[PR] ไอเอฟเอส เปิดตัวโซลูชั่น ไอโอที หนุนลูกค้าสู่ดิจิทัล ทรานส์ฟอร์เมชั่น

กรุงเทพฯ – 4 พฤศจิกายน 2559 – ไอเอฟเอส บริษัทผู้ผลิตแอพพลิเคชั่นสำหรับองค์กรระดับโลก นำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ไอเอฟเอส ไอโอที บิซิเนส คอนเน็คเตอร์ ( IFS IoT Business Connector ) ซึ่งช่วยร่นระยะเวลาในการแปลงไอเดียให้เป็นประโยชน์ที่จับต้องได้สำหรับการสนับสนุนแนวทาง อินเทอร์เน็ต ออฟ ธิงส์ ( ไอโอที ) ของลูกค้าด้วยการนำเสนอสถาปัตยกรรมที่ครบวงจรและความสามารถของไอโอทีให้ใช้งานได้จริง ซึ่งผลิตภัณฑ์ได้นำมาจัดแสดงในงานไอเอฟเอส เวิลด์ คอนเฟอเรนซ์ 2016 ( IFS World Conference 2016 ) ณ เมืองกอเทนเบิร์ก ประเทศสวีเดน

ifs-iot-business-connector

ไอเอฟเอส ไอโอที บิซิเนส คอนเน็คเตอร์ ( IFS IoT Business Connector ) ได้รับการออกแบบให้ช่วยลดความเสี่ยงและสามารถนำเอาแนวทางไอโอทีมาปรับใช้ในส่วนต่าง ๆ ได้รวดเร็วขึ้น เช่น งานซ่อมบำรุงเชิงพยากรณ์ การบริหารจัดการบริการ การบริหารจัดการทรัพย์สิน และการผลิต โดยจะทำให้สามารถใช้ประโยชน์ข้อมูลที่ได้จากผลิตภัณฑ์ สินทรัพย์ และเครื่องมือเครื่องใช้ต่าง ๆ เพื่อระบุข้อสังเกตที่สามารถนำไปดำเนินการได้จริง ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้เกิดขั้นตอนการทำงานในรูปแบบที่กำหนดโดยผู้ใช้ แบบอัตโนมัติ และแบบกึ่งอัตโนมัติภายในซอฟต์แวร์องค์กรของไอเอฟเอส โดยไอเอฟเอส ไอโอที บิซิเนส คอนเน็คเตอร์ ให้การเชื่อมต่อแบบพร้อมใช้งาน ( plug-and-play ) กับไมโครซอฟต์ เอชัวร์ ไอโอที สวีท ( Microsoft Azure IoT Suite ) เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูลและการสื่อสารระหว่างกันของอุปกรณ์ รวมถึงเอพีไอ ( API ) แบบเปิดสำหรับเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มไอโอที อื่น ๆ หรือแอพพลิเคชั่นการสืบค้นไอโอทีที่ออกแบบขึ้นเป็นพิเศษ

ไอเอฟเอส ไอโอที บิซิเนส คอนเน็คเตอร์ จะเชื่อมช่องว่างระหว่างการวิเคราะห์ข้อมูลไอโอที กับการใช้ผลลัพธ์จากการวิเคราะห์ดังกล่าว เพื่อดำเนินงานซ่อมบำรุง การบริการ และการผลิตอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น โดยจะเข้าไปเพิ่มความสามารถในการเปลี่ยนการลงทุนด้านการเชื่อมต่อไอโอที และการวิเคราะห์ข้อมูลให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุดผ่านกระบวนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ และก่อให้เกิดการสร้างรายได้ใหม่ ๆ ผ่านทางนวัตกรรมบริการ

สำหรับส่วนประกอบหลักของไอเอฟเอส ไอโอที บิซิเนส คอนเน็คเตอร์ ประกอบด้วย

  • ไอโอที คอนโทรเลอร์ ( IoT Controller ) ทำหน้าที่กำหนดแนวทางการดำเนินการที่ต้องทำเมื่อการวิเคราะห์ข้อมูลไอโอที เปิดเผยให้เห็นข้อสังเกตที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้น ๆ นอกจากนี้ยังช่วยจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อมีการเชื่อมโยงเทคโนโลยีการดำเนินงาน ( OT ) เข้ากับแอพพลิเคชั่นทางธุรกิจและระบบไอทีด้วย
  • ไอโอที เกตเวย์ ( IoT Gateway ) ช่วยให้เกิดการสื่อสารที่ปลอดภัยระหว่างการสืบค้นบนคลาวด์และการวิเคราะห์ข้อมูลไอโอทีกับผลิตภัณฑ์ไอเอฟเอสที่ใช้งานภายในองค์กรหรือบนระบบคลาวด์
  • ไอโอที ดิสคอฟเวอรี แมเนเจอร์ ( IoT Discovery Manager ) ให้ความสามารถเพิ่มเติมด้านการบริหารจัดการและการติดตามตรวจสอบเมื่อใช้ไมโครซอฟท์ เอชัวร์ ไอโอที สวีท ( Microsoft Azure IoT Suite ) เป็นแพลตฟอร์มการสืบค้น

ifs-iot-business-connector-2

ปัจจุบันไอเอฟเอส ไอโอที บิซิเนส คอนเน็คเตอร์ ( IFS IoT Business Connector ) กำลังนำไปใช้โดยลูกค้ากลุ่มคนหัวก้าวหน้า ได้แก่ บริษัท ซันกา ออฟชอร์ ( Songa Offshore ) ผู้รับเหมาด้านการขุดเจาะในทะเลระหว่างประเทศ บริษัท เอทีเอส ( ATS ) ผู้ให้บริการชั้นนำด้านการซ่อมบำรุงโรงงานและบริการด้าน ไอทีในประเทศสหรัฐอเมริกา บริษัท แอนติซิแมกซ์ ( Anticimex ) บริษัทกำจัดแมลงระหว่างประเทศ และบริษัท เฮกลา ไมนิ่ง ( Hecla Mining ) บริษัททำเหมืองโลหะมีค่าในอเมริกาเหนือ

“เราตัดสินใจเข้าร่วมในโครงการกลุ่มหัวก้าวหน้านี้ เนื่องจากเราเข้าใจถึงผลกระทบอย่างมหาศาลที่เทคโนโลยีไอโอทีมีต่อธุรกิจของเรา” นายคริสโตเฟอร์ ลีโบ ผู้อำนวยการฝ่ายไอทีของเอทีเอส ออโตเมชั่น กล่าว และว่า “การเชื่อมโยงห่วงโซ่คุณค่าของบริการภาคสนามเข้าด้วยกัน ทำให้เราสามารถดำเนินงานแบบอัตโนมัติด้วยแนวทางใหม่ ๆ และใช้ข้อมูลเชิงลึกช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจได้ชาญฉลาดยิ่งขึ้น”

นายจาร์ล ดาห์ลฟอร์ส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร ( ซีอีโอ ) ของแอนติซิแมกซ์ กล่าวว่า “ไอเอฟเอส ไอโอที บิซิเนส คอนเน็คเตอร์ ช่วยให้เราสามารถควบคุมข้อมูลที่เกิดจากอุปกรณ์ควบคุมและกำจัดแมลงสำหรับระบบดิจิทัลของเราได้อย่างครอบคลุม ทำให้เราสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถจัดเตรียมข้อมูลได้ตามที่พวกเขาต้องการ”

นายแดน แมทธิวส์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี ( ซีทีโอ ) ของไอเอฟเอส กล่าวว่า “การทำงานร่วมกับลูกค้าและคู่ค้าของเรา ทำให้เราสามารถเติมเต็มช่องว่างที่เกิดขึ้น และการลงทุนในไอโอทีไม่เพียงให้ผลผลิตของข้อมูลและแผนภูมิจำนวนมหาศาล แต่ยังนำเสนอแนวทางปฏิบัติที่ทำได้จริงภายใต้การวางแผนและดำเนินการร่วมกันในแนวทางที่เหมาะสมที่สอดคล้องกับทุกสิ่งที่กำลังดำเนินอยู่ในธุรกิจปัจจุบัน สำหรับลูกค้าของเรา นี่คือแนวทางที่ง่ายกว่าเดิมในการเริ่มต้นใช้งานไอโอที เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ำและให้มูลค่าที่สามารถจับต้องได้รวดเร็วยิ่งกว่าเดิม”

ทั้งนี้ ไอเอฟเอส ไอโอที บิซิเนส คอนเน็คเตอร์ จะพร้อมใช้งานในต้นปี 2560 สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดดูที่เว็บไซต์: www.ifsworld.com/iot.

 

เกี่ยวกับไอเอฟเอส

ifs-logo

ไอเอฟเอส ( IFS™ ) เป็นผู้นำระดับโลกด้านการพัฒนาและนำเสนอซอฟต์แวร์สำหรับการวางแผนทรัพยากรองค์กร ( Enterprise Resource Planning หรือ ERP ) การบริหารจัดการสินทรัพย์ขององค์กร ( Enterprise Asset Management หรือ EAM ) และ การบริหารจัดการงานบริการขององค์กร ( Enterprise Service Management หรือ ESM ) ทั้งนี้ ไอเอฟเอสก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2526 โดยมีส่วนช่วยสนับสนุนให้ลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายสามารถดำเนินธุรกิจได้ดีขึ้น ตลอดจนผลักดันให้เกิดความคล่องตัวในการดำเนินงาน พร้อมทั้งจัดเตรียมสิ่งต่าง ๆ สำหรับอุตสาหกรรมเพื่อให้พร้อมรับมือกับอนาคต ไอเอฟเอส มีพนักงาน 2,800 คนที่พร้อมให้การสนับสนุนผู้ใช้ทั่วโลกมากกว่า 1 ล้านคนผ่านสำนักงานสาขาในเขตพื้นที่ต่าง ๆ และผ่านเครือข่ายพันธมิตรที่กำลังขยายตัวเพิ่มมากขึ้น สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม โปรดไปที่เว็บไซต์: IFSworld.com

ติดตามเราทาง Twitter: @ifsworld

เยี่ยมชมบล็อกของไอเอฟเอสเกี่ยวกับเทคโนโลยี นวัตกรรม และผลงานสร้างสรรค์ต่าง ๆ : http://blog.ifsworld.com/

About TechTalkThai_PR

Check Also

Dell ชี้ ภูมิภาค APJ ยังมีโอกาสในด้าน AI อีกมาก พร้อมเผยคาดการณ์ 5 เทรนด์ AI แห่งปี 2025 

แม้ว่า Generative AI กำลังเริ่มมีการปรับใช้ในภาคธุรกิจอย่างจริงจังมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าวิวัฒนาการของเทคโนโลยีนั้นยังดูไม่ได้แผ่วหรือว่าช้าลงไปแม้แต่น้อย เพราะเราสามารถเห็น Breakthrough หรือนวัตกรรมใหม่ ๆ ออกมาจากอุตสาหกรรมได้ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือนเท่านั้น หรือบางครั้งอาจจะเป็นรายสัปดาห์ก็ว่าได้ จากงานแถลงข่าว Dell Technologies (Dell) …

HwaCom Systems เปิดตัว Fiber Monitor โซลูชันใหม่สำหรับการจัดการเครือข่ายไฟเบอร์ออปติก [PR]

HwaCom Systems Inc. ผู้นำระดับโลกด้านโซลูชันเครือข่าย ประกาศเปิดตัว Fiber Monitor ซึ่งเป็นโซลูชันนวัตกรรมใหม่ที่ออกแบบมาเพื่อปฏิวัติการจัดการเครือข่ายใยแก้วนำแสง ระบบอันล้ำสมัยนี้มอบการตรวจสอบแบบเรียลไทม์ พร้อมการตรวจจับข้อผิดพลาดอัตโนมัติและการแปลความผิดพลาดที่แม่นยำ ช่วยให้มั่นใจได้ว่าเครือข่ายมีประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่าในการใช้งาน