เข้าสู่ศักราชแห่ง Quantum Leap ก้าวกระโดดใหม่ของ Data Center ด้วย Flash/SSD ที่จะถูกกว่า HDD ถึง 7 เท่า

ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ถือเป็นช่วงการเปลี่ยนแปลงของวงการ Data Center ทั่วโลกที่เกิดขึ้นรวดเร็วอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงในแนวคิดของการทำ Application Delivery, การออกแบบ Data Center, เทคโนโลยี Hardware ต่างๆ สำหรับ Data Center, ระบบเครือข่ายที่มีการอัพเกรดความเร็วและเพิ่มมาตรฐานใหม่ๆ ไปจนถึงการมาของ Mobile Device ที่เป็นที่แพร่หลายจนทำให้รูปแบบการทำงานของผู้คนเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก

EMC ได้ทำการสรุปประเด็นสถิติต่างๆ ที่น่าสนใจเพื่อให้เหล่าองค์กรและ ISP ต่างๆ ได้ทำการศึกษาเพื่อเตรียมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ โดยมีสถิติสำหรับประเทศไทยโดยเฉพาะให้ได้ศึกษาเป็นแนวทาง รวมถึงมีการอัพเดตข้อมูลเกี่ยวกับเทคโนโลยี Flash Storage และ Solid State Drive สำหรับการใช้งานในระดับ Data Center ที่จะกลายเป็นอนาคตของระบบจัดเก็บข้อมูลภายใน Cloud และ On-premises Data Center ต่อไปในอนาคตอีกด้วย

emc_dssd_banner

สถิติที่น่าสนใจทางด้าน IT ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย

ทาง EMC ได้สรุปตัวเลขสถิติที่น่าสนใจต่างๆ เอาไว้ดังนี้

  • ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการเติบโตของตลาด E-Commerce สูงที่สุดใน South East Asia และมีผู้ที่ใช้งานระบบ E-Commerce กว่า 500,000 คนทั่วประเทศในปัจจุบัน
  • มีการคาดการณ์ว่าองค์กรกว่า 55% จะมีการใช้งาน Cloud Computing อย่างเต็มตัวภายในช่วงปี 2016 – 2017
  • การมาของ 4G จะทำให้ปริมาณ Data Traffic เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ปริมาณผู้ใช้งาน Smart Phone ในประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นถึง 70% ภายในช่วงสิ้นปี 2017
  • ปัจจัยที่ทำให้ตลาดเติบโตได้แก่เทคโนโลยี Enterprise Mobility, Big Data Analytics และ Internet of Things (IoT)
  • ปริมาณผู้ใช้งาน Social Media ในประเทศไทยก็จะยังคงเติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ โดย Facebook ก็มีผู้ใช้งานถึง 30 ล้านคนแล้ว

จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีต่างๆ ที่เกิดขึ้นใหม่ๆ ในประเทศไทยไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไป และเหล่าผู้ใช้งานทั่วๆ ไปก็เริ่มตอบรับต่อเทคโนโลยีเหล่านี้กันมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตลาดนี้ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และแน่นอนว่าเทคโนโลยีฝั่ง Data Center เองก็ต้องปรับตัวเพื่อรองรับต่อการเติบโตเหล่านี้ให้ทัน

 

Quantum Leap: การเปลี่ยนแปลงทั่วโลกจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

Gartner ได้ทำนายเอาไว้ว่าในปี 2020 จะเป็นปีที่พลิกโฉมโลก Digital ด้วยการมาของ Software Driven ที่ใช้ Software เป็นหัวใจในการขับเคลื่อนทุกสิ่งอย่างของโลก ไม่เว้นแม้แต่ Data Center เองที่จะต้องรองรับทั้ง Workload ที่เพิ่มขึ้นไปพร้อมๆ กับการเติบโตของปริมาณข้อมูลที่ต้องจัดเก็บไปด้วยพร้อมๆ กัน

ในแง่การนำข้อมูลต่างๆ มาใช้งาน ความง่ายในการจัดการ, ความคุ้มค่าในการจัดเก็บ, ประสิทธิภาพในการเข้าถึงข้อมูล และความสามารถในการรักษาข้อมูลทั้งหมดให้ไม่สูญหายไปไหนก็ถือเป็นประเด็นที่สำคัญ ซึ่ง Data Center ในอนาคตจะต้องแข่งขันกันด้วยการลดค่าใช้จ่ายให้ต่ำที่สุด, เพิ่มความเร็วในการวิเคราะห์และนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ให้ได้รวดเร็วที่สุด และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงด้วยการทำขั้นตอนต่างๆ ให้ง่าย, ทำงานได้แบบอัตโนมัติ และมีความคุ้มค่าต่อค่าใช้จ่ายสูงสุดนั่นเอง

EMC และ VMware ได้ทำการศึกษาจากองค์กรต่างๆ และพบว่าความต้องการขององค์กรที่มีต่อ Data Center นั้นได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอย่างมาก ดังนี้

  • 77% ของ Data Center Infrastructure ต้องการทำการ Provision ให้ตอบโจทย์ต่างๆ ได้ภายในเวลาน้อยกว่า 1 วัน
  • 88% ขององค์กรต้องการติดตามการใช้งาน Resource ต่างๆ ทางด้าน IT ภายในแต่ละแผนกขององค์กรให้ได้แบบอัตโนมัติ
  • มากกว่า 80% พบว่า Data Center Infrastructure ขององค์กรไม่สามารถเพิ่มขยายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ภายในปี 2017 พบว่า CIO ทั่วโลกกว่า 80% จะเริ่มต้นทำ Data Transformation และ Governance Framework เพื่อเปลี่ยนข้อมูลที่มีอยู่ให้กลายเป็นขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด

มุมมองหนึ่งของ EMC ที่มีต่อการรับมือ Quantum Leap ก็คือการนำเทคโนโลยี Flash Storage และ Solid State Drive เข้ามาแก้ปัญหาความเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วเหล่านี้ให้ได้นั่นเอง

 

Flash Storage และ Solid State Drive จะกลายเป็นหัวใจของ Data Center ในอนาคต

Data Center ในอนาคตนั้นจะสามารถสร้างความเชื่อมั่นในการใช้งานได้ด้วยปัจจัย 5 ประการ ได้แก่ Flash เพื่อความรวดเร็วในการเข้าถึงข้อมูลและการประหยัดพลังงาน, Cloud Enabled การรองรับความยืดหยุ่นและความคุ้มค่าจากการใช้ Cloud, Scale Out การรองรับการเพิ่มขยายได้อย่างรวดเร็วและง่ายได้ และ Software Defined ที่ทำให้การควบคุมทุกองค์ประกอบของ Data Center สามารถทำได้ด้วย Software นั่นเอง ทั้งนี้ความทนทานของการจัดเก็บและการให้บริการข้อมูลที่เคยเป็นหัวใจของระบบจัดเก็บข้อมูลในแบบเดิมๆ ก็จะยังคงเป็นหัวใจของระบบจัดเก็บข้อมูลด้วย

ด้วยปัจจัยเหล่านี้ Data Center จะมีขนาดในเชิง Physical ที่ลดน้อยลง, ประหยัดพลังงานมากขึ้น, ประสิทธิภาพการทำงานที่สูงขึ้น

ในอนาคต ความคุ้มค่าของการใช้งาน Flash Storage และ Solid State Drive ภายใน Data Center จะสูงขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถแซงหน้าเทคโนโลยี SAS Hard Drive ความเร็ว 15,000 RPM แบบเดิมๆ ได้ ซึ่งคาดว่าการแซงหน้าในครั้งนี้จะเกิดขึ้นภายในปี 2016 นี้เอง จนภายในปี 2020 นั้น Flash Storage และ Solid State Drive จะมีราคาถูกกว่า Hard Drive ถึงราวๆ 732% หรือประมาณ 7 เท่าเลยนั่นเอง

 

EMC ชี้ All Flash Storage จะกลายเป็น Storage มาตรฐานสำหรับองค์กร

ปัจจุบันนี้ EMC เป็นผู้นำของตลาด All Flash Storage ที่มี Market Share วัดจาก Revenue สูงถึง 39% ซึ่งเหนือกว่าคู่แข่ง 3 เจ้าในลำดับถัดๆ ไปมารวมกันเสียอีก อีกทั้งยังเป็นผู้นำของตลาด Hybrid Flash Storage Array อีกด้วย ซึ่ง EMC ก็เชื่อว่าปี 2016 นี้จะเป็นปีที่ All Flash Storage จะได้กลายเป็น Storage มาตรฐานสำหรับองค์กร แทน SAN Storage แบบเดิมๆ และ Hybrid Flash Storage

สำหรับผลิตภัณฑ์ All Flash Array ของ EMC มีดังนี้

EMC VMAX All Flash: Throughput สูง 150GB/s, 4,000,000 IOPS และ Response Time 0.5 Millisecond รองรับความจุสูงสุด 4,000TB พร้อมฟีเจอร์การทำ HA, DR, SRDF สูงสุด 4 Site ได้ครบถ้วนในตัว ใช้งานทุกรูปแบบแทน High End SAN Storage แบบเดิมๆ ได้เลยด้วย 99.9999% Availability เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการใช้งาน Workload หลากหลาย รองรับการใช้งานระดับ Mainframe และ x86 Server เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีสาขาทั่วโลกและต้องการความทนทานระดับสูงสุด

EMC XtremIO: เน้นการใช้ All Flash Array ด้วยเทคโนโลยีพิเศษโดยเฉพาะจาก EMC รองรับการทำ HA, DR เน้นเรื่องประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้งานด้วยการทำ Deduplication เหมาะสำหรับองค์การขนาดกลางถึงขนาดใหญ่ที่ต้องการประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้งาน All Flash Array สูงสุด

EMC VBLOCK: ระบบ All Flash Converged Infrastructure ที่ติดตั้งสำเร็จรูปมาจาก EMC และง่ายต่อการติดตั้งและการ Scale Out โดยสามารถนำไปใช้งานได้หลากหลาย และเป็นหนึ่งเดียวกับระบบ Compute ในตัว

EMC DSSD D5: All Flash Storage ล่าสุดจาก EMC ที่มีขนาด 5U และเน้นประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งานที่ระดับ 10,000,000 IOPS, มี Throughput 100GBps, มีความจุสูง 144TB ภายใน 5U, Latency ต่ำกว่า 100 Microsecond และรองรับการเชื่อมต่อใช้งานได้หลากหลายรูปแบบได้ตามความต้องการทั้งในระดับของ Infrastructure และ Development รวมถึงการใช้งานร่วมกับ Oracle, SAS, Hadoop ได้ด้วยความเร็วสูง โดยผลการทดสอบ EMC DSSD D5 กับการใช้งาน Oracle RAC จำนวน 4 เครื่อง ก็ได้ผลคือ DSSD D5 ทำงานด้วยประสิทธิภาพถึง 5,300,000 IOPS เลยทีเดียว ส่วนการใช้งานกับ Hadoop ก็มีความเร็วสูงกว่าเดิมถึง 10 เท่า

 

สุดท้ายนี้ทางทีมงาน TechTalkThai ก็ขอขอบคุณการอัพเดตข้อมูลในครั้งนี้จากทาง EMC Thailand ด้วยนะครับ

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

จีเอเบิล ชี้ 3 Mega Trend ไอที เปลี่ยนโฉมธุรกิจองค์กรไทย พร้อมเป็น Tech Enabler ขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคต [PR]

ในยุคที่ธุรกิจองค์กรแข่งขันกันด้วยความเร็ว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์และผลกำไรที่มากขึ้น การลดต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่เพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจรวมถึงผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจองค์กรต่างๆ กำลังมองหา เพราะการดำเนินธุรกิจองค์กรในสถานการณ์ปัจจุบัน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้าง Competitive Advantage เพื่อเป็นฐานในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งแน่นอนว่าอาวุธที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากการพัฒนาคนในองค์กรให้เรียนรู้ทักษะด้านเทคโนโลยีอยู่เสมอ การเลือกใช้เทคโนโลยีที่ตรงกับกระแสทิศทางเทรนด์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและตอบโจทย์ในการสร้างผลกำไรของแต่ละธุรกิจองค์กรในทุกภาคอุตสาหกรรมก็เป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน

อาลีบาบา คลาวด์ เปิด ดาต้าเซ็นเตอร์ แห่งที่สองในประเทศไทยมาพร้อมกลุ่มผลิตภัณฑ์หลากหลายเพื่อรองรับ Generative AI และโซลูชันเฉพาะทางสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม [PR]

อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ประกาศเปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่สองในประเทศไทย มุ่งเพิ่มสมรรถนะในการตอบสนองความต้องการบริการคลาวด์คอมพิวติ้งที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะเพื่อรองรับแอปพลิเคชัน generative AI และสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทยที่มุ่งส่งเสริมนวัตกรรมดิจิทัลและการพัฒนาเทคโนโลยีที่นำสู่ความยั่งยืน