- Huawei เตรียมแผนพัฒนาระบบเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยในระยะยาว ด้วยการผลักดัน Cloud, เสนอแนวทาง Low-Carbon, ส่งเสริมการพัฒนา IT Infrastructure, ร่วมสร้างบุคลากรและ Ecosystem ในไทย
- Huawei เปิดแผนก Digital Power ในไทย พร้อมใช้ประเทศไทยเป็น HQ สำหรับโซลูชันด้านนี้ทั่วภูมิภาค
ทีมผู้บริหารของ Huawei นั้นได้มาแสดงถึงวิสัยทัศน์ทางด้านการเติบโตของเทคโนโลยีดิจิทัลในประเทศไทยและภูมิภาค ASEAN ในงานสัมมนา Powering Digital Thailand 2022 – HUAWEI CLOUD & CONNECT ถึงการเติบโตอย่างรวดเร็วและยั่งยืน ว่าจะต้องเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นควบคู่กันไปหลังจากนี้
คุณ Lin Baifeng ผู้ดำรงตำแหน่ง President แห่ง Huawei Asia Pacific ได้เริ่มต้นจากการกล่าวถึงเป้าหมายร่วมของประเทศในแถบ ASEAN ที่ต้องการผลักดันให้ Digital Economy หรือเศรษฐกิจดิจิทัลนั้นเติบโตขึ้นและกลายเป็นอันดับ 5 ของโลกให้ได้ภายในปี 2025 ที่ส่งผลให้หลายๆ ประเทศได้เริ่มวางยุทธศาสตร์ทางด้านดิจิทัลกันอย่างจริงจัง รวมถึงประเทศไทยเองที่มีแผนการก้าวไปสู่การเป็น Thailand 4.0 และเป็น Digital Hub ให้กับ ASEAN
อย่างไรก็ดีเส้นทางนี้ก็มีทั้งโอกาสและอุปสรรคไปพร้อมๆ กัน โดยสำหรับประเทศไทย คุณ Lin Baifeng มีความเห็นว่าประเทศไทยถือว่าเป็นผู้นำในการผลักดันทางด้านดิจิทัลจากการที่มีนโยบายภาครัฐและภาคอุตสาหกรรมคอยสนับสนุนการพัฒนาทางด้าน 5G, IoT และ Cloud อยู่ เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่เศรษฐกิจดิจิทัลนี้จะมีสัดส่วน 30% ภายใน GDP ของประเทศให้ได้ และการพัฒนาในส่วนนี้ก็กำลังเติบโตไปอย่างรวดเร็ว ทั้งการผลักดันให้โรงงาน 10,000 แห่งได้เริ่มใช้งาน 5G, การเพิ่มขึ้นของธุรกิจที่ใช้ Cloud จาก 25% มาเป็น 70% ในปี 2021 และการนำเทคโนโลยีมาใช้ในช่วงวิกฤตสำหรับอุตสาหกรรมหลักๆ อย่างเช่นการศึกษาและธุรกิจโรงงานและการผลิต
ที่ผ่านมา ทาง Huawei เองก็ได้มีส่วนร่วมในการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยด้วยกันหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งเสาสัญญาณ 5G มากถึง 20,000 ชุดในประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่ 70% ของ EEC และกทม. จนส่งผลให้ทุกวันนี้มีผู้ใช้งาน 5G ในไทยแล้วมากกว่า 4.2 ล้านราย สูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเดียวกันถึง 2.5 เท่า รวมถึงยังเป็นผู้ให้บริการ Cloud ระดับโลกรายแรกที่มาลงทุนสร้าง Cloud Data Center ในประเทศไทย และได้มีส่วนสนับสนุนนำ AI มาช่วยตรวจหา COVID-19 จากการทำ CT Scan และพัฒนาระบบ 5G Ambulance ในไทยด้วย
ในเดือนกันยายนที่ผ่านมา Huawei ยังได้ร่วมมือกับกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมในการสร้าง 5G Ecosystem Innovation Center เพื่อเตรียมบ่มเพาะผู้พัฒนานวัตกรรม 5G ในไทย รวมถึงยังมีการบริจาคอุปกรณ์ทางการแพทย์และเทคโนโลยีให้ประเทศไทยใช้ฝ่าฟันวิกฤต COVID-19 อีกทั้งยังได้ฝึกอบรมทางด้านเทคโนโลยีให้แก่บุคลากรในไทยไปแล้วมากกว่า 40,000 คน
หลังจากนี้ Huawei ก็ต้องการที่จะเข้ามามีบทบาทในการร่วมพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของไทยใน 4 แง่มุม ได้แก่
- Cloud Services ทาง Huawei จะเร่งเสริมศักยภาพของระบบ Cloud ภายในภูมิภาคนี้ โดยที่ผ่านมา Huawei Cloud ก็มี 7 Availability Zone ภายในไทย, สิงคโปร์ และฮ่องกงอยู่ก่อนแล้ว
- Low-Carbon Development Huawei จะให้ความสำคัญกับงานวิจัยเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานในการขับเคลื่อนนวัตกรรมต่างๆ น้อยที่สุด เพื่อช่วยลด Carbon Footprint ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
- Innovative Digital Infrastructure ในรายงาน Intelligent World 2030 Report โดย Huawei นั้นได้ทำนายเอาไว้ว่าภายในปี 2030 การเชื่อมต่อทั่วโลกจะเกิดขึ้นมากถึง 200,000 ล้านอุปกรณ์ โดยในประเทศไทย Huawei นั้นได้วางระบบ IT Infrastructure ใหม่ให้กับ KMUTT เพื่อให้มีการเชื่อมต่อเครือข่ายแบบมีสายและไร้สายที่มีคุณภาพและมั่นคงปลอดภัย
- Partner & Digital Talent Ecosystem Huawei จะขยายฐาน Ecosystem ให้ใหญ่ยิ่งขึ้น โดยที่ผ่านมาก็มีการสร้างพันธมิตรทั่วภูมิภาคไปแล้วกว่า 7,900 ราย และทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยกว่า 200 แห่ง
ประเด็นด้าน Low-Carbon Development นี้ถือเป็นประเด็นหนึ่งที่ Huawei ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยคุณ Abel Deng ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO แห่ง Huawei Technologies (Thailand) Co., Ltd. ก็ได้เจาะลึกถึงประเด็นนี้โดยเฉพาะ
Huawei เชื่อว่าการพัฒนานวัตกรรมหรือแนวทางใหม่ๆ ก็ต้องเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วย โดยจากรายงาน World Economic Forum นั้น ภายในปี 2030 ปริมาณการปล่อยคาร์บอนนั้นจะลดลงถึง 12,000 ล้านตันจากการที่ทั่วโลกหันไปใช้เทคโนโลยีดิจิทัลกันมากขึ้น ซึ่ง Huawei เองก็มีความเห็นที่สอดคล้องกับรายงานดังกล่าว ทั้งจากกรณีศึกษาในสวีเดนที่สามารถใช้ Big Data และ Drone เพื่อลดการใช้ยาฆ่าแมลงไปได้ถึง 20 เท่า และที่ฮาร์บินในประเทศจีนที่ได้ใช้ Smart Heating เพื่อลดการใช้พลังงานลงไปถึง 12.5%
ในมุมของ Huawei นั้น ได้มีการนำเสนอแผน Forge Low-Carbon Digital Thailand เอาไว้ 4 ขั้นตอน ดังนี้
- การเร่งให้ประเทศไทยใช้ 5G ให้รวดเร็วมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างผลกระทบในเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ และมีโอกาสในการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ บน 5G ก่อนใคร
- การนำ Huawei Cloud มาเร่งสร้างความเข้มแข็งให้กับ Digital Platform ไทย และครอบคลุมถึงประเด็นด้าน Data Security โดย Huawei เองก็ได้ออกมาประกาศถึงการเปิดตัว Availability Zone ใน Data Center แห่งที่ 3 ในประเทศไทยแล้วอย่างเป็นทางการในเวลานี้
- การผลักดัน Low-Carbon Thailand ด้วยโซลูชัน Digital Power เพื่อให้ไทยขึ้นเป็นผู้นำทางด้านนี้ในภูมิภาค ASEAN โดย Huawei ได้ทำการตั้งทีม Digital Power ในไทย และให้ประเทศไทยเป็น Headquarter ทางด้าน Digital Power ของภูมิภาค
- การทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ และสร้างบุคลากรทางด้านเทคโนโลยีเพิ่มเติม
ทั้งหมดนี้ก็ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเพราะวิสัยทัศน์ของ Huawei นี้ไม่เพียงแต่ครอบคลุมถึงประเด็นด้านเทคโนโลยี, นวัตกรรม และบุคลากรเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการลดใช้พลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อมไปด้วยในเวลาเดียวกัน เพื่อให้ประเทศไทยเติบโตต่อไปได้อย่างยั่งยืนในอนาคต และเปิดโอกาสในการสร้างตลาดใหม่ๆ ในฐานะของผู้นำในภูมิภาค ASEAN นั่นเอง