สรุปงาน Dell Future Ready Index อัพเดตเทรนด์อนาคตปี 2016 กับ Dell Thailand

dell_future_ready_index_w1000

พอดีทางทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้ไปร่วมงานแถลงข่าว Dell Future Ready Index มานะครับ ก็เลยขอถือโอกาสนี้มาสรุปให้ทุกคนได้อ่านกันด้วยดังนี้นะครับ

 

The Future Ready Enterprise กลยุทธ์ของ Dell ที่รองรับทั้ง IT ในปัจจุบันและอนาคต

ตอนนี้โลกของเรากำลังอยู่ในยุค Digital Transformation ซึ่งจะเป็นยุคที่เทคโนโลยีด้าน IT และแนวทางการทำธุรกิจจะเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้ง ทำให้ Dell มองระบบ IT ขององค์กรออกเป็นสองกลุ่มด้วยกัน ได้แก่

  • กลุ่ม Traditional IT ยังคงเป็น Virtualization-based Cloud Solution แบบเดิมๆ และออกแบบ Application ในสถาปัตยกรรมแบบเดิมๆ
  • กลุ่ม New IT มีเทคโนโลยี Scale-out, Hyperscale-inspired Cloud พร้อมทั้งต้องออกแบบ Application บนสถาปัตยกรรมแบบใหม่

Dell ได้ตอบโจทย์ของความแตกต่างของทั้งสองกลุ่มนี้ด้วยกลยุทธ์ Future-Ready IT คือสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาตรงกลางที่สามารถรองรับได้ทั้งสองเทคโนโลยี โดยมีการใช้ Software เป็นหลักของระบบ ทำให้ให้ลูกค้าสามารถลงทุนตามที่ใช้งานจริง, รองรับการเพิ่มขยายได้, รองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคต และยังรองรับนวัตกรรมใหม่ล่าสุดที่จะปรากฎขึ้นมาในตลาดได้อีกด้วย

ผู้ที่สนใจรายงานฉบับเต็มของ Dell Future Ready Index สามารถ Download ได้ฟรีๆ ทันทีที่ https://marketing.dell.com/fre/idc-wp

ในมุมมองของลูกค้า สิ่งที่ต้องให้ความสนใจนั้นได้แก่ Scale หรือความสามารถในการเพิ่มขยายระบบ, Speed ความเร็วและความคล่องตัวในการทำธุรกิจ และ Save การประหยัดค่าใช้จ่ายในการลงทุน โดยสิ่งที่ต้องรองรับต่อในอนาคตก็คือ Workload-ready รองรับการใช้งานหลายรูปแบบ, Virtualization-ready รองรับการทำ Virtualization, Software-defined รองรับสถาปัตยกรรมระบบที่ใช้ Software แทนสิ่งต่างๆ, Cloud-optimized รองรับการมาของ Cloud และ Big Data-optimized รองรับเทคโนโลยี Big Data Analytics ไปพร้อมๆ กัน

แนวทางของเทคโนโลยีที่ Dell ได้นำเสนอเพื่อตอบโจทย์เหล่านี้ก็คือใช้ Converged Infrastructure ที่รวม Server, Storage, Networking และ Management เข้าด้วยกันเป็นระบบเดียวเพื่อให้สามารถเพิ่มขยายได้, มีความคล่องตัว และยังลงทุนตามการใช้งานจริง โดยมี Engineered Solutions ให้สามารถเลือกใช้ได้ในแบบสำเร็จรูปทันที และยังมี Reference Architectures เป็นแนวทางให้ใช้อ้างอิงในการออกแบบได้

ในภาพรวมการต่อยอดขึ้นไปจากระดับของ Infrastructure นั้น Dell ได้นำเสนอด้วยกัน 7 Solution ได้แก่ Unified Communications & Collaborations (UC&C), Virtual Desktop Infrastructure (VDI), Virtualization, Cloud, Data Analytics, Business Processing และ High Performance Computing (HPC)

 

ถ้าไม่ปรับตัวเข้ากับ Digital Transformation ให้ทัน ก็จะต้องกลายเป็นผู้แพ้

Digital Transformation คือคีย์เวิร์ดหลักในช่วงปีถัดๆ ไปจากนี้ ซึ่งเป็นคำที่จะสื่อถึงการเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจและวิธีการใช้ชีวิตทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว การที่ Digital Transformation นี้จะเกิดขึ้นได้นั้นก็จำเป็นต้องมี Platform ที่พร้อม ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ก่อนเป็นสิ่งแรกก็คือการเปลี่ยนแปลง Platform ให้พร้อมนั่นเอง และ Dell ในฐานะของ Vendor ที่ผันตัวมาเป็น Solution Provider ก็จะมาให้บริการเพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ ก้าวไปสู่อนาคตที่ใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ แบบก้าวกระโดดในช่วงเวลานี้ให้ได้นั่นเอง

กลุ่มขององค์กรที่น่าสนใจคือกลุ่ม Future Creator หรือกลุ่มองค์กรที่สร้างสิ่งใหม่ๆ ขึ้นมาในโลกนี้ ซึ่งองค์กรต่างๆ ที่ต้องการจะมีความสามารถในการแข่งขันก็ต้องพยายามก้าวเข้าไปสู่การเป็น Future Creator ให้ได้ และจากการสำรวจเกินกว่า 50% ขององค์กรก็เริ่มขยับตัวไปในทิศทางนี้แล้ว

ในแง่มุมของผู้ใช้งานนั้น เทคโนโลยีที่จะเป็นตัวผลักดันให้ Digital Transformation เกิดขึ้นมาได้ก็คือ Smartphone และ Tablet ซึ่งเป็นอุปกรณ์สำหรับใช้ในการเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายทั้งหมดที่มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ และเทคโนโลยีของ Internet of Things หรือ Sensor ก็จะเป็นสิ่งที่ช่วยเชื่อมต่อทุกอย่างในโลกนี้เข้ากับอินเตอร์เน็ตทั้งหมดได้

แต่ในมุมของธุรกิจ Internet of Things นั้นจะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในการจัดการสินค้า, ผลิตภัณฑ์, การผลิต, การขนส่ง, การติดตามพฤติกรรมผู้บริโภค และอื่นๆ อีกมากมายเรียกได้ว่าครบทุกแง่มุมของการทำธุรกิจ ในขณะที่ Smartphone และ Tablet ก็จะกลายเป็นอุปกรณ์หลักในการใช้ทำงาน ซึ่งถึงตอนนี้จะยังค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปช้าๆ แต่ว่าอีก 3 ปีข้างหน้าการเปลี่ยนแปลงจะเกิดอย่างรวดเร็ว

 

การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้นับเป็นโอกาสสำหรับคนที่พร้อมจะปรับตัว และนับเป็นวิกฤติของผู้ที่ไม่พร้อมจะปรับตัว

ข่าวดีก็คือ องค์กรหลายๆ แห่งในไทยก็เริ่มที่จะปรับตัวไปในทิศทางนี้แล้ว ในขณะที่ผู้ประกอบการในไทยนั้นก็มีโอกาสเติบโตไปได้มากกว่าที่จะล้มเหลว เพราะในไทยก็มี Platform และความพร้อมที่มากขึ้นที่จะแข่งขันกับประเทศต่างๆ แล้ว แต่ก็ยังประมาทไม่ได้เพราะคู่แข่งจากประเทศต่างๆ เองก็เติบโตอย่างรวดเร็วเช่นกัน

เพื่อช่วยให้องค์กรต่างๆ รับมือกับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ให้ได้เป็นอย่างดีที่สุด Dell ก็ได้ก้าวข้ามจากผู้ขายผลิตภัณฑ์ กลายเป็นผู้ให้บริการ Solution แทนตามกลยุทธ์ Future-ready IT นั่นเอง และ Dell เองก็มีบริการให้คำปรึกษาแบบ End-to-End Solution พร้อมที่จะให้คำปรึกษาแก่องค์กรต่างๆ ในวันนี้แล้ว

 

สุดท้ายนี้ทาง TechTalkThai ก็ขอขอบคุณทาง Dell Thailand มากนะครับที่เชิญมาร่วมงานในครั้งนี้

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

ขอเชิญเข้าร่วมงาน IBM Solutions Summit 2024: AI and Hybrid Cloud in Action [8 พ.ย. 2024 ณ โรงแรม InterContinental Bangkok]

IBM ขอเรียนเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานสัมมนาใหญ่ประจำปี IBM Solutions Summit 2024: AI and Hybrid Cloud in Action ในวันที่ 8 พฤศจิกายน …

Qualcomm เปิดตัวชิป A7 Elite สำหรับระบบ Wi-Fi 7 รองรับการประมวลผล AI ในตัว

Qualcomm เปิดตัว Networking Pro A7 Elite ชิปประมวลผลสำหรับอุปกรณ์ Wi-Fi 7 รุ่นใหม่ พร้อมโมดูล AI coprocessor ในตัว