Microsoft Azure by Ingram Micro (Thailand)

สรุปเซสชัน Keynote ภายในงาน CPX360 สัมมนาใหญ่ประจำปีของ Check Point

ทีมงาน TechTalkThai ได้รับเชิญจาก Check Point ให้เข้าร่วมงาน CPX360 ซึ่งเป็นงานสัมมนาใหญ่ประจำปีของภูมิภาคเอเซียแปซิฟิกที่มีผู้เข้าร่วมกว่า 1,500 คน ณ โรงแรม เซนทาราแกรนด์ กรุงเทพฯ โดยช่วง Keynote ของงาน คุณกิล ชเวด ผู้ก่อตั้งและประธานกรรมการบริหารมาบรรยายด้วยตัวเองในหัวข้อ “Cyber Security for 2020” พร้อมเปิดตัว Maestro โซลูชันสำหรับขยายระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยเครือข่ายในระดับ Hyperscale

สรุป 3 ประเด็นด้านความมั่นคงปลอดภัยที่น่าเป็นห่วงในปัจจุบัน

คุณกิลเล่าว่าปัจจุบัน Cybersecurity มีความสำคัญกับองค์กรหรือชีวิตประจำวันของเรามากขึ้นกว่าที่เคย โดยสาเหตุนั้นก็ไม่ได้ไกลตัวเลย เมื่อเรามองดูไปทางไหนก็จะพบเห็นกับอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ อย่างไรก็ตามอุปกรณ์เหล่านี้ไม่ได้การันตีความมั่นคงปลอดภัย ซึ่งนี่คือเรื่องที่ทุกองค์กรและทุกคนต้องใส่ใจ จากสถิติในปีที่ผ่านมาพบว่าองค์กร 46% ได้รับผลกระทบจาก Cyber Attacks และฝั่งผู้บริโภคเองกว่า 36% ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลอันเนื่องมากจากอุปกรณ์ดังกล่าว

ปัญหาของโซลูชันด้านการรักษาความมั่นคงปลอดภัยในปัจจุบันมี 3 ประเด็นหลัก คือ

  1. องค์กรส่วนยังใหญ่ยังใช้โซลูชันที่ล้าหลังในการรับมือกับภัยคุกคามซึ่งปัจจุบันได้ล้ำหน้าไปมากแล้ว
  2. ถ้ายอมรับเรื่องการตรวจจับ (Detection) เมื่อไหร่ นั่นหมายความว่าเราได้พ่ายแพ้ต่อภัยคุกคามไซเบอร์แล้ว เพราะมันแสดงให้เห็นว่าภัยคุกคามสามารถเข้ามาสร้างความเสียหายได้เป็นที่เรียบร้อย
  3. ระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยมีความซับซ้อน เนื่องจากมีการนำโซลูชันจากหลายผู้ผลิตเข้ามาใช้เป็นจำนวนมาก แต่แยกกันทำงาน ไม่สอดประสานกัน ส่งผลให้ต้องเสียทรัพยากรบุคคลมหาศาลในการดูแลและจัดการปริมาณ Alert ที่ถาโถมเข้ามาในแต่ละวัน
คุณกิล ชเวด, CEO ของ Check Point

แนะนำ Check Point Infinity สถาปัตยกรรมด้านความมั่นคงปลอดภัยแบบบูรณาการ

เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว Check Point ได้นำเสนอสถาปัตยกรรมแบบใหม่ เรียกว่า ‘Infinity Architecture’ ซึ่งผสานรวมเทคโนโลยีด้านความมั่นคงปลอดภัย ไม่ว่าจะเป็น Firewall, IPS, Anti-malware, Email Security, Web Filtering, Application Control, Sandbox และ VPN เข้าไว้ในสถาปัตยกรรม เดียวเพื่อป้องกันภัยคุกคามสมัยใหม่ตั้งแต่ระดับ Endpoint, Network ไปจนถึง Cloud เช่น SandBlast ทำหน้าที่ปกป้องภัยคุกคามในส่วนของ Endpoint และ Mobile หรือ CloudGuard ทำหน้าที่ป้องกันภัยคุกคามบน Cloud ในขณะที่การป้องกันบนเครือข่าย Check Point ก็มี Security Gateway Appliance หลายรุ่นให้เลือกสรรค์ ซึ่งทุกโซลูชันเหล่านี้สามารถทำงานประสานกันได้เป็นหนึ่งเดียว

อย่างไรก็ตาม การป้องกันภัยคุกคามจะไม่สามารถทำได้อย่างทันท่วงทีหากขาดการอัปเดตข้อมูลแบบ Real-time ดังนั้น ThreatCloud จึงเข้ามามีบทบาทสำคัญเพื่ออัปเดตข้อมูลภัยคุกคามที่เกิดขึ้นใหม่ให้กับทุกโซลูชันใน Check Point Infinity ภายในเวลาไม่กี่วินาที โดยรวมรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากการทำธุรกรรมออนไลน์ของลูกค้ากว่า 100,000 รวมแล้วมากกว่า 86,000 ล้านรายการต่อวัน

“ภัยคุกคามนั้นรูปแบบใหม่นั้นจะเกิดขึ้นในไม่ช้าสิ่งที่บริษัทและองค์กรต่างๆ ต้องทำคือต้องมีโซลูชันที่ตอบโจทย์ครอบคลุมใช้ง่ายและทำงานร่วมกันได้ รวมถึงต้องเน้นการทำ Prevention และสุดท้ายคือทำใจให้พร้อมสำหรับอนาคต” — คุณกิลกล่าว

เปิดตัวโซลูชันใหม่ตอบโจทย์การขยายระบบระดับ Hyperscale

Hyperscale คือความสามารถในการขยายระบบให้รองรับกับความต้องการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในอนาคต ล่าสุด Check Point ได้ประกาศเปิดตัวโซลูชันใหม่ที่ชื่อ ‘Maestro’ หรือการนำ Security Gateway Appliance มาเชื่อมต่อกันเหมือนเป็นระบบเดียวเพื่อขยายขีดความสามารถในการทำงาน เช่น Gateway หนึ่งเครื่องมี Throughput 10 Gbps เมื่อใช้โซลูชัน Maestro กับ Gateway เครื่องที่สองที่จะทำให้ได้ Throughput 20 Gbps ทันที ไม่เพียงเท่านั้นโซลูชันนี้สามารถรองรับการเชื่อมต่อ Gateway ได้สูงสุดถึง 52 เครื่องและรองรับ Throughput สูงสุดถึง 1.6 Tbps ที่สำคัญคือสามารถทำเป็น Backup ซึ่งกันและกันได้ด้วย

จะเห็นได้ว่าโซลูชันนี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรไม่ต้องกังวลกับการซื้ออุปกรณ์ไว้ล่วงหน้าเช่นเดียวกับการใช้งานระบบ Cloud อย่างไรก็ตามกุญแจสำคัญที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือส่วนซอฟต์แวร์ ‘Orchestrator’ ที่จะเข้ามาจัดการให้ Gateway สามารถทำงานเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างสมบูรณ์และง่ายดายภายในเวลาไม่กี่นาทีเท่านั้น ผู้สนใจสามารถรับชมวีดีโอประกอบของ Check Point ได้ด้านล่าง

เปิดตัว Security Gateway Appliance ซีรีส์ใหม่ 6500 และ 6800

ในงานเดียวกันนี้ยังมีการประกาศเปิดตัว Security Gateway Appliance รุ่นใหม่ 2 รุ่น คือ 6500 และ 6800 ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับองค์กรขนาดกลางไปจนถึงขนาดใหญ่เพราะสามารถทำ Hyperscale ให้รองรับปริมาณการใช้งานที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคตได้ โดยซีรีส์ 6500 และ 6800 มาพร้อมกับ Throughput สูงสุดถึง 20 Gbps และ 42 Gbps ตามลำดับเมื่อใช้งานเป็น L3 Firewall ในขณะที่เมื่อเปิดฟีเจอร์ Firewall, Application Control, URL Filtering, IPS, Antivirus, Anti-bot และ SandBlast Zero-day Protection พร้อมกันจะได้ Throughput สูงสุดที่ 3.4 Gbps และ 9 Gbps ตามลำดับ สามารถศึกษา Datasheet ของ Security Gateway ซีรีส์ 6500 และ 6800ได้ตามลิงก์ 

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

เอชพี เปิดตัวพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PCs [PR]

เอชพี เปิดตัวพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายที่สุดในกลุ่มผลิตภัณฑ์ AI PCs ขับเคลื่อน ด้วยขุมพลัง AI ยกระดับประสิทธิภาพการทำงาน การสร้างสรรค์ และประสบการณ์ของผู้ใช้ในสภาพแวดล้อม การทำงานแบบไฮบริด

Microsoft ยกเลิกการใช้ 1024-bit RSA Key บน Windows แล้ว

Microsoft ประกาศยกเลิกการใช้กุญแจเข้ารหัส 1024-bit RSA Key บน Windows แล้ว เปลี่ยนไปใช้กุญแจเข้ารหัสความยาว 2048-bit เป็นอย่างน้อย