสนุนของเราแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของปัญหาความไม่สมดุลของอุปสงค์-อุปทาน โดยสินค้า Backlog นั้น (ซึ่งสื่อถึงสินค้าคงเหลือที่ลูกค้าต้องการซึ่งจัดส่งไปยังลูกค้าในไตรมาสที่กำหนด แต่เราไม่สามารถส่งมอบให้ได้ในไตรมาสนั้น) ได้ไต่สูงขึ้นอีกครั้ง และเราจบไตรมาสเดือนกันยายนโดยมีสินค้า Backlog ที่ไม่มีการสนับสนุนสูงที่สุดเท่าที่เคยมี ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าความจุจะเพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แต่ไมโครชิพก็ยังประสบกับข้อจำกัดในโรงงานภายในและภายนอกและห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้อง
- นวัตกรรมการใช้งานแบบอัจฉริยะจะขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืนและรวดเร็วของอุตสาหกรรม ในปี 2565 อินเทอร์เน็ตในทุกสิ่ง (Internet of Things) 5G+ ได้แพร่หลายไปทั่วโลก คุณคิดว่าเทคโนโลยีอะไรที่จะถูกนำมาปรับใช้ในวงกว้าง?
เราไม่ได้กังวลกับเทรนด์ระยะสั้นในปี 2566 มากนัก แต่เรามุ่งเน้นที่เมกะเทรนด์ทั้ง 6 ที่เรากล่าวไปข้างต้น โครงสร้างพื้นฐาน 5G, loT, ศูนย์ข้อมูล, การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า, ความยั่งยืน และระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ (Advanced Driver Assistance Systems หรือ ADAS) เราเชื่อว่าเทรนด์เหล่านี้จะสร้างการเติบโตของตลาดที่มั่นคงเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 5-10 ปี และถึงแม้ว่าแนวโน้มหนึ่งอาจจะไม่แข็งแกร่งมากในปีนั้นๆ แต่ในระยะยาว แนวโน้มเหล่านั้นจะมีศักยภาพการเติบโตเหนือค่าเฉลี่ย
- ขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวลง อุตสาหกรรมผลิตเซมิคอนดักเตอร์จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกอย่างไร และ บริษัท ไมโครชิพจะตอบสนองต่อปัญหานี้อย่างไร?
เราตระหนักถึงสภาพที่อ่อนแอลงระดับมหัพภาค ซึ่งเกิดจากภาวะเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น และเรากำลังติดตามสภาพดังกล่าวอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ เนื่องด้วยกระแสต้านของตัวชี้วัดและความไม่แน่นอนทางธุรกิจภายในที่แข็งแกร่งในสภาพแวดล้อมระดับมหัพภาค เราจึงได้จำลองสถานการณ์ที่เป็นไปได้จำนวนหนึ่งและตรวจติดตามตัวชี้วัดหลายประการอย่างใกล้ชิด โดยตัวชี้วัดเหล่านี้น่าจะทำให้เราสามารถดำเนินการตามที่วางแผนไว้ เมื่อพิจารณาว่าเหมาะสม อนึ่ง เป้าหมายของเราคือการรองรับภาวะถดถอยของธุรกิจของเรา หากมีสภาพแวดล้อมระดับมหภาคที่รุนแรงน้อยกว่าตามมา เราจะดำเนินการผ่านการผสมผสานระหว่าง 1) สินค้า Backlog PSP ที่แข็งแกร่ง 2) แผนรองรับอุปสงค์ที่สำคัญจากสินค้าคงเหลือที่ไม่มีการรองรับในอนาคตอันใกล้ 3) ความจำเป็นในการเติมสินค้าคงคลังภายในสำหรับจำหน่ายที่มีบันทึกว่ามีจำนวนต่ำ 4) แนวโน้มการเติบโตในอนาคตซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 5) ความต้องการทุนที่ต่ำลงมากโดยปกติ และ 6) ค่าตอบแทนที่สูงและเปลี่ยนแปลงได้ที่จะรองรับค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติงาน
นอกจากนี้ เรายังคิดว่า ธุรกิจของเราจะแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการฟื้นตัวมากยิ่งขึ้นท่ามกลางภาวะอ่อนแอที่บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์อื่นๆ พบเห็น ไม่ว่าจะเป็นการคงการเติบโตของเราตามกลยุทธ์การเติบโตแบบยั่งยืน ที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาได้เพิ่ม momentum ในด้านรายได้ การคงตลาดด้านโครงสร้างพื้นฐานด้านอุตสาหกรรม ยานยนต์ ยานอวกาศ และการป้องกันประเทศ และศูนย์ข้อมูลและการสื่อสาร ซึ่งคิดเป็น 86% ของยอดขายสุทธิของเรา ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดผู้บริโภคซึ่งอยู่ในหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้าในครัวเรือนยังคงมีความสามารถในการฟื้นตัวสูง และท้ายที่สุดผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของเรามีรากฐานจากเทคโนโลยีเฉพาะอย่างมาก ทำใหเมีโอกาสน้อยที่สุดที่จะรองรับปริมาณการบริโภคระดับสูง