Black Hat Asia 2023

[Guest Post] ผลการศึกษาชี้ องค์กรภาครัฐเป็นผู้นำในการใช้มัลติคลาวด์

ผลสำรวจเผยให้เห็นว่าสถาบันการศึกษาของรัฐเป็นภาคส่วนที่ใช้มัลติคลาวด์ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของการใช้มัลติคลาวด์ของภาครัฐทั่วโลกถึงสองเท่า

นูทานิคซ์ (NASDAQ: NTNX) ผู้นำด้านไฮบริด มัลติคลาวด์ คอมพิวติ้ง เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับภาครัฐจากรายงานการสำรวจดัชนีการใช้คลาวด์ระดับองค์กร (Enterprise Cloud Index – ECI) ประจำปี 2565 ซึ่งประเมินความคืบหน้าขององค์กรต่าง ๆ ในการใช้เทคโนโลยีคลาวด์ รวมถึงหน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ และสถาบันการศึกษาของรัฐทั่วโลก รายงานดังกล่าวชี้ว่าองค์กรภาครัฐใช้มัลติคลาวด์เป็นรูปแบบหลักในงานด้านไอที โดยอยู่ในระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลก และคาดว่าการใช้เทคโนโลยีดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าจาก 39% เป็น 67% ในช่วงสามปีข้างหน้า

มัลติคลาวด์ได้รับการยอมรับและนำมาใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันกลายเป็นสถาปัตยกรรมด้านไอทีที่มีการใช้งานอย่างกว้างขวางทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนของภาครัฐ ผลสำรวจ ECI พบว่ามีการใช้มัลติคลาวด์มากที่สุดในส่วนภาคการศึกษาของรัฐในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก โดยอยู่ที่ 69% สูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกเกือบสองเท่า นอกจากนี้ หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ก็มีการใช้มัลติคลาวด์สูงกว่าค่าเฉลี่ยเช่นกัน อยู่ที่ 47% อย่างไรก็ตาม ความซับซ้อนในการจัดการคลาวด์หลายระบบยังคงเป็นปัญหาท้าทาย
ที่สำคัญสำหรับองค์กรภาครัฐ 85% ของผู้ตอบแบบสำรวจมีความเห็นว่า การที่องค์กรต่าง ๆ จะประสบความสำเร็จได้นั้น จำเป็นต้องมีการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการคลาวด์หลาย ๆ ระบบให้ง่ายมากขึ้น  นอกจากนั้น ในการแก้ไขปัญหาท้าทายที่สำคัญในเรื่องที่เกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ความปลอดภัย การใช้งานร่วมกัน และการบูรณาการข้อมูล 75% มีความเห็นว่า รูปแบบไฮบริดมัลติคลาวด์ (Hybrid Multicloud) ซึ่งเป็นรูปแบบการดำเนินงานด้านไอทีที่ใช้ระบบคลาวด์หลายประเภท ทั้งไพรเวทคลาวด์และพับลิคคลาวด์ โดยมีการทำงานร่วมกันอย่างกลมกลืน ถือเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ชิป จอร์จ รองประธานกลุ่มธุรกิจภาครัฐของนูทานิคซ์ กล่าวว่า “ประเทศทั่วโลก กำลังพัฒนาไปใช้โครงสร้างพื้นฐานไอทีแบบมัลติคลาวด์ที่มีการผสมผสานไพรเวทคลาวด์และพับลิคคลาวด์เข้าด้วยกัน โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งในส่วนของภาครัฐซึ่งมีการนำไปใช้อย่างรวดเร็ว การพัฒนาที่ว่านี้จำเป็นต้องอาศัยความมุ่งมั่นในการสร้างแพลตฟอร์มที่แข็งแกร่งและปลอดภัย เพื่อให้สามารถใช้มัลติคลาวด์ได้อย่างเต็มศักยภาพและขยาย

ขีดความสามารถให้ครอบคลุมทั้งส่วนแกนหลัก (Core) และส่วนขอบ (Edge) ของเครือข่าย องค์กรภาครัฐจำเป็นที่จะต้องมองหาโซลูชันไฮบริดมัลติคลาวด์ที่ตอบโจทย์ความต้องการด้านความปลอดภัย รวมถึงการตรวจสอบอย่างทั่วถึง การจัดการที่มีประสิทธิภาพ การบังคับใช้นโยบายที่สอดคล้องกัน และการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างรัดกุมบนทุกสภาพแวดล้อม”

ผู้ตอบแบบสอบถามในส่วนของภาครัฐได้ตอบคำถามเกี่ยวกับความท้าทายด้านระบบคลาวด์ที่เผชิญอยู่ ณ ปัจจุบัน รวมไปถึงวิธีการรันแอปพลิเคชันทางธุรกิจ และแอปพลิเคชชันที่สำคัญต่อการดำเนินงานในปัจจุบัน และแผนการรันแอปพลิเคชันดังกล่าวในอนาคต  นอกจากนั้น ยังมีการสอบถามเกี่ยวกับผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผลต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานไอทีในปัจจุบัน ในอนาคต และเร็วๆ นี้  รวมถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ด้านไอทีและภารกิจสำคัญอันเนื่องมาจากสถานการณ์ดังกล่าว โดยประเด็นสำคัญที่ระบุไว้ในรายงานฉบับล่าสุดมีดังนี้:

  • หน่วยงานภาครัฐเผชิญความท้าทายเกี่ยวกับมัลติคลาวด์ เช่น การปกป้องข้อมูลบนคลาวด์หลายระบบ (49%), การใช้งานแอปพลิเคชันที่ใดก็ได้ (47%), การรักษาความปลอดภัย (46%) และการจัดการค่าใช้จ่าย (45%) นอกจากนี้ หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ เกือบทั้งหมด (97%) รวมไปถึง 86% ของสถาบันการศึกษาของรัฐ และ 87% ของหน่วยงานภาครัฐทั่วโลก กำลังประสบปัญหาขาดแคลนทักษะด้านไอทีสำหรับการตอบสนองความต้องการทางธุรกิจในปัจจุบันและโฟกัสหลักสำหรับหลาย ๆ องค์กรในช่วงหนึ่งปีนับจากนี้คือ การลดความยุ่งยากซับซ้อนในการดำเนินงาน  อย่างไรก็ดี ผู้บริหารฝ่ายไอทีตระหนักว่าในการปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์ ไม่มีแนวทางแบบครอบจักรวาลที่ใช้ได้กับทุกสถานการณ์ ดังนั้นไฮบริดมัลติคลาวด์จึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดตามความเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ (75%)  โดยไฮบริดมัลติคลาวด์จะช่วยแก้ไขความท้าทายที่สำคัญบางประการให้กับการใช้งานมัลติคลาวด์ ด้วยการจัดหาสภาพแวดล้อมคลาวด์แบบครบวงจรเพื่อรองรับการปรับใช้นโยบายด้านการรักษาความปลอดภัยและการกำกับดูแลข้อมูลอย่างสอดคล้องกัน
  • หน่วยงานภาครัฐมีความเห็นในแง่บวกเกี่ยวกับการที่แอปพลิเคชันสามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้ (application mobility) ซึ่งเป็นคุณสมบัติสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการใช้คลาวด์อัจฉริยะและมัลติคลาวด์ และถึงแม้ว่า 75% ขององค์กรภาครัฐโยกย้ายแอปพลิเคชันอย่างน้อยหนึ่งแอปพลิเคชันไปยังสภาพแวดล้อมด้านไอทีใหม่เมื่อปีที่แล้ว แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ (91%) โดยองค์กรที่ทำการโยกย้ายดังกล่าวระบุถึงปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการตัดสินใจได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัยและ/หรือการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (33%), การเพิ่มขีดความสามารถในการควบคุม (31%) และประสิทธิภาพ (30%) นอกจากนั้น 76% มีความเห็นว่าการย้ายเวิร์กโหลดไปยังคลาวด์ระบบใหม่อาจต้องใช้เวลาและมีค่าใช้จ่ายจำนวนมาก เปรียบเทียบกับ 80% ของผู้ตอบแบบสอบถามทั้งหมดในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าองค์กรภาครัฐมองว่าการเคลื่อนย้ายแอปพลิเคชันเป็นปัญหาที่น้อยกว่า ส่วนสถาบันการศึกษาของรัฐ ซึ่งมีการใช้มัลติคลาวด์มากที่สุด ก็มีความเห็นในแง่บวกมากยิ่งขึ้น โดยมีเพียง 56% เท่านั้นที่ประสบปัญหาเรื่องการเคลื่อนย้ายแอปพลิเคชัน ขณะที่หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ มีความกังวลใจในเรื่องนี้มากที่สุด โดยอยู่ที่ 77%
  • ภารกิจสำคัญสูงสุดด้านไอทีของภาครัฐในช่วง 12 ถึง 18 เดือนข้างหน้า ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพด้านความปลอดภัย (46%), การจัดเก็บข้อมูล (41%), การปรับใช้ 5G (39%) และการเพิ่มประสิทธิภาพการจัดการมัลติคลาวด์ (39%) นอกจากนี้ ผู้ตอบแบบสอบถามภาครัฐยังระบุว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้องค์กรต้องเพิ่มการใช้จ่ายด้านไอทีในบางแง่มุม เช่น การเพิ่มความแข็งแกร่งด้านการรักษาความปลอดภัย (55%), การปรับใช้เทคโนโลยีการบริการตนเองโดยใช้ AI (50%) และการอัพเกรดโครงสร้างพื้นฐานไอทีที่มีอยู่ (40%)

สำหรับประเทศไทย ได้มีการสร้างบริการระบบคลาวด์กลางภาครัฐ หรือ GOV Cloud เพื่อเป็นศูนย์รวมอำนวยความสะดวกในการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน เมื่อเดือนพฤษภาคม 2562

นอกจากนี้ยังมีโครงการพัฒนาระบบคลาวด์กลางภาครัฐ (GDCC) ซึ่งมีเป้าหมายสำคัญให้เกิดการรวมศูนย์การให้บริการเครื่องคอมพิวเตอร์แม่ข่ายเสมือนที่ได้มาตรฐานและมีความปลอดภัยสูงให้กับหน่วยงานภาครัฐที่ขาดความพร้อมด้านการดูแลศูนย์ข้อมูลและขาดบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะ ทั้งนี้ยังให้การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ของรัฐให้มีความสามารถด้าน Cloud computing เพื่อให้เข้าใจกระบวนการทำงานและวิธีการใช้งาน Cloud ได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ

รายงานนี้ดำเนินการสำรวจโดย Vanson Bourne  ในนามของนูทานิคซ์ เป็นการสำรวจปีที่สี่ติดต่อกัน โดยได้สำรวจความคิดเห็นของผู้มีอำนาจตัดสินใจด้านไอที 1,700 คนทั่วโลกในช่วงเดือนสิงหาคมและกันยายน 2564 รายงานนี้เป็นฉบับเสริมของรายงานหลัก ดัชนีคลาวด์ระดับองค์กรประจำปี ฉบับที่สี่ (Fourth Annual Enterprise Cloud Index) ซึ่งมีเนื้อหาครอบคลุมทั่วโลก โดยมุ่งสำรวจแนวโน้มการวางแผนและการปรับใช้เทคโนโลยีคลาวด์ในส่วนของภาครัฐ และอ้างอิงผลการสำรวจความคิดเห็นของบุคลากรฝ่ายไอทีภาครัฐ 491 คน นอกจากนี้ มีการเปรียบเทียบแผนงาน ภารกิจสำคัญ และประสบการณ์เกี่ยวกับคลาวด์ในส่วนของภาครัฐและเซ็กเตอร์ย่อย รวมถึงกลุ่มอุตสาหกรรมอื่น ๆ และผลการสำรวจทั่วโลก ข้อมูลที่ระบุไว้ในรายงานฉบับนี้ครอบคลุม “องค์กรภาครัฐ” หรือ “ภาครัฐทั่วโลก” ซึ่งหมายถึงผู้ตอบแบบสอบถามในหน่วยงานรัฐบาลกลาง หน่วยงานส่วนกลาง รัฐบาลท้องถิ่น สถาบันการศึกษาของรัฐ และหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก  นอกจากนี้ยังมีการแบ่งเซ็กเตอร์ย่อยสำหรับการเปรียบเทียบ ซึ่งได้แก่ หน่วยงานรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ และสถาบันการศึกษาทั่วโลก

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับรายงานฉบับนี้ และข้อมูลที่ได้จากการสำรวจ สามารถดาวน์โหลดรายงาน Enterprise Cloud Index ของนูทานิคซ์ฉบับเต็มได้ที่นี่


About Maylada

Check Also

Google จับมือ Replit เสริมบริการ Generative AI สำหรับ Software Development

Google จับมือ Replit เสริมบริการ Generative AI สำหรับ Software Development

Microsoft เปิดตัว Security Copilot ระบบ AI ผู้ช่วยด้านความมั่นคงปลอดภัย

Microsoft เปิดตัว Security Copilot ระบบ AI ผู้ช่วยด้านความมั่นคงปลอดภัย ใช้งาน GPT-4