วันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมาทางทีมงาน TechTalkThai ได้รับเกียรติจากบริษัท ZyGen ผู้ให้คำปรึกษาและบริการโซลูชัน SAP เชิญเข้าร่วมงาน Practical Innovations For Business Opportunities & Profits ซึ่งยังเป็นการครบรอบ 20 ปีของบริษัทด้วย โดยภายในงานทาง ZyGen ได้เล่าถึงประสบการณ์และนวัตกรรมสำหรับการทำ Digital Transformation รวมถึงยังมีการจัดแสดงโซลูชันที่บริษัทให้บริการ เช่น Chatbot, Digital Workforce, Social Listening, SAP S/4 HANA เป็นต้น
กลยุทธ์การทำ Digital Transformation
“Transformation ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงทั้งองค์กรแต่คือการปรับเปลี่ยนในจุดที่เหมาะสมแล้วเกิดประโยชน์กับธุรกิจอย่างสูงสุด” นี่คือคำจำกัดความบางส่วนจากหัวข้อ Digital Transformation โดย คุณอิฑยา ศิริวสุกาญจน์ Independent Advisory Board ของบริษัท ZyGen หรือ คุณออน ซึ่งขึ้นบรรยายในหัวข้อแรก สำหรับมุมมองในเชิงกลยุทธ์นั้นเธอแนะนำไว้หลายข้อดังนี้
1.Business Objective
ผู้ประกอบการธุรกิจจะต้องเข้าใจธุรกิจของตัวเองเสียก่อนว่าอะไรคือวัตถุประสงค์ของการทำ Transformation เช่น ช่วยให้บริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นได้กี่เปอร์เซ็นต์ ช่วยลดรายจ่ายของบริษัทเพื่อเพิ่มกำไร เป็นต้น
2.Business Risk
เข้าใจความเสี่ยงของธุรกิจ เช่น ธุรกิจต้องพึ่งพาแรงงานคนจำนวนมากซึ่งอาจได้รับผลกระทบจากอัตราค่าแรงที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นต้น ดังนั้นคำถามที่ต้องตอบคือเทคโนโลยีใดจะเข้ามาช่วยลดความเสี่ยงดังกล่าว
3.Right Problem Statement
เข้าใจปัญหาขององค์กรว่าตรงไหนคือปัญหาแล้วแก้จุดนั้น
4.Open New Business Model
การหาโมเดลทางธุรกิจใหม่ประกอบด้วยปัจจัยย่อย 3 ข้อดังนี้
- Modern Skill Set – ต้องมีการปรับปรุงทักษะและกลยุทธ์ขององค์กรให้ทันสมัยเพราะสิ่งต่างๆ รอบตัวเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตลอดเวลา
- Experience Insight – การหาธุรกิจใหม่นั้นๆ เราต้องมีความเข้าใจในปัญหาของลูกค้าก่อนและทำอย่างไรถึงจะทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี โดยเธอได้ยกตัวอย่างถึง Jack Ma ผู้ก่อตั้งธุรกิจยักษ์ใหญ่ของจีนอย่าง Alibaba ซึ่งได้มีการใช้เทคโนโลยีเข้าปฏิวัติร้านค้าเพื่อยกระดับรูปแบบการทำธุรกิจ (อ่านข่าวเก่าจาก TechTalkThai ได้) หรือการเข้าช่วยเหลือ Starbuck ในจีนนำ AR เข้ามาสร้างสิ่งดึงดูดให้กับร้านกาแฟเพื่อสร้าง Experience ให้แก่ลูกค้า
- Right Technology – เทคโนโลยีที่ดีหมายถึงสิ่งที่ช่วยสนับสนุนโมเดลธุรกิจให้แก่ลูกค้า ผู้ประกอบการ และคู่ค้าได้รับผลประโยชน์สูงสุด ดังนั้นบริษัทต้องพิจารณาอยู่เสมอว่าเทคโนโลยีที่จะนำเข้ามาตอบโจทย์ดังกล่าวหรือไม่ นอกจากนี้บริษัทยังต้องคอยติดตามถึงเทคโนโลยีใหม่เพื่อนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์กับธุรกิจให้มากที่สุด
โดยสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยในการทำ Transformation คือการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมขององค์กรซึ่งคุณออนกล่าวว่า “รีบทำ รีบผิด เพราะถ้าเราไม่เริ่มลงมือทำเราจะไม่มีวันรู้ว่าตรงไหนผิดและอะไรคือถูก นี่คือสิ่งที่เรียกว่า Design Thinking Culture ซึ่งต้องใช้เวลา” อย่างไรก็ตามเธอยังได้เสริมถึงทักษะของคนไอทีที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือต้องเข้าใจและมองภาพในเชิงของธุรกิจได้เพื่อเกิดความคิดสร้างสรรค์เป็นโซลูชันที่จะนำไปตอบโจทย์ธุรกิจ รวมถึงต้องสามารถอธิบายและสื่อสารกับผู้ฟังจากสายงานธุรกิจได้ด้วย สุดท้ายต้องมีกรอบการทำงานอย่างยืดหยุ่นจึงสามารถทำงานร่วมกับทีมภาคธุรกิจได้
กลยุทธ์การทำ Business Transformation
หัวข้อนี้เราได้รับเกียรติจากคุณชลภัทร์ ภูริปัญโญ (คุณท็อป) ตำแหน่ง Managing Director ของบริษัทมาเป็นวิทยากร โดยคุณท็อปได้กล่าวว่าการเกิด Digital Business อย่างสมบูรณ์แบบนั้นองค์กรต้องมีปัจจัยสนับสนุน 2 ข้อดังนี้
1.Digitize Customer Experience
การจะเป็น Digital Business เพื่อตอบโจทย์ Customer Experience นั้นองค์กรจะต้องมีข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าเสียก่อน (Customer Insight) ซึ่งจะมีเทคโนโลยีช่วยได้หลายตัวเช่น Big Data & Analytics , Social Listening และ Sentinel Analysis เป็นต้น ดังนั้นเมื่อได้ข้อมูลมาวิเคราะห์เข้าใจความต้องการของลูกค้าแล้วสิ่งที่บริษัทต้องคิดต่อคือเรื่อง Customer Engagement เพื่อวางแผนว่าจะเข้าถึงลูกค้าได้อย่างไร ตัวอย่างเช่น Chatbot ของ ZyGen สามารถดึงข้อมูลจากระบบวิเคราะห์และเข้าเปิดเกมรุกนำเสนอสิ่งที่ตรงใจของลูกค้าได้ก่อนที่ลูกค้าจะรู้ความต้องการของตัวเองเสียอีก
2.Digitize Operational
หลายครั้งปัญหาของการทำ Transformation ในหลายธุรกิจเกิดจากกระบวนการทำงานภายในไม่สอดคล้องกับช่องทางการเข้าถึงจากลูกค้าในยุคดิจิทัลซึ่งบริษัทยังคงใช้วิธีการทำงานแบบเดิมๆ การ Transformation จึงไม่สามารถเกิดขึ้นได้ ดังนั้นทางคุณท็อปจึงชี้ว่าบริษัทต้องปรับตัวใหม่ด้วยการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพื่อตอบโจทย์คือต้องสามารถเชื่อมต่อทุกคนให้เข้าถึงกันซึ่งทาง Chatbot ของทาง ZyGen ก็สามารถตอบโจทย์ตรงนี้ได้ ตัวอย่างเช่นสามารถแจ้งเตือน invoice ใหม่ที่เข้ามาถึง หรือการใช้ Digital Workforce เพื่อลดการทำงานซ้ำเดิมให้เกิดขึ้นอย่างอัตโนมัติด้วย Robot Process Automation (RPA) เป็นต้น
โซลูชัน Chatbot หรือ ‘น้องไนซ์’ จาก Humanize
ในหัวข้อนี้คุณวิริยะ พุ่มศรีเจริญวงษ์, Managing Director จากบริษัท Humanize มาแนะนำบริษัทคร่าวๆ ว่าเป็นบริษัทย่อยของ ZyGen ที่ทำโซลูชันเกี่ยวกับ Chatbot ซึ่งในปีที่ผ่านมาทางบริษัทได้คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่งในงาน Startup Thailand 2018 ในหัวข้อ AI & Chatbot โดยทางบริษัทตั้งชื่อโซลูชันว่า ‘น้องไนซ์’ ซึ่งปัจจุบันได้ถูกนำไปใช้จริงในบางธุรกิจแล้ว รวมถึงกำลังได้รับความสนใจอย่างมากจากบริษัทต่างๆ สำหรับตัวอย่างของการประยุกต์ใช้ Chatbot มีดังนี้
- การใช้ Chatbot ในฝั่งของ Customer Engagement โต้ตอบกับลูกค้าเบื้องต้นว่ามีความต้องการอะไรเพื่อคัดกรองงานเบื้องต้นจาก Sale นอกจากนี้ Chatbot ยังสามารถทำงานได้รวดเร็วและพร้อมบริการเสมอจึงสามารถตอบโจทย์เรื่อง Customer Experience ได้ด้วย
- การใช้ Chatbot ในฝั่งของ Digitize Operational เช่น ให้ Sale สามารถเรียกดู invoice ในผ่านแพลตฟอร์ม หรือใช้กับระบบ HR ให้พนักงานสามารถสอบถาม Contact ของพนักงานในองค์กรด้วยกันหรือตรวจสอบวันลาของตนได้อย่างรวดเร็วทันใจ
- ZyGen ยังได้นำน้องไนซ์มาให้บริการงานสัมมนาครั้งนี้แก่ผู้เข้าร่วมด้วยซึ่งจากการทดสอบสามารถทำงานได้อย่างครอบคลุมหลายด้าน เช่น ขอสไลด์ของการสัมมนา สอบถามว่ารับประทานอาหารได้ที่ไหนมีเมนูอะไรบ้าง เป็นต้น ทั้งหมดนี้ไม่ต้องติดตั้งแอปใดๆ เพียงแค่แอดไลน์เท่านั้น
อย่างไรก็ตามแพลตฟอร์มของน้องไนซ์นั้นไม่ได้จำกัดอยู่แค่ไลน์เพราะสามารถ Customize ให้ได้ตามความต้องการของลูกค้าซึ่งเบื้องหลังก็คือเทคโนโลยี AI ที่สามารถเทรนให้เหมาะสมกับจุดประสงค์ทางธุรกิจได้ ดังนั้นผู้สนใจโซลูชัน Chatbot สามารถติดต่อกับทาง ZyGen ได้เพิ่มเติมตามที่อยู่ด้านล่างครับ
Robot Process Automation จาก Blue Prism
คุณ Bill Taylor, Vice President ASEAN จาก Blue Prism ผู้ให้บริการโซลูชัน Robot Process Automation (RPA) ที่เป็นพาร์ทเนอร์ของ ZyGen ได้บินตรงมาเพื่องานนี้โดยเฉพาะและคุณ Bill ได้เล่าให้เล่าฟังถึงประโยชน์ของ RPA ก็คือการสร้าง Digital Workforce หรือแรงงานเสมือจากหุ่นยนต์ซอฟต์แวร์ โดยการสาธิตที่ทางบริษัทนำเสนอง่ายๆ ก็คือคอนเซปต์ของการทำ Record&Replay ซึ่งได้สาธิตการใช้ Bot กรอกเอกสาร invoice จาก Email เข้าสู่โปรแกรม ERP ได้อย่างอัตโนมัติ นั่นหมายความว่าจากขั้นตอนปกติที่พนักงานต้องเสียเวลาเพื่อเปิดอีเมลเอาข้อมูลกรอกลงโปรแกรมที่กินเวลากว่า 5 นาทีจะสามารถทดแทนได้ด้วยหุ่นยนต์และใช้เวลาน้อยลงกว่าครึ่งนั่นเอง
อย่างไรก็ตามงานยังไม่ได้จบลงเพียงเท่านี้เพราะช่วงบ่ายมีการจัดหัวข้อย่อยเพื่อให้ความรู้แก่ผู้สนใจอีกหลายหัวข้อทีเดียว ยกตัวอย่างเช่น eTax Solution, การเตรียมการสำหรับ SAP S4/HANA, Fiori, Predictive Analysis, Social Customer Insight ที่ไปเรียนรู้ข้อมูลมาจากสื่อ Social ต่างๆ ที่สามารถดึงข้อมูลของกลุ่มลูกค้าได้มากขึ้น และ Smart Recruitment เป็นต้น สำหรับบรรยากาศภายในห้องจะมีผู้เชี่ยวชาญสาธิตและเล่าการนำไปใช้จริง รวมถึงตอบข้อสงสัยจากผู้เข้าร่วมอย่างใกล้ชิดซึ่งได้เสียงตอบรับจากผู้เข้าร่วมเป็นอย่างดี
ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลหรือสอบถามโซลูชันเพิ่มเติมกับบริษัท ZyGen ได้ตามด้านล่าง
เว็บไซต์ – http://www.zygencenter.com
อีเมล – center@zygencenter.com
LineID – @zygen
เบอร์โทรศัพท์ – +662 643 8016, +662 612 2116-7