Gartner คาดว่าจำนวนอุปกรณ์ Internet of Things ที่ใช้ใน Smart City นั้นจะเติบโตขึ้นถึง 39% จากปี 2015 และมีปริมาณการใช้งานรวมที่ 1,600 ล้านชิ้นในปี 2016 และเติบโตต่อไปเรื่อยๆ จนถึง 3,300 ล้านชิ้นในปี 2018 ทั้งนี้โครงการ Smart Commercial Building จะมีการใช้งานอุปกรณ์ IoT เป็นอันดับหนึ่งในปี 2017 และปี 2018 นั้นจะเป็นปีของ Smart Home ที่ใช้อุปกรณ์ IoT เกินกว่า 1,000 ล้านชิ้น
Smart Commercial Buidling หรืออาคารพาณิชย์ที่มีการติดตั้ง Sensor นั้นจะได้รับประโยชน์จากเทคโนโลยี Internet of Things เป็นอย่างมาก เนื่องจากจะสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาและซ่อมแซมอาคารลงไปได้ถึง 30% สำหรับสถานที่ที่มีขนาดกว้าง ไม่ว่าจะเป็นนิคมอุตสาหกรรม, ห้างสรรพสินค้า, สนามบิน หรือแม้แต่ท่าเรือก็ตาม
ทางด้าน Smart Home หรือบ้านอัจฉริยะนั้น จะแบ่งอุปกรณ์ IoT ออกเป็นสามกลุ่มได้แก่ เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและอุปกรณ์ต่างๆ, อุปกรณ์สำหรับความบันเทิง และเซ็นเซอร์สำหรับติดตั้งภายในบ้าน
สำหรับการใช้งานจริงในปัจจุบันก็มีตัวอย่างที่น่าสนใจดังนี้
- ในงานประชุม COP21 ที่กรุงปารีสเกี่ยวกับสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมโลก ก็ได้มีการเปิดเผยถึงการเก็บข้อมูลมลภาวะต่างๆ ได้ผ่าน Internet of Things
- ที่ประเทศสิงคโปร์ก็ได้มีการนำ Internet of Things มาประยุกต์ใช้เข้ากับระบบรถบัส ที่จะช่วยเตือนให้คนขับสามารถรู้ว่าคนที่จะขึ้นรถเป็นใครบ้าง และถ้ามีผู้สูงอายุอยู่ ผู้ขับรถบัสก็อาจจอดรอนานขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น
- ที่เมืองมะละกาหรือแมดริด ก็มีการติดเซ็นเซอร์ตรวจจับมลภาวะบนรถมอเตอร์ไซค์และรถส่งจดหมาย เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงตัวเลขทางด้านมลภาวะต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแหล่งชุมชนเพื่อทำการปรับปรุง และให้บริษัทต่างๆ มองหาโอกาสในการสร้างคุณค่าสู่สังคมได้