บทความนี้เป็นบทสัมภาษณ์พิเศษจากคุณสมใจ บรรเทากุล หัวหน้าฝ่ายบริการสารสนเทศ สำนักบริการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เกี่ยวกับการนำ Bitdefender GravityZone ซึ่งเป็นโซลูชัน Endpoint Security ระดับใช้งานในองค์กรที่สนับสนุนด้วยเทคโนโลยี Machine Learning และ Artificial Intelligence (AI) มาคุ้มครองระบบคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์รวมแล้วกว่า 4,000 เครื่องจากทั้ง 4 วิทยาเขต
ภาพรวมเกี่ยวกับระบบคอมพิวเตอร์และระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยของมหาวิทยาลัย
สำนักบริการคอมพิวเตอร์มีหน้าที่จัดหาซอฟต์แวร์และดูแลคอมพิวเตอร์ส่วนกลาง รวมไปถึงเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นของสำนักอธิการบดี สำนักทะเบียน ศูนย์คอมพิวเตอร์ และห้องปฏิบัติการของแต่ละคณะ รวมทั้งสิ้นประมาณ 5,200 เครื่อง คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 10 และมีบางส่วนยังคงเป็น Windows 8.1, Windows 7 และ Mac ในขณะที่เซิร์ฟเวอร์ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows 2012 Server และ Linux
ในส่วนของระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์มีการเลือกใช้โซลูชันที่หลากหลายสำหรับปกป้องคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์จากภัยคุกคามไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็น Secure Web Gateway, Email Security, Firewall ที่ปรับแต่งด้วยตนเอง รวมไปถึง Endpoint Security

ความท้าทายในการดูแลระบบคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ของมหาวิทยาลัย
เมื่อเริ่มเข้าสู่ยุคอินเทอร์เน็ต ระบบคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ถูกนำเข้ามาใช้เป็นจำนวนมากเพื่อรองรับการทำงานของเจ้าหน้าที่ และให้บริการแก่คณาจารย์และนักศึกษา สิ่งที่ตามมาคือภัยคุกคามไซเบอร์ ไม่ว่าจะเป็น Virus, Spyware, Adware หรือ Ransomware ซึ่งในขณะนั้น คอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ยังไม่มีการติดตั้งโปรแกรม Anti-malware จึงทำให้ตกเป็นเหยื่อของมัลแวร์เหล่านี้ได้ง่าย และก่อให้เกิดความสูญเสียซึ่งบางครั้งก็ไม่สามารถกู้กลับคืนมาได้
ถึงแม้ว่าคอมพิวเตอร์บางส่วนจะมีการติดตั้งซอฟต์แวร์ Anti-malware แต่ก็เป็นเวอร์ชันฟรีหรือราคาถูก ทำให้สามารถป้องกันมัลแวร์ได้เพียงระดับหนึ่ง รวมไปถึงการมีซอฟต์แวร์หลากหลายประเภททำให้ยากต่อเฝ้าระวังและบริหารจัดการ จึงทำให้ไม่สามารถรับมือกับภัยคุกคามและความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญคือ การอัปเกรดระบบคอมพิวเตอร์เป็น Windows 10 ยังก่อให้เกิดปัญหากับซอฟต์แวร์ Anti-malware ที่เคยใช้งาน เช่น ไม่สามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ จนทำให้ต้องถอนการติดตั้งซอฟต์แวร์ทิ้งไปในที่สุด
“ปัญหาใหญ่ของเราในตอนนั้นคือซอฟต์แวร์ Anti-malware ที่ใช้งานอยู่ไม่รองรับ Windows 10 และการขาดการสนับสนุนหลังการขายที่มีประสิทธิภาพก็ทำให้การดูแลระบบคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์หลายพันเครื่องกลายเป็นเรื่องที่ยากลำบาก” — คุณสมใจกล่าวถึงปัญหาที่เคยเกิดขึ้นจากการใช้โซลูชัน Endpoint Security ก่อนหน้านี้
Bitdefender GravityZone ช่วยคุ้มครองระบบคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์จากภัยคุกคามไซเบอร์ได้อย่างไร
Bitdefender GravityZone เป็นโซลูชัน Endpoint Security ที่ถูกออกแบบมาสำหรับใช้งานในองค์กรขนาดใหญ่ ช่วยให้สามารถเฝ้าระวังและบริหารจัดการระบบคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของมหาวิทยาลัยได้จากศูนย์กลาง ด้วยฐานข้อมูลมัลแวร์อันแสนครบครันที่ได้รับการยอมรับจากสถาบันวิจัยอิสระอย่าง AV-Test และ AV-Comparatives พร้อมสนับสนุนด้วยเทคโนโลยี Machine Learning และ AI ทำให้สามารถตรวจจับทั้งมัลแวร์ทั่วไป, มัลแวร์ระดับสูง, Fileless Malware และ Ransomware ได้อย่างแม่นยำ ในขณะที่มีอัตราการเกิด False Positive ต่ำ
นอกจากนี้ Bitdefender ยังทำงานร่วมกับ Microsoft อย่างใกล้ชิด ทำให้มั่นใจว่าซอฟต์แวร์ GravityZone ของ Bitdefender สามารถใช้งานบนระบบปฏิบัติการ Windows ได้ทุกเวอร์ชัน และพร้อมรองรับระบบปฏิบัติการเวอร์ชันใหม่ๆ ได้ในอนาคตโดยไม่ทำให้การทำงานของเครื่องเซิร์ฟเวอร์ การใช้งานของผู้ใช้ หรือการท่องอินเทอร์เน็ตต้องหยุดชะงัก
จนถึงตอนนี้ Bitdefender GravityZone ถูกนำมาใช้ในการปกป้องระบบคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จากภัยคุกคามไซเบอร์รวมแล้วกว่า 4,000 เครื่อง โดยแบ่งเป็นของวิทยาเขตบางเขน 3,000 เครื่อง และอีก 3 วิทยาเขตที่เหลือ 1,000 เครื่อง
ทำไมถึงเลือกใช้โซลูชัน GravityZone จาก Bitdefender
คุณสมใจระบุว่า ประเด็นสำคัญที่สุดที่เลือกใช้ Bitdefender GravityZone คือ รองรับการใช้งานบน Windows 10 ได้อย่างไร้ปัญหา ซึ่งขณะนั้นเพิ่งเปิดให้บริการได้ไม่นานและตรงกับช่วงที่มหาวิทยาลัยทำการอัปเกรดระบบคอมพิวเตอร์พอดี ที่สำคัญคือบริหารจัดการได้ง่ายผ่านหน้า GUI โดยสามารถเฝ้าระวังและจัดการทั้ง Windows 10, Windows 8.1, Windows Server และ Mac ทั้งในวิทยาเขตบางเขนและวิทยาเขตอื่นๆ ได้จากศูนย์กลางภายในหน้าคอนโซลเดียว
นอกจากนี้ ทีมซัพพอร์ตของ Bitdefender ยังให้บริการสนับสนุนหลังการขายที่ดีเยี่ยม คอยเฝ้าระวังและแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุผิดปกติตลอดเวลา ช่วยให้กักกันความเสียหายที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วและทำให้ทีม Helpdesk สามารถรับมือกับปัญหาได้อย่างทันท่วงที
“เราทำการทดสอบและ PoC โซลูชัน Bitdefender GravityZone บนระบบปฏิบัติการ Windows 10 มานานเกือบ 3 เดือน ทำให้มั่นใจว่าสามารถใช้งานร่วมกับคอมพิวเตอร์ทั้งหมดของมหาวิทยาลัยได้อย่างไม่มีปัญหา ทั้งยังบริหารจัดการง่ายและ Agent ที่ติดตั้งก็ไม่หน่วงเครื่อง ที่สำคัญคือ Bitdefender มีทีมซัพพอร์ตที่ดี บริการหลังการขายยอดเยี่ยม ซึ่งช่วยลดภาระของทีมงานของเราไปได้มาก” — คุณสมใจกล่าวถึงเหตุผลที่เลือกใช้ Bitdefender GravityZone
ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้ Bitdefender GravityZone
หลังจากที่ใช้งาน Bitdefender GravityZone มาประมาณ 8 เดือน คุณสมใจกล่าวว่าตนเองและทีมงานมีความพึงพอใจเป็นอย่างมาก เนื่องจาก GravityZone และทีมซัพพอร์ตของ Bitdefender ช่วยลดภาระของสำนักบริการคอมพิวเตอร์และทีม Helpdesk ในการบริหารจัดการและเฝ้าระวังระบบคอมพิวเตอร์ได้เป็นอย่างดี พร้อมรองรับการขยายระบบในอนาคตให้ครอบคลุมคอมพิวเตอร์และเซิร์ฟเวอร์ทั้งหมดของทั้ง 4 วิทยาเขต
เทคนิค Machine Learning และ AI ก็มีส่วนช่วยหยุดยั้งสายพันธุ์ย่อยของ WannaCry ไม่ให้แพร่ระบาดเข้ามายังระบบคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยได้ นอกจากนี้ Bitdefender GravityZone ยังช่วยตรวจจับและป้องกันการโจมตีแบบ Cryptojacking รวมไปถึงการแอบทำ Cryptocurrency Mining ซึ่งช่วยให้สามารถบังคับใช้นโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยแก่คอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหล่านี้ทำให้มั่นใจได้ว่าทั้งเจ้าหน้าที่และนักศึกษาสามารถใช้งานคอมพิวเตอร์และท่องอินเทอร์เน็ตได้อย่างมั่นคงปลอดภัย
ผู้ที่สนใจ Bitdefender GravityZone สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.techtalkthai.com/introduction-to-bitdefender-gravityzone-for-enterprise/
ลงทะเบียนเพื่อทดลองใช้งานได้ฟรีที่: https://www.bitdefender.co.th/business/free-trials/?who=Tech_Talk_Thai