- Huawei Cloud เตรียมปรับสู่ภาพของการให้บริการแบบ Everything as a Service ครอบคลุมทั้ง Cloud Infrastructure, Cloud Platform และ Expertise Solutions
- Huawei Cloud เผยแผนเปิด Data Center แห่งที่ 3 ในไทย เพิ่ม Availability Zone ในไทยให้มากขึ้น
- Huawei เตรียมนำโซลูชันและบริการ Cloud ใหม่ๆ มาเปิดให้ใช้งานได้ในไทย เพื่อให้ธุรกิจองค์กรไทยและภาครัฐมีทางเลือกในการสร้างสรรค์นวัตกรรมได้อย่างรวดเร็ว
ภายในงานสัมมนา Powering Digital Thailand 2022 – HUAWEI CLOUD & CONNECT คุณ Zhang Ping’an ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO แห่ง HUAWEI CLOUD BU และ President แห่ง Consumer Cloud Service ได้ออกมาประกาศถึงวิสัยทัศน์ของ Huawei Cloud ที่ต้องการก้าวไปสู่ภาพของการเป็นผู้ให้บริการ Everything as a Service ในไทยและทั่วโลก
คุณ Zhang Ping’an ได้เล่าถึงแนวโน้มของการทำ Digital Transformation ที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกนี้ว่าทำให้ธุรกิจที่มีวิสัยทัศน์ทางด้านเทคโนโลยีที่แตกต่างกันนั้นมีผลลัพธ์ในการดำเนินธุรกิจที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวคือธุรกิจที่ดำเนินโครงการด้าน Digital Transformation อย่างจริงจังนั้นจะมีรายรับที่เหนือกว่าธุรกิจที่ไม่ยอมปรับตัวอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะในอุตสาหกรรมใดก็ตาม และมีอัตราความเร็วในการเติบโตของธุรกิจต่างกันถึง 5 เท่าเลยทีเดียว
สิ่งที่ Huawei เชื่อว่าจะเป็นหัวใจในความสำเร็จบนโลกดิจิทัลของธุรกิจองค์กรนั้น ก็คือการคิดและทำแบบ Cloud Native ที่จะต้องปรับแนวทางการดำเนินธุรกิจขึ้นสู่เทคโนโลยีของ Cloud อย่างเต็มตัว ให้ทุกการดำเนินธุรกิจมีเทคโนโลยีดิจิทัล, Cloud และ AI ซึ่งตรงนี้เองก็ทำให้ Huawei ต้องก้าวต่อไปจากการเป็นเพียงผู้ให้บริการ Cloud เพียงอย่างเดียว สู่ภาพของการเป็นผู้ให้บริการ Everything as a Service ต่อไป โดยมีการแบ่งบริการนี้ออกเป็น 3 ส่วนด้วยกัน ได้แก่
- Infrastructure as a Service การให้บริการ IT Infrastructure บน Cloud ให้ธุรกิจองค์กรเช่าไปใช้งานได้ ซึ่งส่วนนี้เป็นความชำนาญเดิมของ Huawei Cloud อยู่แล้ว โดยปัจจุบัน Huawei Cloud มีลูกค้าใน 170 ประเทศทั่วโลก ให้บริการผ่าน 27 Region, 61 Availability Zone และมี CDN Node มากกว่า 2,500 แห่งทั่วโลก รวมถึงยังมีบริการ SparkRTC ที่ให้บริการด้านวิดีโอและเสียงโดยเฉพาะ ซึ่งมีความมั่นคงทนทาน ถึงระดับ 99.99% และมี Latency ต่ำกว่า 200 Millisecond
- Technology as a Service เป็นบริการในระดับที่สูงขึ้นมากว่า IT Infrastructure โดยมุ่งเน้นที่การให้บริการระดับ Platform เพื่อให้ธุรกิจองค์กรไม่ต้องออกแบบหรือดูแลรักษา IT Infrastructure ด้วยตนเอง แต่สามารถพัฒนา Application หรือจัดการกับข้อมูลได้ตามต้องการทันที โดยจะมีบริการในส่วนของ Cloud Native, AI, Data Analytics และ Security Cloud
- Expertise as a Service เป็นบริการในกลุ่มที่ Huawei เรียกชื่อว่า MacroVerse aPaaS ที่ผสานรวม Cloud, API และ Software Development Kit สำหรับงานเฉพาะทางและธุรกิจในแต่ละอุตสาหกรรมเอาไว้ เพื่อให้ภาคธุรกิจนำไปใช้งานต่อยอดได้อย่างสะดวกและง่ายดายภายในระบบ Web Application, Mobile Application และอื่นๆ ได้ตามต้องการ
สำหรับบริการของ Huawei Cloud ในประเทศไทยที่ผ่านมานั้นก็มีการเติบโตที่น่าสนใจ และเริ่มมีลูกค้าในกลุ่มธุรกิจองค์กรหลายรายด้วยกันแล้ว เช่น
ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) นำ Huawei Cloud ไปใช้ในส่วนของบริการ Digital Loan และ Mix-and-Match Digital Banking System เพื่อสนับสนุนผู้ใช้งานในไทยกว่า 10 ล้านคน รองรับการทำธุรกรรมมากกว่า 300 รายการต่อวินาที ด้วยความเร็วในการตอบสนองที่ 0.1 วินาที ซึ่งทางธนาคารเองก็มีความมั่นใจในประสิทธิภาพและความมั่นคงปลอดภัยของ Huawei Cloud
ทางด้าน CPF นั้นก็เป็นอีกองค์กรใหญ่ที่ตัดสินใจใช้ Huawei Cloud ในรูปแบบ Hybrid ให้ทำงานร่วมกับระบบ Application เดิมที่มีอยู่ได้ ทดแทนระบบ Kubernetes ที่ใช้งานอยู่เดิมด้วยโซลูชันระบบ Container บน Huawei Cloud ซึ่งการย้ายระบบทั้งหมดสามารถทำได้แล้วเสร็จภายในเวลา 6 สัปดาห์ และผลลัพธ์คือการที่บริการต่างๆ สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็วด้วย Latency ที่ต่ำกว่า 10 Millisecond เท่านั้น
นอกเหนือจากประเทศไทย Nestia ซึ่งเป็นผู้พัฒนา Lifestyle App ในสิงคโปร์ ก็ได้มีการใช้บริการ Location และ Map ใน HMS Core เพื่อให้บริการในรูปแบบใหม่ๆ เช่นการแบ่งปันร่ม ซึ่งความแม่นยำในเชิงตำแหน่งและเส้นทางนั้นสูงขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า รวมถึงหลังจากที่มีการนำ Application มาลงใน Huawei AppGallery แล้ว จำนวนผู้ใช้งานก็เติบโตขึ้นไปจนถึง 1.61 ล้านคน และมี Active User รายวันถึง 200,000 คนเลยทีเดียว
แผนการในการลงทุน Huawei Cloud ในประเทศไทยนั้นยังคงมีต่อเนื่อง โดยล่าสุด Huawei Cloud ได้ประกาศถึงการเปิด Availability Zone แห่งที่ 3 ในประเทศไทยภายในเดือนธันวาคม 2021 นี้ รองรับการทำ DR ได้ถึงระดับ Data Center ด้วย Data Consistency ระดับ 99.9999999999% และมีแผนในการนำบริการใหม่ๆ เข้ามาเปิดให้บริการในไทยอีกมากมาย โดยมีตัวอย่างที่น่าสนใจเช่น
- Distributed UCS สามารถติดตั้งใช้งาน Cloud Native ได้ในทุกระบบ ไม่ว่าจะเป็น Cloud หรือ On-Premises ก็ตาม
- Pangu Models ช่วยให้สามารถสร้าง AI Model ที่มีความแม่นยำสูงได้จากตัวอย่างข้อมูลที่มีปริมาณน้อย ลดเวลาในการสร้าง AI จากเดิมที่อาจต้องใช้เวลาหลายเดือนลดเหลือเพียงแค่ไม่กี่วัน และช่วยให้เกิดการใช้งาน AI ในภาคธุรกิจได้อย่างคล่องตัวยิ่งขึ้น
ก็ถือเป็นการประกาศที่น่าสนใจและเป็นข่าวดีที่เราจะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ เป็นทางเลือกให้ใช้งานได้จาก Cloud Data Center ในประเทศไทยโดยตรงกันครับ ในขณะที่การที่ Huawei Cloud เริ่มมีลูกค้าเป็นกลุ่มธุรกิจองค์กรขนาดใหญ่ในไทย ก็ถือเป็นก้าวที่สำคัญที่แสดงให้เห็นว่าธุรกิจองค์กรไทยเริ่มมีความเชื่อมั่นกับ Huawei Cloud แล้ว และมีการใช้งานจริงในระดับของสถาบันการเงินกันแล้วด้วย