ในปี 2022 นี้ การอัปเกรดระบบเครือข่ายของเหล่าธุรกิจองค์กรทั่วโลกเพื่อเตรียมรับต่อการมาของนวัตกรรมใหม่ๆ และการปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานนั้นได้กลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักทางด้านระบบ IT ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่างเช่น AI, IoT และ Edge Computing มาใช้งานในภาคธุรกิจนั้น ได้กลายเป็นสิ่งที่จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและการสร้างความแตกต่างของธุรกิจที่ชัดเจน
บทความนี้เราจะพาทุกท่านไปรู้จักกับ “6 เหตุผล ที่ธุรกิจควรอัปเกรด Switch สู่ Aruba CX Switch Series เปลี่ยนระบบเครือข่ายสู่วิถี Cloud-Native” ซึ่งเป็น Switch ตระกูลล่าสุดจาก HPE Aruba ที่ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเปิดรับต่อเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้อย่างคล่องตัวเท่านั้น แต่ยังช่วยปรับให้การบริหารจัดการระบบเครือข่ายโดยฝ่าย IT นั้นยังมีความเป็นระบบระเบียบมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำเทคโนโลยี Automation ที่หลากหลายเข้ามาใช้งาน
1. ยกระดับระบบ Network ให้บริหารจัดการง่ายดายยิ่งขึ้น ด้วยระบบปฏิบัติการเดียวกันทั้งใน Data Center Network และ Campus Network
ความง่ายดายในการรบริหารจัดการระบบเครือข่ายนี้ มักเป็นปัญหาที่หลายธุรกิจมักต้องเผชิญ ในขณะที่ผู้ดูแลระบบเองก็มักมองข้ามหนึ่งในต้นตอที่ทำให้ระบบเครือข่ายมีความซับซ้อนเกินความจำเป็น นั่นก็คือการที่ระบบเครือข่ายประกอบไปด้วยอุปกรณ์จากผู้ผลิตที่หลากหลายในแต่ละส่วนของเครือข่าย หรือการที่ระบบเครือข่ายจากผู้ผลิตรายเดียวกันนั้นอาจมีระบบปฏิบัติการหรือวิธีการบริหารจัดการที่แตกต่างกันระหว่าง Data Center Network และ Campus Network
Aruba CX Switch Series นี้มีจุดร่วมกันคือการใช้ระบบปฏิบัติการ Aruba AOS-CX ซึ่งเป็นระบบปฏิบัติการใหม่ล่าสุดที่ถูกออกแบบมาให้ทำงานได้แบบ Cloud-Native ภายในตัว และมีความสามารถที่รองรับการใช้งานได้ทั้งแต่ระดับของ Access, Aggregate, Core และ Data Center ได้อย่างครบถ้วนในหนึ่งเดียว ทำให้ Switch ทั้งสองรุ่นนี้ถูกใช้งานได้ภายในธุรกิจองค์กรทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็น Edge, Data Center หรือ Cloud ก็ตาม
ข้อดีของการที่อุปกรณ์เครือข่ายที่สำคัญอย่าง Switch ทั้งหมดในองค์กรใช้ระบบปฎิบัติการเดียวกันนั้น ก็คือการที่ผู้ดูแลระบบ IT จะสามารถบริหารจัดการดูแลรักษาระบบเครือข่ายได้อย่างสะดวกและง่ายดายนั่นเอง ด้วยองค์ความรู้สำหรับการจัดการระบบปฏิบัติการเครือข่ายเดียว ก็สามารถประยุกต์ใช้ได้ในทุกๆ ส่วนของระบบเครือข่าย อีกทั้งการวางแผนด้านการจัดการ Firmware, Software Upgrade, การ Configuration หรือการทำ Automation นั้นก็ยังทำร่วมกันได้ทั้งระบบเครือข่ายอย่างง่ายดาย
2. รองรับ Wi-Fi 6 ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้วย HPE Smart Rate Multi-Gigabit และ 60W PoE
Wi-Fi นั้นได้กลายมาเป็นหนึ่งในช่องทางการเชื่อมต่อระบบ Network หลักทั้งจากผู้ใช้งานและอุปกรณ์ Internet of Things (IoT) ที่หลากหลายภายในองค์กร ซึ่งมาตรฐาน Wi-Fi 6 และ Wi-Fi 6E ที่ประกาศออกมาล่าสุดนี้ก็ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดีให้สามารถรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ด้วยความเร็วที่สูงขึ้น มั่นคงปลอดภัยยิ่งขึ้น และรองรับการใช้งานหลายรูปแบบมากยิ่งขึ้น ทำให้ธุรกิจองค์กรทั่วโลกนั้นต่างให้ความสนใจในการอัปเกรดมาสู่สองมาตรฐานดังกล่าว
แน่นอนว่าเมื่อธุรกิจองค์กรต้องการใช้งาน Wi-Fi 6 และ Wi-Fi 6E การปรับปรุงระบบเครือข่ายภายในองค์กรให้สามารถใช้งานมาตรฐานทั้งสองให้ได้เต็มศักยภาพนั้นก็ย่อมเป็นสิ่งจำเป็น
Aruba CX Switch Series สามารถตอบโจทย์เหล่านี้ได้ด้วยความสามารถสองประการหลักๆ ได้แก่
- HPE Smart Rate Multi-Gigabit รองรับความเร็วในการเชื่อมต่อเครือข่ายต่อพอร์ตสูงถึง 1/2.5/5/10GbE ซึ่งสามารถรองรับความเร็วของ Wi-Fi 6 และ Wi-Fi 6E ที่ความเร็วสูงสุดเกินกว่า 5GbE ได้อย่างมั่นใจ อีกทั้งยังรองรับการออกแบบการเชื่อมต่อแบบ Redundant เพื่อความทนทานที่สูงขึ้นได้
- Always-On 60W PoE รองรับการจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ Wireless Access Point รุ่นระดับสูงได้อย่างเพียงพอ และยังจ่ายไฟได้แม้อุปกรณ์ Switch จะกำลังอัปเกรดอยู่ ช่วยลด Downtime ที่จะเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ Access Point หรืออุปกรณ์ IoT อื่นๆ ที่เชื่อมต่ออยู่ได้
3. รวบรวมวิเคราะห์ข้อมูลและแก้ไขปัญหาระบบเครือข่ายได้อย่างแม่นยำ ด้วยระบบ Automated Analytics
เดิมทีการแก้ไขปัญหาในระบบเครือข่ายนั้นมักไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะข้อมูลที่ระบบ Network Management รวบรวมมานั้นอาจไม่เพียงพอ อีกทั้งภายในอุปกรณ์ Switch เองก็อาจไม่ได้มีการจัดเก็บบันทึกข้อมูลที่หลากหลายหรือย้อนหลังมากนัก
แต่ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อใช้งาน Aruba CX Switch Series ที่มี Aruba Network Analytics Engine (NAE) ภายในตัวสำหรับการรวบรวมข้อมูลกิจกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในระบบเครือข่ายแบบ Real-Time และส่งไปทำการวิเคราะห์ประมวลผลหรือ Correlate ข้อมูลและเหตุการณ์ร่วมกันแบบศูนย์กลางได้โดยเฉพาะ ช่วยให้การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้เกิดขึ้นได้โดยไม่ส่งผลกระทบใดๆ ทางด้านประสิทธิภาพของระบบ และทำให้ผู้ดูแลระบบมีข้อมูลที่เพียงพอต่อการนำมาใช้แก้ไขปัญหาได้อย่างครอบคลุม
4. เสริมความมั่นคงปลอดภัยด้วยสถาปัตยกรรมระบบเครือข่ายแบบ Dynamic Segmentation
Dynamic Segmentation คืออีกหนึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้ Network Engineer ในธุรกิจองค์กรหลายแห่งตัดสินใจเลือกใช้ Aruba Networks ด้วยความสามารถในการควบคุม Network Security ได้ในรูปแบบเดียวกันไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อผ่านสาย LAN หรือ Wi-Fi อีกทั้งยังช่วยแบ่งส่วนของระบบเครือข่ายทั้งหมดออกจากกันได้อย่างสมบูรณ์ไม่ว่าสถาปัตยกรรมการเชื่อมต่อที่ใช้งานอยู่จะเป็นแบบใดก็ตาม
Aruba CX Switch Series นี้รองรับการทำ Dynamic Segmentation ร่วมกับโซลูชัน Wi-Fi ของ Aruba ได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานระบบเครือข่ายได้สัมผัสประสบการณ์เดียวกันในการยืนยันตัวตนและรักษาความมั่นคงปลอดภัยภายในระบบเครือข่ายไม่ว่าจะเชื่อมต่อเครือข่ายด้วยวิธีการใด ในขณะที่ผู้ดูแลระบบเครือข่ายก็สามารถควบคุมผู้ใช้งานได้อย่างง่ายดาย และลดความเสี่ยงในกรณีที่อุปกรณ์ IoT จะตกเป็นเป้าของการโจมตีได้เป็นอย่างดี
5. อัปเกรดระบบเครือข่ายได้โดยไม่เกิด Downtime ด้วย Aruba VSX
ภายใน Aruba CX Switch จะมีเทคโนโลยีที่ชื่อว่า Aruba VSX ที่จะเปิดให้ผู้ดูแลระบบเครือข่ายสามารถนำ Aruba CX 6400 Switch จำนวน 2 ชุดมาทำงานร่วมกันแบบ High Availability และช่วยให้การอัปเกรดระบบเครือข่ายสามารถทำได้แบบ Live Upgrade ที่ไม่เกิด Downtime ใดๆ ในระหว่างการอัปเกรดเลย ทำให้ทุกๆ การอัปเกรด Software ของระบบเป็นไปได้อย่างมั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้งาน
6. บริหารจัดการระบบเครือข่ายจากศูนย์กลางอย่างยืดหยุ่นและง่ายดาย ด้วยเครื่องมือที่หลากหลายจาก Aruba Networks
สำหรับการติดตั้งใช้งานและการดูแลรักษา Aruba CX Switch Series นั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะทาง Aruba Networks ได้พัฒนาเครื่องมือสำหรับเป็นตัวช่วยให้กับเหล่าผู้ดูแลระบบ Network ภายในองค์กรมาให้เลือกใช้งานอย่างหลากหลาย ได้แก่
- Aruba Central ระบบบริหารจัดการเครือข่ายแบบครบวงจรผ่าน Cloud ของ Aruba ที่ครอบคลุมทั้งการจัดการ LAN, WLAN และ SD-WAN ได้ในหนึ่งเดียว พร้อมระบบ AI จาก Aruba ที่จะช่วยให้การจัดการแก้ไขปัญหาวางแผนขยายระบบเครือข่ายเป็นไปได้อย่างสะดวแม่นยำมากยิ่งขึ้น
- Aruba CX Mobile App แอปสำหรับติดตั้งและทำการตั้งค่าเบื้องต้นสำหรับ Aruba CX Switch ได้อย่างง่ายดาย ช่วยให้ทุกการติดตั้งอุปกรณ์ Switch ใหม่สามารถทำได้อย่างรวดเร็วด้วย GUI และ Template ที่มี ไม่ต้องยุ่งยากกับ Command Line อีกต่อไป
- Aruba NetEdit อีกหนึ่งเครื่องมือสำหรับการบริหารจัดการ Aruba CX Switch ในแบบอัตโนมัติ ที่จะช่วยเปลี่ยนการตั้งค่าการทำงานอุปกรณ์เครือข่ายทั้งองค์กรให้เกิดขึ้นได้จากศูนย์กลาง พร้อมความสามารถในการทำ Verification ตรวจสอบความถูกต้องของการทำงานของระบบหลังทำการตั้งค่าใหม่ ช่วยให้ผู้ดูแลระบบมั่นใจได้ว่าระบบเครือข่ายจะทำงานได้ตรงตามที่ต้องการ
- Aruba Fabric Composer เครื่องมือสำหรับการบริหารจัดการ Data Center Networking โดยเฉพาะที่จะช่วยเปลี่ยนทุกการติดตามดูแลรักษาและแก้ไขปัญหาให้กลายเป็นอัตโนมัติ
ปรับระบบเครือข่ายสู่ทางเลือกใหม่ที่ยืดหยุ่น ด้วย Aruba CX Switch Series รุ่นที่ตอบโจทย์ธุรกิจ
สำหรับธุรกิจองค์กรที่สนใจใช้งาน Aruba CX Switch Series ทาง Aruba Networks ก็ได้มีการออกแบบอุปกรณ์มาสำหรับรองรับการนำไปใช้งานได้หลายรูปแบบ เพื่อให้ครอบคลุมทุกโจทย์ความต้องการของธุรกิจ ดังนี้
- Campus Core & Data Center Switch รวม Switch รุ่นขนาดใหญ่ทั้งสำหรับ Data Center, Cloud, Provider, Core, Aggregate Switch ที่มี PoE รวมถึง Switch แนวคิดใหม่อย่าง Distributed Services Switch
- Enterprise Access Switch รวม Access และ Edge Switch สำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์ของผู้ใช้งาน, Wireless Access Point, อุปกรณ์ IoT และ Rugged Switch สำหรับการใช้งานภายในโรงงานและภายนอกอาคาร
สนใจโซลูชันระบบ Enterprise Networking และสั่งซื้อติดต่อบริษัท เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ทันที
Line ID : @sisaruba