ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนอย่างในทุกวันนี้ ธุรกิจองค์กรจึงต้องเตรียมตัวให้พร้อมทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา ให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง โดยยังคงมีความมั่นคงปลอดภัยในการทำงาน และโซลูชัน Desktop-as-a-Service หรือ DaaS นี้เองก็คือโซลูชันที่จะมาตอบโจทย์นี้ได้ ด้วยคุณสมบัติดังนี้:
- ช่วยให้ผู้บริหารและพนักงานสามารถทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา โดยรองรับการเชื่อมต่อจากทุกอุปกรณ์ผ่านทุกเครือข่ายได้อย่างมั่นคงปลอดภัย
- คิดค่าใช้จ่ายตามการใช้งานจริง สามารถเพิ่มลดจำนวน Cloud Desktop ที่ต้องการได้อย่างอิสระ ยืดหยุ่นได้ตามสถานการณ์
- เสริมความมั่นคงปลอดภัย ตอบโจทย์นโยบายความมั่นคงปลอดภัยและการตอบรับต่อพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้ตามต้องการ
- มีทีมงานช่วยดูแลรักษาแก้ไขปัญหาให้ตลอด 24 ชั่วโมง
บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับหลักการทำงานเบื้องต้นของบริการ Desktop-as-a-Service นี้เพื่อเป็นอีกทางเลือกของภาคธุรกิจไทยกันครับ

รู้จัก Desktop-as-a-Service หรือ DaaS ใช้เครื่องคอมพิวเตอร์บน Cloud ได้อย่างมั่นคง ปลอดภัย มั่นใจ
แนวคิดของ DaaS นั้น คือการที่องค์กรสามารถยกเครื่อง PC หรือ Notebook ที่ผู้ใช้งานใช้ในการทำงานจากภายในออฟฟิศนั้นขึ้นไปอยู่บน Cloud แทน เพื่อให้ผู้บริหารหรือพนักงานทำการเชื่อมต่อไปยังเชื่อมต่อไปยังเครื่อง Cloud Desktop ที่มีทั้ง Application และข้อมูลที่จำเป็นต่อการทำงานนั้น และเริ่มใช้ทำงานได้ทันที ไม่ว่าจะเชื่อมต่อจากเครื่องคอมพิวเตอร์, Smartphone หรือ Tablet ก็ตาม
แนวทางดังกล่าวนี้ทำให้ผู้บริหารและพนักงานสามารถทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลา ด้วยประสบการณ์การทำงานที่เหมือนกับการนั่งทำงานภายในออฟฟิศ ไม่ว่าจะเป็นการเรียกใช้ Application ที่อยู่ภายใน Data Center ของบริษัทหรือบน Cloud หรือการเข้าถึงข้อมูลไฟล์งานหรือระบบ File Server กลางที่จำเป็นก็ตาม โดยแต่ละคนนั้นจะมี Cloud Desktop และพื้นที่จัดเก็บข้อมูลของตนเองแยกกันออกไป ทำให้ยังคงสามารถตั้งค่าการทำงานที่เหมาะสมกับความต้องการของตนเองได้
ในแง่ของการรักษาความมั่นคงปลอดภัย บริษัทนั้นก็สามารถเลือกได้ว่าจะนำนโยบายการรักษาความปลอดภัยแบบเดิม เช่น การยืนยันตัวตน, การกำหนดสิทธิ์ และอื่นๆ ที่เคยใช้ภายในองค์กรขึ้นมาใช้บน Cloud ตามด้วยหรือไม่ หรือจะทำการออกแบบนโยบายการรักษาความปลอดภัยแบบใหม่ พร้อมติดตั้งชุดเครื่องมือเพื่อรักษาความมั่นคงปลอดภัยแบบใหม่เสริมเข้าไปก็ได้เช่นกัน
ในขณะเดียวกัน สำหรับการปกป้องข้อมูลความลับขององค์กรและข้อมูลส่วนบุคคลที่ต้องใช้งานไม่ให้มีการรั่วไหลออกไปนั้นก็ถือว่าดีเยี่ยม เนื่องจาก DaaS นี้จะมีการจัดเก็บข้อมูลของเครื่อง Cloud Desktop แต่ละเครื่องเอาไว้บน Cloud โดยไม่ได้มีการส่งข้อมูลใดๆ ไปยังอุปกรณ์ที่ผู้บริหารหรือพนักงานใช้เชื่อมต่อเข้ามา ดังนั้นถึงแม้อุปกรณ์ของผู้บริหารหรือพนักงานจะสูญหายไป ข้อมูลสำคัญเหล่านั้นก็จะไม่รั่วไหลแต่อย่างใด อีกทั้งยังสามารถรองรับการใช้งานเครื่องมือเสริมความมั่นคงปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้งานได้ ช่วยให้มั่นใจได้มากยิ่งขึ้นไปอีกระดับ
สำหรับการลงทุนใช้งาน เนื่องจากบริการ DaaS นี้ถือเป็นบริการ Cloud ในรูปแบบหนึ่ง ดังนั้นการคิดค่าใช้จ่ายจึงมีความยืดหยุ่นตามการใช้งานจริง ซึ่งด้วยข้อดีเหล่านี้เอง ธุรกิจองค์กรไทยจำนวนมากจึงเลือกใช้บริการ DaaS ท่ามกลางภาวะการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ทำให้ธุรกิจต้องนำนโยบาย Work from Home มาใช้งานอย่างต่อเนื่องโดยไม่อาจทำนายได้ และ DaaS เองก็ทำให้ธุรกิจสามารถรับมือกับภาวะนี้ได้โดยไม่ต้องลงทุนติดตั้งระบบหรือจัดซื้ออุปกรณ์ใดๆ เพิ่มเติมด้วยตนเอง และยกเลิกการใช้งานได้เมื่อสถานการณ์คลี่คลายลง
ไม่ต้องกังวลเรื่องของการเชื่อมระบบเบื้องหลัง เพราะ NTT จะคอยดูแลคุณอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง

แน่นอนว่าการย้ายจากอุปกรณ์ PC หรือ Notebook ที่เคยให้ผู้บริหารและพนักงานใช้ขึ้นไปสู่ Cloud นั้นย่อมไม่ใช่เรื่องง่าย และทีมงาน NTT เองก็พร้อมจะคอยช่วยเหลือในประเด็นเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น
- การออกแบบระบบให้รองรับต่อผู้ใช้งานจำนวนมากได้
- การออกแบบ Cloud Desktop ให้ตอบโจทย์ต่อการใช้งานของผู้บริหารและพนักงานที่แตกต่างกันไป
- การย้าย Application หรือข้อมูลต่างๆ ที่เคยใช้งานอยู่เดิมขึ้นมาเชื่อมต่อกับ Cloud Desktop
- การเชื่อมผสานระบบเครือข่ายระหว่าง Cloud Desktop เข้ากับ Data Center และ Cloud ขององค์กร เพื่อให้มั่นใจได้ว่าระบบจะยังคงทำงานได้ตามที่ต้องการ
- การรักษาความมั่นคงปลอดภัยและปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลบน Cloud Desktop
- การฝึกอบรมการใช้งาน
- การดูแลรักษาแก้ไขปัญหาตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างต่อเนื่องไม่สะดุด
NTT นั้นได้ใช้เทคโนโลยีของ VMware Cloud ในการให้บริการทั้งในส่วนของ Cloud และ Desktop-as-a-Service เพื่อให้ธุรกิจองค์กรมั่นใจได้ทั้งในประสิทธิภาพ, ความมั่นคงปลอดภัย และความเข้ากันได้ของระบบกับ Business Application สำคัญของธุรกิจองค์กร โดยมีทีมงานวิศวกรผู้เชี่ยวชาญคอยให้คำปรึกษา ดูแลรักษา และแก้ไขปัญหาตลอดการใช้งาน ดังนั้นฝ่าย IT ขององค์กรจึงไม่ต้องกังวลถึงการดูแลรักษาเทคโนโลยีใหม่ที่ตนเองยังไม่คุ้นเคยนี้ และไว้วางใจให้ทีมงาน NTT คอยช่วยเหลือได้อยู่เสมอ
เกี่ยวกับเอ็นทีที

NTT Ltd. เป็นบริษัทผู้ให้บริการเทคโนโลยีชั้นนำระดับโลก เราร่วมมือกับองค์กรต่างๆทั่วโลกเพื่อกำหนดและบรรลุผลผ่านโซลูชั่นเทคโนโลยีอัจฉริยะ สำหรับเราแล้วอัจฉริยะหมายถึงการขับเคลื่อนข้อมูล การเชื่อมต่อดิจิทัล และความปลอดภัย ในฐานะผู้ให้บริการไอซีทีระดับโลกเรามีพนักงานมากกว่า 40,000 คนประจำอยู่ตามสำนักงานสาขา มากกว่า 57 ประเทศ และมีการแลกเปลี่ยนทางการค้าใน 73 ประเทศ พร้อมทั้งให้บริการมากกว่า 200 ประเทศ และเมื่อร่วมมือกันเราสามารถสร้างสรรค์อนาคตที่ทุกอย่างเชื่อมถึงกัน กรุณาเข้าเยี่ยมชมที่ hello.global.ntt.
ข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ
NTT Thailand
T: 02-625-0999
E: ap.th.ask@global.ntt

เกี่ยวกับ VMware Cloud Provider Program (VCPP)

โครงการ VCPP นี้คือโครงการที่ได้ผสานรวมเอาบริการ VMware Software-as-a-Service เข้ากับเหล่าผู้ให้ริการ VMware Service Provider Partners ทั่วโลก เพื่อให้ธุรกิจองค์กรต่างๆ สามารถใช้งานบริการ Cloud ที่มีเทคโนโลยีของ VMware เป็นเบื้องหลังได้ผ่านทางผู้ให้บริการที่มีมาตรฐาน
ปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้ให้บริการด้าน IT ที่ได้เข้าร่วมโครงการ VCPP มากกว่า 20 รายแล้ว ดังนั้นธุรกิจไทยจึงสามารถเลือกใช้งานบริการ Cloud ภายในประเทศที่ให้บริการเทคโนโลยีของ VMware และเชื่อมต่อระบบ Data Center ภายในธุรกิจองค์กรเข้ากับบริการ Cloud เหล่านี้สู่ภาพของ Hybrid Cloud หรือทำ Disaster Recovery ได้ทันที โดยมีทีมงานคนไทยคอยให้บริการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างใกล้ชิด
ผู้ที่สนใจใช้บริการ VMware ในรูปแบบของการคิดค่าใช้จ่ายตามจริง สามารถติดต่อทีมงานของ VMware ประจำประเทศไทย หรือสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VCPP ได้ที่ https://www.vmware.com/partners/service-provider.html และสามารถตรวจสอบสถานะของบริษัทต่างๆ ที่เป็น VCPP ได้ที่ https://cloud.vmware.com/providers/