หลังจากบทความก่อนหน้าที่ได้รีวิว ASUS ExpertBook กันไปแล้ว คราวนี้ก็ถึงคราวของบทความถัดมากับการรีวิว ASUS ExpertPC D5 SFF ซึ่งเป็น Commercial PC ในตระกูล ASUS Expert สำหรับการทำงานกันบ้างแล้วครับ ซึ่งโดยรวมแล้วก็จัดเป็นเครื่อง PC สำเร็จรูปที่น่าประทับใจดีทีเดียว ผู้ที่สนใจมาอ่านรีวิวฉบับเต็มกันในบทความนี้ได้เลยครับ
ASUS ExpertPC D5: เครื่อง PC แบบ Small Form Factor ที่อัดประสิทธิภาพมาอย่างเต็มเปี่ยม

หากใครเคยใช้เมนบอร์ดของ ASUS กันมาก่อนก็คงจะคุ้นเคยกันดีถึงประสิทธิภาพและความทนทานของ ASUS แต่ใน ASUS ExpertPC D5 นี้จะยังเหนือยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกด้วยการนำเสนอเมนบอร์ดแบบรุ่น Commercial ติดตั้งมาให้ในเครื่องพร้อมใช้งานได้ทันที เรียกได้ว่าด้วยประเด็นนี้ก็ดึงดูดเป็นอย่างมากแล้วก่อนเริ่มต้นทดลองใช้งานรีวิวในงานเขียนครั้งนี้
เช่นเดียวกับ ASUS ExpertBook P1440 ที่รีวิวไปก่อนหน้านี้ ASUS ExpertPC D5 ถูกออกแบบมาให้ใช้ทำงานโดยเฉพาะ ดังนั้นจึงมาพร้อมกับรูปลักษณ์ที่เรียบง่าย และมีขนาดเล็กด้วยการออกแบบให้เป็น Small Form Factor หรือ SFF ที่จะมีขนาดเล็กกว่าเครื่อง PC ทั่วไป เพื่อให้สามารถติดตั้งใช้งานได้อย่างสวยงาม และมีพอร์ตต่างๆ ให้พร้อมใช้งานได้อย่างหลากหลาย เชื่อมต่อกับ Hardware ทั้งใหม่และเก่าเพื่อรองรับความต้องการทางธุรกิจได้เป็นอย่างดี
เครื่อง ASUS ExpertPC D5 ก็ยังคงคอนเซ็ปต์เรื่องการปรับแต่งสเป็คได้ตามต้องการเอาไว้อยู่ โดยสามารถเลือก CPU ได้ทั้ง Intel Core I3/I5/I7/Pentium/Celeron, สามารถเลือกติดตั้งการ์ดจอ NVIDIA GT1030 + GDDR5 2G ได้, สามารถใส่ RAM ได้ 2 ช่อง ความจุสูงสุด 32GB, มี PCIe ให้ 4 ช่อง และ M.2 อีกหนึ่งช่อง, มีพอร์ต SATA ให้ใช้งานได้ 4 ช่อง โดยมี 2x 3.5″ Bay (เลือกเปลี่ยนเป็น 2.5″ ได้ 1 Bay) แบบภายใน และ 1x 5.25″ Bay ภายนอก 1 ช่อง หรือ 3.5″ Bay ภายนอกอีก 1 ช่อง
อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจคือสามารถเลือกติดตั้ง WiFi มาตรฐาน 802.11ac ได้ด้วย ดังนั้นหากออฟฟิศไหนมีแผนที่จะค่อยๆ ลดการเดินสาย LAN ตามโต๊ะทำงาน หรือใช้ภายในโรงงานที่เดินสายต่างๆ ได้ยาก ASUS ExpertPC D5 นี้ก็ถือว่าน่าสนใจดีทีเดียวครับ
นอกจากนี้ทาง ASUS ยังระบุด้วยว่า ASUS ExpertPC D5 นี้ มีการใช้ Solid Capacitor ช่วยให้สามารถทนทานต่อกรณีไฟกระชากได้มากขึ้น และยังปล่อยความร้อนน้อยลง ก็ถือเป็นอีกรายละเอียดที่เราไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่ ASUS ก็ยังใส่มาให้เราได้ใช้กันครับ
ประกันที่แถมมากับ ASUS ExpertPC D5 นี้ก็เป็นแบบ 3 Year Onsite Service : บริการซ่อมถึงที่ 3 ปี, 3 Year Global Warranty : รับประกัน 3 ปีทั่วโลก และ 1 Year Perfect Warranty : รับประกันอุบัติเหตุ 1 ปีรองรับอุบัติเหตุที่อาจเกิดโดยคาดไม่ถึงมาให้ด้วย
ในระยะยาว หากต้องการอัปเกรด Hardware ภายในเพิ่มเติมเพื่อเสริมประสิทธิภาพ ASUS ExpertPC D5 นี้ก็ถูกออกแบบมาให้เปิดเครื่องเพื่ออัปเกรดได้แบบ Tool-less ง่ายๆ ด้วยครับ

ทางทีมงาน ASUS แจ้งมาว่าเครื่อง ASUS ExpertPC D5 นี้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ตรงตามรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของ สนทช. หรือ ICT/ MDES spec 62 ดังนั้นหน่วยงานราชการจึงสามารถจัดซื้อได้อย่างสะดวก โดยระบบปฏิบัติการที่ติดตั้งมากับเครื่องนี้ สามารถเลือกได้ทั้ง Endless OS ที่เป็นระบบปฏิบัติการ Linux หรือจะเลือกใช้ Window 10 Home/Window 10 Pro ก็ได้
ผู้ที่สนใจลองศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมที่ https://www.asus.com/th/Commercial-Desktop/ASUSPRO-D540SA/ ได้เลยนะครับ
แกะกล่อง ลองใช้ของจริง
สำหรับเครื่องนี้ กล่องที่ได้มาก็ถือว่าขนาดเล็กกว่า PC ปกติอยู่เล็กน้อย ก็น่าจะเป็นเพราะเครื่องแบบ SFF นั่นเอง โดยในการเปิดกล่องออกมานั้นภายในก็มีแต่กระดาษกับพลาสติกหุ้มส่วนประกอบต่างๆ เท่านั้น ไม่มีโฟมแต่อย่างใด ก็ทำให้ไม่ต้องลำบากในการกำจัดโฟมหลังสั่งซื้อมาใช้งานครับ
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ตัวเครื่องจะขนาดไม่ใหญ่ แต่ตอนยกออกมาจากลังนั้นน้ำหนักก็ถือว่าหนักไม่น้อยเลย โดยอ้างอิงจากข้อมูลใน Datasheet แล้วน้ำหนักของเครื่อง ASUS ExpertPC D5 นี้หนักถึง 8.5 กิโลกรัมทีเดียว ตรงนี้ก็ต้องออกแรงนิดนึงครับ
พอเริ่มนำเครื่องมาวางตั้งเตรียมเสียบสายต่างๆ ก็พบว่าตัวเครื่องนั้นหน้าตาดูดีอยู่ คือไม่ได้เรียบๆ เชยๆ เหมือนเครื่อง PC ทั่วๆ ไป มีการออกแบบให้ดูใหม่ทันสมัยอยู่ ส่วนวัสดุที่ใช้นั้นก็เป็นโลหะทั้งหมด ดูแข็งแรงทนทาน และตัวเครื่องภายในนั้นก็อัดแน่นมาก ทำให้เข้าใจได้เลยว่าน้ำหนัก 8.5 กิโลกรัมนั้นก็คงมาจากการออกแบบให้เครื่องแข็งแรงทนทานนี่เอง
นอกจากตัวเครื่องแล้ว ภายในกล่องยังแถม Keyboard กับ Mouse มาให้พร้อมใช้งานเลยด้วย เรียกได้ว่าซื้อมาแล้วก็ขาดแค่ซื้อจอเท่านั้น ก็เริ่มใช้งานได้เลย
โดยรวมแล้วจากการตรวจสอบเบื้องต้น ASUS ExpertPC D5 นี้มีประเด็นที่น่าสนใจดังนี้
- มีปุ่มเปิดปิด Power อยู่ด้านบนเครื่อง ทำให้เปิดปิดได้ง่ายไม่ต้องก้มลงไปมากนัก และยังมีไฟกระพริบสำหรับบอกสถานะเวลาเครื่องเข้าสู่ Sleep Mode ได้ด้วย
- ด้านหน้ามีพอร์ตต่างๆ ให้ใช้งานได้ง่าย และยังสามารถอัปเกรดเลือกใช้ USB-C ได้
- ด้านหลังเครื่องมีพอร์ตให้ใช้หลากหลายมาก ต่อจอได้ทั้ง HDMI, VGA, DVI-D และยังมี Serial Port มาให้ใช้ รวมถึงยังสามารถเลือกเสริม Parallel Port เข้ามาได้หากต้องการใช้งาน และมี Kensington Lock ให้ใช้สำหรับกรณีจะนำไปใช้ในพื้นที่เปิดโล่ง
- มี External Antenna สำหรับเชื่อมต่อ WiFi 802.11ac มาให้ติดตั้ง โดยสายยาวระดับหนึ่งทำให้สามารถนำเสาอากาศนี้มาวางบนตัวเครื่องได้ และฐานของ Antenna นี้ยังเป็นแม่เหล็ก ทำให้ดูดติดกับตัวเครื่องได้อย่างแข็งแรง ไม่ต้องกลัวว่าเสาจะหล่นโดยอุบัติเหตุง่ายๆ
- เท่าที่ดูแล้วตัวเครื่องสามารถไขเปิดออกมาได้ไม่ยากมาก เผื่อมีปัญหาอะไรก็จะได้พอตรวจสอบเบื้องต้นเองได้ก่อน
- Keyboard ที่ให้มาเสียงเงียบมาก และค่อนข้างแบน ตอนใช้งานจริงก็ไม่มีปัญหาอะไร พิมพ์ได้คล่องมือดี ส่วน Mouse ที่ให้มาก็มาตรฐานดี ใช้งานได้ตามปกติครับ
- ตัวเครื่องสามารถวางแนวนอน หรือ แนวตั้งก็ได้
เปิดเครื่องลองใช้งาน
ตอนเริ่มเปิดเครื่องมานั้น เสียงพัดลมก็ถือว่าไม่ได้ดังเท่าไหร่ ใช้ๆ ไปซักพักก็ชินจนไม่รู้สึกอะไร โดยแรกเริ่มที่เปิดเครื่องมานั้นก็จะพบกับหน้าจอที่เป็นโลโก้ของ ASUS ก่อนที่จะเริ่มบูท Windows 10 ขึ้นมา ซึ่งต้องใช้เวลาเล็กน้อยเหมือนระบบต้องมีการติดตั้งอะไรครั้งแรกก่อน ผ่านไปไม่นานก็เริ่มต้นใช้งานได้แล้วครับ
หลังจากล็อกอินเข้าไปแล้ว Hardware ทั้งหมดก็พร้อมใช้งานได้ทันทีไม่มีการติดตั้ง Driver อะไรเพิ่มเติม ทุกอย่างพร้อมมาจากโรงงานทั้งหมด รวมถึงตัว WiFi เองก็สามารถเชื่อมต่อเครือข่ายได้ทันทีครับ และตัวเครื่องจะมี Background เป็น ASUSPRO ดูเรียบร้อยสวยงามดี แต่ถ้าจะเปลี่ยนให้เข้ากับธีมที่บริษัทวางไว้ก็ทำได้เลยครับ โดยการใช้งานทั่วไปแล้วระบบก็ทำงานปกติดีไม่มีติดขัดอะไร เหลือแค่ติดตั้ง Software ที่บริษัทใช้งานก็จะพร้อมทำงานต่อได้ทันที
เนื่องจากเครื่องที่รีวิวนี้เป็น Windows 10 ดังนั้นเราคงไม่ไปเจาะลึกกันในส่วนของระบบปฏิบัติการเพราะทุกคนคงจะคุ้นเคยกันอยู่แล้ว ในการรีวิวครั้งนี้เลยจะมุ่งเน้นไปที่อีกส่วนหนึ่งที่น่าสนใจซึ่งแถมมากับเครื่อง ก็คือ ASUS Business Manager นั่นเองครับ
ASUS Business Manager หรือ ABM นี้เป็นชุดเครื่องมือที่แถมมาให้ใช้งานบน Windows 10 สำหรับทำการปรับแต่งค่าการทำงานต่างๆ ของเครื่องให้มีความมั่นคงปลอดภัยมากขึ้น โดยมีความสามารถต่างๆ ดังนี้
- System Backtrack ย้อนเวอร์ชัน Windows Upgrade ได้ เผื่ออัปเกรดแล้วจะเจอปัญหาอะไรก็สามารถ Rollback ได้ง่ายๆ ทันที รวมถึงสร้าง Check Point ที่ต้องการขึ้นมาเองได้ด้วย
- System Information บอกสเป็คของ Hardware, Serial, Model, OS, BIOS และการใช้งาน CPU ให้ดูแบบง่ายๆ ได้
- Security Guard กำหนดสิทธิ์ในการอ่านเขียนข้อมูลบน USB Flash Drive และ DVD ได้ รวมถึงกำหนดไม่ให้มีการแก้ไข System Setting บนเครื่องได้
- Security Flash ทำการสร้าง Encrypted Virtual Partition บน USB Device ได้ ทำให้ผู้ใช้งานต้องทำการป้อนรหัสผ่านก่อนที่จะเข้าถึงข้อมูลในส่วนนั้นบน USB Device ได้
- Security Drive ทำการสร้าง Encrypted Virtual Partition บน Local Drive ได้ ทำให้ผู้ใช้งานต้องทำการป้อนรหัสผ่านก่อนที่จะเข้าถึงข้อมูลในส่วนนั้นบน Local Drive ได้
- File Shredder ลบไฟล์ต่างๆ และ Recycle Bin แบบถาวรได้
ก็เรียกได้ว่ามีเครื่องมือที่มีประโยชน์เอาไว้ให้พร้อมใช้งานได้ ส่วนใครจะเลือกใช้หรือไม่ใช้ก็ตามแต่ต้องการเลยครับ
รีวิวย่อยสำหรับจอ ASUS Monitor VP228NE

ในการทดสอบครั้งนี้ทางทีมงาน ASUS เองก็ได้ส่งจอ ASUS Monitor VP228NE ซึ่งเป็น Gaming Monitor คุณภาพสูงมาให้ใช้ด้วยครับ โดยการใช้งานทั่วไปก็ถือว่าประทับใจดี จอขนาด 21.5 นิ้ว แสงไม่แสบตา ใช้ทำงานก็ได้ เล่นเกมก็ได้
จุดที่ประทับใจในระหว่างการใช้งานก็คือ จอนี้มี Blue Light Filter มาให้ในตัวเลย แถมยังมีโหมดสำหรับการใช้งานในหลากหลายรูปแบบมาเป็น Preset ให้พร้อมใช้งานได้แล้ว ก็ช่วยให้ถนอมสายตาได้ดีขึ้นไปอีกครับ เพราะแต่ละกิจกรรมของเราก็ย่อมเหมาะกับความสว่างหน้าจอที่ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว
สรุปข้อดีข้อเสีย
โดยสรุปแล้ว ขอเรียบเรียงข้อดีข้อเสียจากการรีวิวครั้งนี้เอาไว้ดังนี้ครับ
ข้อดี
- เครื่องขนาดเล็ก หน้าตาดูดี เรียบร้อย แต่ไม่เชย
- มีพอร์ตมาให้ใช้เยอะมาก รองรับได้แทบทุกงาน
- ออกแบบมาให้ใช้กับ WiFi ได้ ทำให้มีทางเลือกในการวางระบบเครือข่ายในธุรกิจได้มากขึ้น
- อัปเกรดสเป็คเครื่องได้ค่อนข้างเยอะ ทั้ง CPU Intel Core I7, RAM 32GB, 1x SSD + 1x HDD
ข้อเสีย
- น้ำหนักค่อนข้างหนักทีเดียว
ติดต่อทีมงาน ASUS ประเทศไทย
สำหรับผู้ที่สนใจสินค้าของ ASUS และต้องการข้อมูลรายละเอียดต่างๆ สามารถเข้าไปเยี่ยมชมรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ https://www.asus.com/th/commercial/