[DCD>Thailand 2017] การเร่งสร้างความแข็งแกร่งทางด้าน IT Infrastructure ในอินโดจีนเป็นเรื่องสำคัญ

ในงาน DCD>Thailand 2017 ได้มีการพูดคุยกันถึงประเด็นทางด้านยุทธศาสตร์ IT ในระดับภูมิภาคอินโดจีนที่ค่อนข้างน่าสนใจ ทางทีมงาน TechTalkThai จึงขอนำมาสรุปให้ทุกท่านได้อ่านกันดังนี้ครับ

 

โครงสร้าง IT Infrastructure ที่ไม่เข้มแข็ง คือความท้าทายร่วมของหลายประเทศในภูมิภาค

ความท้าทายร่วมของเหล่าประเทศในภูมิภาคอินโดจีนซึ่งยกเว้นสิงคโปร์นั้น ก็คือการที่โครงสร้างทางด้าน IT Infrastructure นั้นไม่เข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นประเด็นของระบบไฟฟ้า, พลังงาน, การเชื่อมต่อเครือข่าย, มาตรฐานต่างๆ ไปจนถึงบุคลากรที่จะมาขับเคลื่อนระบบ IT Infrastructure เหล่านี้

ประเด็นนี้เป็นประเด็นที่แต่ละประเทศต่างต้องเร่งปรังปรุง เพื่อให้รองรับต่อความต้องการทางด้านการเติบโตของ IT ทั้งภายในประเทศ และการดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ไปจนถึงการแข่งขันกันเพื่อที่จะเป็น Digital Hub ในการเข้ามาขยายตลาดสู่ภูมิภาคอินโดจีน

ในขณะเดียวกัน ความไม่เข้มแข็งเหล่านี้เองก็เป็นสัญญาณว่าประเทศในภูมิภาคอินโดจีนนี้ยังคงสามารถเติบโตและมีอะไรให้ต้องพัฒนาอีกเยอะ ดังนั้นประเด็นนี้ก็ถือเป็นจุดบอดในปัจจุบันและยังเป็นโอกาสในอนาคตไปพร้อมๆ กัน

 

อย่างไรก็ดี แต่ละประเทศก็ต้องเผชิญกับความท้าทายที่แตกต่างกัน

ถึงแม้ในภาพรวมทุกๆ ประเทศนั้นจะยังขาดความพร้อมเหมือนกัน แต่ในเชิงรายละเอียดแต่ละประเทศนั้นต่างก็มีรายละเอียดปลีกย่อยในความไม่พร้อมของตนเองที่แตกต่างกันไป ในบางประเทศนั้นยังขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานทางด้านพลังงานที่เสถียร เป็นตัวขัดขวางการสร้าง Data Center เพื่อให้บริการได้อย่างมั่นคง, บางประเทศขาดการเชื่อมต่อเครือข่ายที่ดี ทำให้การเชื่อมต่อและรับส่งข้อมูลมายัง Data Center นั่นยังมีปัญหา, บางประเทศขาดประชากรและตลาดที่ใหญ่พอ ทำให้ไม่ดึงดูดต่อนักลงทุน, บางประเทศยังมีปัญหาทางด้านข้อจำกัดทางกฎหมาย ทำให้การขยับขยายเป็นไปได้ยาก ในขณะที่หลายประเทศก็ขาดแคลนบุคลากรทางด้านนี้ และบางประเทศก็มีประเด็นทางด้านการเมืองการปกครองที่แตกต่างกันไป

ในทางกลับกัน แต่ละประเทศนั้นก็มีจุดแข็งที่แตกต่างกันไปด้วย บางประเทศนั้นภาครัฐให้การสนับสนุนการลงทุนของต่างชาติเป็นอย่างดี, บางประเทศนั้นธุรกิจทางด้าน E-Commerce เติบโตอย่างรวดเร็ว ความแตกต่างในปัจจัยหลากหลายของแต่ละประเทศในภูมิภาคอินโดจีนนี้เอง ทำให้เหล่าธุรกิจข้ามชาติและนักลงทุนทั้งหลายต้องพิจารณาให้ดีในการที่จะมาลงทุนสร้างฐานเพื่อขยายธุรกิจในภูมิภาคนี้ให้ดี เพราะปัจจัยเหล่านี้จะส่งผลต่อการลงทุนในระยะยาวอย่างแน่นอน

ในเวลานี้ แต่ละประเทศในภูมิภาคอินโดจีนจึงต่างต้องแก้ไขโจทย์ปัญหาที่แตกต่างกัน เพื่อเร่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางด้าน IT ที่มีความเข้มแข็งขึ้นมาทั้งเพื่อรองรับต่อการพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่และธุรกิจต่างๆ ภายในประเทศ รวมถึงแย่งกันเป็น Digital Hub ของตลาดอินโดจีนที่ถือเป็นตลาดขนาดใหญ่ที่เป็นที่ดึงดูดต่อธุรกิจข้ามชาติหลากหลาย รวมถึงกลายเป็นฐานสำหรับการให้บริการ Cloud ต่างๆ ได้อย่างมั่นคง

การกลายเป็นฐานสำหรับเหล่าผู้ให้บริการ Cloud นี้ถือว่าสำคัญไม่น้อย เพราะนอกจากการลงทุนในบริการ Cloud นั้นจะมีขนาดใหญ่และมีแนวโน้มจะเติบโตอย่างต่อเนื่องไปเรื่อยๆ แล้ว บริการ Cloud นี้ก็ยังไม่ได้จำกัดลูกค้าแค่เฉพาะภายในประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ยังมีโอกาสที่จะขยายไปให้บริการในต่างชาติด้วย ประเด็นนี้จึงถือเป็นอีกข้อที่ควรให้ความสำคัญ

 

การมาของ Cloud จะทำให้อนาคตของธุรกิจ Colocation เป็นอย่างไร?

ก่อนหน้าการมาของ Cloud นั้น Colocation ถือเป็นบริการที่เป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของ Data Center เลยก็ว่าได้ แต่ Cloud ที่ทำให้เหล่าผู้ใช้งานไม่ต้องสนใจในชั้นของ Physical กันอีกต่อไปนั้นก็ต้องส่งผลกระทบต่อบริการ Colocation ไม่มากก็น้อย ประเด็นนี้จึงเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกมาพูดพึงในงาน DCD>Thailand 2017 นี้ด้วย

อย่างไรก็ดี เนื่องจากสองบริการนี้มีตลาดที่ต่างกันค่อนข้างชัดเจน Cloud นั้นจะเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความคล่องตัวสูง และมองที่ชั้นของ IaaS, PaaS หรือ SaaS เป็นหลัก ในขณะที่ Colocation เองก็ยังเหมาะกับธุรกิจที่ยังไม่พร้อมจะใช้ Cloud ไม่ว่าจะด้วยประเด็นทางด้านเทคนิคหรือประเด็นทางด้านกฎหมายในแต่ลประเทศก็ตาม รวมไปถึงเหล่าผู้ให้บริการ Cloud เองที่จะกลายมาเป็นลูกค้าของบริการ Colocation ก็ทำให้บริการของ Colocation นั้นจะยังคงมีอยู่ต่อไป ควบคู่กับการให้บริการ Cloud อย่างแน่นอน

 

ไทยนั้นมีข้อได้เปรียบอยู่มาก แต่ก็ยังมีประเด็นต่างๆ ที่ต้องเร่งพัฒนาต่อไป

ในบรรดาประเทศแถบภูมิภาคอินโดจีนนั้น ไทยถือเป็นประเทศที่มีความได้เปรียบในเชิงความพร้อมของการเป็น Digital Hub อยู่ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นทั้งความพร้อมของระบบ IT Infrastructure ที่ยังถือว่าเหนือว่าประเทศอื่นๆ, จำนวนประชากรที่เยอะและมีผู้ใช้งาน Mobile Device เยอะ, การเชื่อมต่อเครือข่ายที่มีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ, การเติบโตของธุรกิจ E-Commerce อย่างก้าวกระโดด และประเด็นอื่นๆ แต่ไทยเองก็ยังมีการบ้านที่ต้องทำอยู่ค่อนข้างมากหากต้องการจะเป็น Digital Hub เพื่อให้บริการทั้งภูมิภาคจริงๆ ซึ่งก็ต้องอาศัยความร่วมมือกันระหว่างทั้งภาครัฐและเอกชน

 

สำหรับประเด็นอื่นๆ ที่น่าสนใจในงาน DCD>Thailand 2017 ทางทีมงาน TechTalkThai จะทะยอยสรุปให้ได้อ่านกันต่อไปนะครับ

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

UiPath เข้าซื้อกิจการ Peak.ai หวังเร่งขยายตัวสู่โซลูชัน Agentic AI

UiPath ได้เปิดเผยกิจกรรมการเข้าซื้อบริษัทสตาร์ทอัปที่ชื่อว่า Peak.ai ในรายงานบริษัทประจำไตรมาส ซึ่งนำเสนอเรื่องของ AI ที่ตัดสินใจได้

Microsoft เตรียมเพิ่มฟีเจอร์สรุปข้อความใน Notepad บน Windows 11

ดูเหมือนว่า Windows Notepad กำลังจะได้รับฟีเจอร์ AI เพิ่มเติมเร็ว ๆ นี้อีกอันคือฟีเจอร์สรุปข้อความ (Text Summarization) โดย Microsoft กำลังเริ่มทดสอบฟีเจอร์ดังกล่าวใน Notepad และ …