พอดีทางทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้ไปร่วมงานแถลงข่าว Dell Future Ready Index มานะครับ ก็เลยขอถือโอกาสนี้มาสรุปให้ทุกคนได้อ่านกันด้วยดังนี้นะครับ
The Future Ready Enterprise กลยุทธ์ของ Dell ที่รองรับทั้ง IT ในปัจจุบันและอนาคต
ตอนนี้โลกของเรากำลังอยู่ในยุค Digital Transformation ซึ่งจะเป็นยุคที่เทคโนโลยีด้าน IT และแนวทางการทำธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง ทำให้ Dell มองระบบ IT ขององค์กรออกเป็นสองกลุ่มด้วยกัน ได้แก่
- กลุ่ม Traditional IT ยังคงเป็น Virtualization-based Cloud Solution แบบเดิมๆ และออกแบบ Application ในสถาปัตยกรรมแบบเดิมๆ
- กลุ่ม New IT มีเทคโนโลยี Scale-out, Hyperscale-inspired Cloud พร้อมทั้งต้องออกแบบ Application บนสถาปัตยกรรมแบบใหม่
Dell ได้ตอบโจทย์ของความแตกต่างของทั้งสองกลุ่มนี้ด้วยกลยุทธ์ Future-Ready IT คือสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาตรงกลางที่สามารถรองรับได้ทั้งสองเทคโนโลยี โดยมีการใช้ Software เป็นหลักของระบบ ทำให้ให้ลูกค้าสามารถลงทุนตามที่ใช้งานจริง, รองรับการเพิ่มขยายได้, รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคต และยังรองรับนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่จะปรากฎขึ้นมาในตลาดได้อีกด้วย
ผู้ที่สนใจรายงานฉบับเต็มของ Dell Future Ready Index สามารถ Download ได้ฟรีๆ ทันทีที่ https://marketing.dell.com/fre/idc-wp
ในมุมมองของลูกค้า สิ่งที่ต้องให้ความสนใจนั้นได้แก่ Scale หรือความสามารถในการเพิ่มขยายระบบ, Speed ความเร็วและความคล่องตัวในการทำธุรกิจ และ Save การประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุน โดยสิ่งที่ต้องรองรับต่อในอนาคตก็คือ Workload-ready รองรับการใช้งานหลายรูปแบบ, Virtualization-ready รองรับการทำ Virtualization, Software-defined รองรับสถาปัตยกรรมระบบที่ใช้ Software แทนสิ่งต่างๆ, Cloud-optimized รองรับการมาของ Cloud และ Big Data-optimized รองรับเทคโนโลยี Big Data Analytics ไปพร้อมๆ กัน
แนวทางของเทคโนโลยีที่ Dell ได้นำเสนอเพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ก็คือใช้ Converged Infrastructure ที่รวม Server, Storage, Networking และ Management เข้าด้วยกันเป็นระบบเดียวเพื่อให้สามารถเพิ่มขยายได้, มีความคล่องตัว และยังลงทุนตามการใช้งานจริง โดยมี Engineered Solutions ให้สามารถเลือกใช้ได้ในแบบสำเร็จรูปทันที และยังมี Reference Architectures เป็นแนวทางให้ใช้อ้างอิงในการออกแบบได้
ในภาพรวมการต่อยอดขึ้นไปจากระดับของ Infrastructure นั้น Dell ได้นำเสนอด้วยกัน 7 Solution ได้แก่ Unified Communications & Collaborations (UC&C), Virtual Desktop Infrastructure (VDI), Virtualization, Cloud, Data Analytics, Business Processing และ High Performance Computing (HPC)
ถ้าไม่ปรับตัวเข้ากับ Digital Transformation ให้ทัน ก็จะต้องกลายเป็นผู้แพ้
Digital Transformation คือคีย์เวิร์ดหลักในช่วงปีถัดๆ ไปจากนี้ ซึ่งเป็นคำที่จะสื่อถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจและวิธีการใช้ชีวิตทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การที่ Digital Transformation นี้จะเกิดขึ้นได้นั้นก็จำเป็นต้องมี Platform ที่พร้อม ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก่อนเป็นสิ่งแรกก็คือการเปลี่ยนแปลง Platform ให้พร้อมนั่นเอง และ Dell ในฐานะของ Vendor ที่ผันตัวมาเป็น Solution Provider ก็จะมาให้บริการเพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ ก้าวไปสู่อนาคตที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ แบบก้าวกระโดดในช่วงเวลานี้ให้ได้นั่นเอง
กลุ่มขององค์กรที่น่าสนใจคือกลุ่ม Future Creator หรือกลุ่มองค์กรที่สร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาในโลกนี้ ซึ่งองค์กรต่างๆ ที่ต้องการจะมีความสามารถในการแข่งขันก็ต้องพยายามก้าวเข้าไปสู่การเป็น Future Creator ให้ได้ และจากการสำรวจเกินกว่า 50% ขององค์กรก็เริ่มขยับตัวไปในทิศทางนี้แล้ว
ในแง่มุมของผู้ใช้งานนั้น เทคโนโลยีที่จะเป็นตัวผลักดันให้ Digital Transformation เกิดขึ้นมาได้ก็คือ Smartphone และ Tablet ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายทั้งหมดที่มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และเทคโนโลยีของ Internet of Things หรือ Sensor ก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยเชื่อมต่อทุกอย่างในโลกนี้เข้ากับอินเตอร์เน็ตทั้งหมดได้
แต่ในมุมของธุรกิจ Internet of Things นั้นจะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในการจัดการสินค้า, ผลิตภัณฑ์, การผลิต, การขนส่ง, การติดตามพฤติกรรมผู้บริโภค และอื่นๆ อีกมากมายเรียกได้ว่าครบทุกแง่มุมของการทำธุรกิจ ในขณะที่ Smartphone และ Tablet ก็จะกลายเป็นอุปกรณ์หลักในการใช้ทำงาน ซึ่งถึงตอนนี้จะยังค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปช้าๆ แต่ว่าอีก 3 ปีข้างหน้าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดอย่างรวดเร็ว
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำหรับคนที่พร้อมจะปรับตัว และนับเป็นวิกฤติของผู้ที่ไม่พร้อมจะปรับตัว
ข่าวดีก็คือ องค์กรหลายๆ แห่งในไทยก็เริ่มที่จะปรับตัวไปในทิศทางนี้แล้ว ในขณะที่ผู้ประกอบการในไทยนั้นก็มีโอกาสเติบโตไปได้มากกว่าที่จะล้มเหลว เพราะในไทยก็มี Platform และความพร้อมที่มากขึ้นที่จะแข่งขันกับประเทศต่างๆ แล้ว แต่ก็ยังประมาทไม่ได้เพราะคู่แข่งจากประเทศต่างๆ เองก็เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน
เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ รับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ให้ได้เป็นอย่างดีที่สุด Dell ก็ได้ก้าวข้ามจากผู้ขายผลิตภัณฑ์ กลายเป็นผู้ให้บริการ Solution แทนตามกลยุทธ์ Future-ready IT นั่นเอง และ Dell เองก็มีบริการให้คำปรึกษาแบบ End-to-End Solution พร้อมที่จะให้คำปรึกษาแก่องค์กรต่างๆ ในวันนี้แล้ว
สุดท้ายนี้ทาง TechTalkThai ก็ขอขอบคุณทาง Dell Thailand มากนะครับที่เชิญมาร่วมงานในครั้งนี้