Microsoft Azure by Ingram Micro (Thailand)

ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด กับการย้ายระบบ IT สู่บริการ VMware Cloud โดย INET เตรียมตัวก้าวสู่ IPO ได้อย่างมั่นใจ

โดยทั่วไปแล้วหากเรานึกถึงเรื่องราวของการย้ายระบบ IT ขึ้นสู่ Cloud นั้น เรามักจะนึกถึงภาพของการย้ายระบบฝั่ง Data Center ขึ้นระบบ Cloud กันเป็นหลัก แต่ในครั้งนี้ทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้สัมภาษณ์กับคุณวีรวิชญ์ มาตย์สร้อย IT Manager แห่งศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ดที่วางวิสัยทัศน์การย้ายระบบทั้ง Data Center และ Desktop ขึ้นสู่ Cloud ทั้งหมด เพื่อให้ธุรกิจสามารถขยายและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยระบบ IT Infrastructure สำคัญที่อยู่บน Cloud พร้อมรอให้ขยายได้ทันทีที่ต้องการ

รู้จักกับธุรกิจของศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด ผู้เชี่ยวชาญด้านขนมและแป้งที่คนไทยอาจเคยได้ทานโดยไม่รู้ตัว

ถึงแม้คุณวีรวิชญ์ที่ได้ให้เกียรติมาสัมภาษณ์กับทีมงาน TechTalkThai ในครั้งนี้จะรับผิดชอบงานทางด้าน IT เป็นหลัก แต่คุณวีรวิชญ์เองก็กลับเล่าธุรกิจของศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ดได้อย่างคล่องแคล่ว เผยให้เห็นถึงคุณลักษณะของผู้นำทางด้าน IT ในธุรกิจที่จะต้องเข้าใจธุรกิจอย่างถ่องแท้ก่อนที่จะวางกลยุทธ์ทางด้าน IT ที่เหมาะสมได้

คุณวีรวิชญ์ มาตย์สร้อย IT Manager และทีมงานแห่งศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด

ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ดนั้นเริ่มต้นดำเนินกิจการมาตั้งแต่ช่วงปลายปีพ.ศ. 2529 จากการเป็นร้านขนมในห้องแถวเล็กๆ ในตำบลท่าเรือ อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี โดยคุณวิเชียร เจนตระกูลโรจน์ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งนั้นได้ดูแลร้านและปรับปรุงสูตรการผลิตขนมให้มีทั้งรสชาติและคุณภาพที่ดีขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดธุรกิจก็ได้เติบโตขยายกิจการได้อย่างรวดเร็ว ครอบคลุมหลายพื้นที่ในภาคตะวันตก และเค้กฝอยทองของร้านก็ได้กลายเป็นสินค้าขึ้นชื่อของแบรนด์โฟรเซนฟู้ดไป โดยปัจจุบันนี้ศรีฟ้ามีสาขาอยู่ทั้งสิ้น 7 สาขา รวมศูนย์ของฝากสินค้าจังหวัดกาญจนบุรีอีก 1 สาขา และเตรียมขยายสาขาอีกกว่า 100 สาขาในปี 2563 รวมถึงกระจายสินค้าไปยังร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศอีกด้วย

ไม่เพียงแต่การผลิตขนมเพื่อจัดจำหน่ายในร้านค้าของตนเองเท่านั้น แต่ศรีฟ้าเองก็ยังมีการผลิตวัตถุดิบสำหรับ OEM ให้กับธุรกิจขนมและร้านอาหารอื่นๆ ทั่วประเทศไทย รวมถึงการส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย ทำให้ผลิตภัณฑ์ของศรีฟ้านี้เป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ประกอบกิจการด้านเบเกอรี่และร้านอาหารเป็นอย่างดี

ธุรกิจของศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ดนั้นแบ่งออกเป็น 3 ธุรกิจย่อยด้วยกัน ได้แก่ ศรีฟ้าโฟรเซนฟู้ด ที่เป็นโรงงานผลิตแป้งแช่แข็งและวัตถุดิบต่างๆ สำหรับทำเบเกอรี่ เพื่อให้ร้านขนม ร้านอาหาร และแบรนด์ต่างๆ ได้นำไปใช้เป็นส่วนประกอบ, ศรีฟ้าเบเกอรี่ ธุรกิจขนมของศรีฟ้าที่มีทั้งเค้กฝอยทอง ขนมปังกรอบ พาย คุกกี้ เค้ก และกล้วยน้ำว้าอบ, และสุดท้ายก็คือ สุธีราเอนเตอร์ไพรซ์ สินค้าของฝากที่เราน่าจะเคยได้ซื้อกันตอนไปเที่ยวตามจังหวัดต่างๆ ในเมืองไทย ที่มีทั้งทองม้วน มินิเครป เมอแรงค์ และขนมอื่นๆ อีกมากมาย

ปัจจุบันนี้ในเครือของศรีฟ้านี้มีพนักงานกว่า 800 คน และหากอ้างอิงตามข้อมูลของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ธุรกิจของเครือศรีฟ้ามียอดขายรวมๆ กันเกือบพันล้านบาทต่อปี ถือเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการอาหารรายหนึ่งเลยทีเดียว ส่วนในอนาคตศรีฟ้าเองก็เล็งที่จะเปิดธุรกิจแฟรนไชส์เพิ่ม เพื่อขยายร้านใหม่ๆ ไปสู่ภูมิภาคต่างๆ ทั่วไทยได้อย่างทั่วถึงยิ่งขึ้น

ผู้ที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติม สามารถศึกษาได้จากข้อมูลทางเว็บไซต์ที่ http://www.srifafrozenfood.com, https://www.srifabakery.co.th และ http://www.suthera.com/

ธุรกิจขนาดใหญ่ที่ซับซ้อน ต้องมองหาระบบ IT ที่พร้อมขยายเพื่อเติบโตต่อไปได้อย่างรวดเร็ว

จากข้อมูลข้างต้นจะเห็นได้ว่าธุรกิจของเครือศรีฟ้านี้มีความซับซ้อนเป็นอย่างมาก ด้วย Operation ที่แตกต่างกันของแต่ละบริษัทย่อยในเครือนั้นก็ทำให้กระบวนการในการดำเนินธุรกิจมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก ดังนั้นการเลือกใช้งานเทคโนโลยีทางด้าน IT ที่จะมาช่วยให้การดำเนินธุรกิจมีความเรียบง่ายมากขึ้นจึงถือเป็นหัวใจสำคัญของศรีฟ้าในทุกวันนี้

คุณวีรวิชญ์ได้เล่าย้อนไปถึงวันแรกๆ ที่เริ่มเข้ามาทำงาน ว่าการเริ่มมาทำงานในเครือศรีฟ้าในฐานะของ IT Manager นี้ถือว่ามีความท้าทายเป็นอย่างมาก เพราะคุณวีรวิชญ์ได้เข้ามาในช่วงรอยต่อของธุรกิจศรีฟ้าที่ต้องการจะขยับขยายครั้งใหญ่พอดี และช่วงนั้นยังเป็นช่วงที่เทรนด์ด้านการทำ Digital Transformation กำลังเริ่มต้น เทคโนโลยีใหม่ๆ มีให้เลือกใช้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นคุณวีรวิชญ์จึงมีโจทย์ต้องแก้เป็นจำนวนมาก และต้องเรียนรู้เพื่อประเมินเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมเป็นจำนวนมหาศาลในเวลานั้น

หลักสำคัญอันหนึ่งที่คุณวีรวิชญ์ต้องคำนึงถึงตลอดในทุกๆ การตัดสินใจด้าน IT ของศรีฟ้านั้น ก็คือการเลือกใช้เทคโนโลยีที่จะช่วยให้ฝ่าย IT สามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะเดิมทีในศรีฟ้านี้มีทีมงานในฝ่าย IT เพียงแค่ 6 คนเท่านั้น ในขณะที่มีระบบ IT สำหรับรองรับผู้ใช้งานรวมกันกว่า 800 คนต้องดูแล อีกทั้งยังมีโรงงานและสาขาหลายแห่ง รวมถึงยังมีหน้าร้านอีกจำนวนมาก ซึ่งประเด็นนี้ก็ได้รับความเห็นชอบจากผู้บริหารระดับสูงที่ต้องการลงทุนในระบบ IT อย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มศักยภาพพร้อมรองรับการแข่งขันในระดับสากล

ปรับระบบ ERP สำคัญของธุรกิจ ย้ายขึ้นสู่ Cloud เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการ, การดูแลรักษา และการเข้าถึงใช้งานได้จากทุกสาขา

Credit: VMware

โจทย์แรกที่คุณวีรวิชญ์เริ่มเข้ามาจัดการแก้ไขก่อนเป็นอันดับแรกเลยนั้น ก็คือปัญหาที่กระทบกับผู้ใช้งานทุกคนในธุรกิจของศรีฟ้า นั่นก็คือ “ระบบ ERP ช้า”

ปัญหานี้ถือว่าคลาสสิคไม่น้อยเพราะเป็นปัญหาที่เชื่อว่าธุรกิจหลายๆ แห่งที่มีการใช้งานระบบ ERP นั้นจะต้องพบเจอ โดยเมื่อคุณวีรวิชญ์ได้เข้าไปวิเคราะห์ถึงต้นตอของปัญหาแล้ว ก็พบปัจจัยสำคัญ 2 ส่วนที่ส่งผลต่อปัญหานี้โดยตรง ได้แก่ การที่ระบบ Hardware สำหรับรองรับ ERP นั้นมีอายุนานกว่า 5 ปีแล้ว ทำให้มีประสิทธิภาพไม่เพียงพอเมื่อระบบมีข้อมูลและผู้ใช้งานจำนวนมากขึ้น รวมถึงการที่ระบบเครือข่ายที่เชื่อมต่อระหว่าง Desktop ของผู้ใช้งานไปยัง ERP นั้นอาจต้องมีการเดินทางระยะไกลหรือข้ามสาขา ทำให้เกิด Latency ในส่วนนี้สูง

คุณวิรวิชญ์ได้ประเมินถึงทางเลือกในการลงทุนระบบ IT ใหม่ทั้งในส่วนของ Data Center และ Network เพื่อให้ผู้ใช้งานจากทุกสาขาสามารถเข้าถึงระบบ ERP กลางได้อย่างรวดเร็ว และพบว่าจะต้องใช้เงินลงทุนเป็นมูลค่ากว่าหลายสิบล้านบาท อีกทั้งยังต้องใช้เวลานาน ซึ่งทางเลือกนี้ไม่ตอบโจทย์ต่อธุรกิจของศรีฟ้าที่ต้องการความรวดเร็วในการดำเนินธุรกิจและขยายสาขาอย่างแน่นอน ทำให้คุณวีรวิชญ์เชื่อว่าการใช้ Cloud นั้นจะเป็นทางออก

หลังจากการประเมินทางเลือกต่างๆ ในการใช้งาน Cloud แล้ว คุณวีรวิชญ์ก็ได้ตัดสินใจย้ายระบบ Data Center ของศรีฟ้าขึ้นไปยังบริการ INET Cloud ที่มีการใช้งานเทคโนโลยี VMware Cloud อยู่เบื้องหลัง เพื่อให้ง่ายต่อการบริหารจัดการด้วยเครื่องมือที่ทีมงานคุ้นเคยอยู่แล้ว และจังหวะนั้นก็ประจวบเหมาะกับการที่ SAP ถึงเวลาต้องอัปเกรดใหม่พอดี ทำให้คุณวีรวิชญ์ตัดสินใจอัปเกรดระบบ SAP ไปพร้อมๆ กับการย้ายระบบขึ้น VMware Cloud ของ INET เสียเลย

ย้าย Desktop สู่ Cloud Desktop รองรับการขยายสาขาใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว

Credit: VMware

ในการแก้ปัญหาข้างต้นนั้น ไม่เพียงแต่การย้ายระบบ Data Center เท่านั้น แต่คุณวีรวิชญ์ยังตัดสินใจที่จะย้ายระบบ Endpoint ทั้งหมดที่ต้องเชื่อมต่อกับระบบ ERP และ Business Application จำนวนกว่า 200 เครื่องขึ้นไปยัง Cloud ด้วย เพื่อลด Latency ที่จะเกิดขึ้นในการเข้าถึงฐานข้อมูลแต่ละครั้ง และทำให้การตอบสนองต่อระบบ Application รวดเร็วยิ่งขึ้นนั่นเอง

ในการตอบโจทย์นี้คุณวีรวิชญ์เองก็ตัดสินใจเลือกใช้งานบริการ Cloud Desktop ของ INET ที่มีการใช้ VMware Horizon View ซึ่งเป็นโซลูชันทางด้าน Virtual Desktop Infrastructure (VDI) ของ VMware เป็นเบื้องหลังเช่นกัน และทำการเชื่อมต่อเครือข่ายระหว่าง Virtual Desktop ไปยังระบบ ERP และ Business Application อื่นๆ โดยตรง พร้อมเสริมความมั่นคงปลอดภัยด้วยการกำหนดนโยบายด้านเครือข่ายต่างๆ ได้ตามต้องการเสมือนใช้งานระบบเครือข่ายภายในองค์กรของตนเอง และในแง่ของผู้ใช้งานนั้น ก่อนจะเข้าถึง Application ใดๆ ของศรีฟ้าก็ต้องทำการ Remote เข้าไปยัง Cloud Desktop เหล่านี้เสียก่อนเสมอ

การตัดสินใจใช้เทคโนโลยี Cloud Desktop นี้ถือเป็นก้าวที่สำคัญไม่น้อย เพราะหลังจากย้ายระบบขึ้นไปสู่ Cloud ทั้งหมดและผู้ใช้งานเริ่มมีความคุ้นเคยแล้ว เสียงตอบรับของผู้ใช้งานทั้งหมดถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ประทับใจมาก เพราะปัญหาเรื่องระบบ ERP ช้าที่เคยต้องพบเจอมาก่อนนั้นหายไปทั้งหมด กลายเป็นทุกคนสามารถเข้าถึงทุกข้อมูลของธุรกิจเพื่อทำงานได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองได้อย่างทันใจ

นอกจากนี้ เมื่อทุกอย่างอยู่บน Cloud พนักงานก็สามารถทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลาอย่างแท้จริง พนักงานของศรีฟ้าสามารถเข้าถึงข้อมูลธุรกิจและทำงานได้จากทุกที่ทุกเวลาบนทุกอุปกรณ์ อีกทั้งเมื่อมีการเปิดสาขาใหม่ๆ ของร้านศรีฟ้าเบเกอรี่ ก็สามารถทำการติดตั้งอุปกรณ์ Endpoint ใดๆ ก็ได้ และทำการสร้าง Virtual Desktop ใหม่ขึ้นมาบน Cloud สาขาใหม่นั้นก็พร้อมที่จะเริ่มต้นขายเบเกอรี่ได้ทันที ตอบโจทย์ความคล่องตัวที่ศรีฟ้าต้องการเป็นอย่างดี

เปลี่ยนการลงทุน Data Center และ Desktop สู่ OpEx ทั้งหมด ไม่ต้องกังวลเรื่อง License อีกต่อไป

อีกประเด็นหนึ่งซึ่งถือว่าเป็นข้อดีมากๆ ในการปรับระบบครั้งใหญ่นี้ ก็คือการที่ศรีฟ้าได้ปรับรูปแบบการลงทุนในระบบ IT จาก CapEx ไปสู่ OpEx อย่างเต็มตัวทั้งในส่วนของ Data Center และ Desktop ซึ่งยังครอบคลุมไปถึง Software License จำนวนมากที่มีการใช้งานด้วย

การเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนไปสู่ OpEx ในครั้งนี้ ทำให้ศรีฟ้าไม่ต้องมีการจัดซื้อ Hardware เผื่ออีกต่อไปเพราะระบบรองรับการเพิ่มขยายได้ตามต้องการอยู่เสมอ อีกทั้งยังไม่มีค่าเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ให้ต้องประเมิน โดยมีทีมงาน INET คอยดูแลด้าน Resource สำหรับรองรับการทำ High Availability และการเพิ่มขยายในอนาคตให้ ส่วน Software License ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับระบบ ก็ถูกคิดค่าใช้จ่ายรวมมาหมดในการเช่าใช้บริการ Cloud อยู่แล้ว ทำให้ศรีฟ้าไม่ต้องวุ่นวายกับการบริหารจัดการ License ด้วยตนเองอีกแล้วในทุกวันนี้

เมื่อ IT Infrastructure นิ่งแล้ว ศรีฟ้าก็สามารถริเริ่มโครงการระบบ Application ใหม่ๆ ผลักดันธุรกิจได้อย่างเต็มที่

คุณวีรวิชญ์ได้เล่าถึงบทสรุปของการย้ายระบบทั้ง Data Center และ Desktop ขึ้นสู่ Cloud ในครั้งนี้ ว่าทำให้ทีม IT ของศรีฟ้ามีเวลาทำงานในเชิงรุกได้อย่างเต็มที่มากขึ้น เพราะระบบ IT Infrastructure ที่ต้องดูแลด้วยตนเองนั้นเหลือน้อยลงมาก มีแค่บางระบบที่ยังอยู่ใน Data Center ในขณะที่ระบบหลักๆ ที่ยังคงต้องดูแลต่อไปคือระบบเครือข่ายและ Internet เพื่อให้พนักงานของศรีฟ้าสามารถเชื่อมต่อไปยัง Cloud ได้อย่างมั่นใจ

ทุกวันนี้ ภารกิจหลักของฝ่าย IT ในศรีฟ้านั้นก็คือการมุ่งพัฒนาระบบใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตต่อไปอย่างมั่นคงและรวดเร็วในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นระบบ Paperless ที่จะเริ่มนำมาใช้ในแผนกต่างๆ หรือระบบ Learning Management System (LMS) เพื่อให้พนักงานของศรีฟ้าได้เรียนรู้ในสิ่งที่จำเป็นต่อการทำงานในแต่ละแผนก เป็นต้น

ถึงตรงนี้ คุณวีรวิชญ์ก็ยังได้ทิ้งท้ายเอาไว้ให้เป็นบทเรียนสำหรับผู้อ่านของ TechTalkThai ด้วยว่า ทุกๆ ธุรกิจต้องให้ความสำคัญกับฝ่าย IT มากขึ้น เพราะฝ่าย IT นั้นไม่ได้อยู่ในบทบาทของการเป็นผู้แก้ไขปัญหาระบบ IT เท่านั้นอีกต่อไปแล้ว แต่การเลือกใช้เทคโนโลยี IT ที่เหมาะสมนั้นจะสามารถช่วยขับเคลื่อนธุรกิจได้อย่างก้าวกระโดดจริงๆ และฝ่าย IT นั้นก็คือทรัพยากรบุคคลสำคัญที่จะเข้ามาช่วยในการเลือกโซลูชันที่เหมาะสมกับธุรกิจได้ ในขณะที่คน IT เองก็ต้องหันมาเรียนรู้ธุรกิจให้มากขึ้น เพื่อเตรียมรับมือกับความคาดหวังและบทบาทใหม่ๆ เหล่านี้ให้ดีด้วย

เลือกใช้บริการจาก INET มีโซลูชัน VMware Cloud ให้ใช้งานหลากหลาย ทีมงานแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว มั่นใจได้ในการเตรียมตัวทำ IPO

ในการสัมภาษณ์ครั้งนี้ คุณวีรวิชญ์ได้ปิดท้ายถึงข้อดีของการเลือกใช้บริการ VMware Cloud จาก INET เอาไว้หลากหลายประเด็น ทั้งในแง่ของการที่ทีมงาน INET สามารถช่วยเหลือให้ข้อมูลต่างๆ ได้เป็นอย่างดี, การมีทีมงาน INET คอยช่วยดูแลแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้อยู่ตลอดเวลา, ระบบ Cloud ของ INET ที่มี Data Center 3 สาขารองรับการทำ Disaster Recovery ได้ครบวงจร และการที่ Data Center ของ INET นั้นผ่านการรับรองตามมาตรฐานต่างๆ มากมาย ที่จะช่วยให้การทำ IPO ของศรีฟ้าในอนาคตนั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่น

ติดต่อทีมงาน INET ได้ทันที

สำหรับธุรกิจองค์กรใดที่กำลังมองหาผู้ให้บริการ Cloud, บริการ Cloud แบบ Managed Services ติดตั้งใช้งานภายในองค์กรแต่คิดค่าใช้จ่ายตามจริง หรือโซลูชันใดๆ ทางด้าน IT สามารถติดต่อทีมงาน INET ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการ VMware Cloud Provider Program หรือ VCPP ได้ทันทีที่ info@inet.co.th หรือโทร 02-257-7000 และสามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ของ INET ได้ที่ https://inet.co.th/

เกี่ยวกับ VMware Cloud Provider Program (VCPP)

โครงการ VCPP นี้คือโครงการที่ได้ผสานรวมเอาบริการ VMware Software-as-a-Service เข้ากับเหล่าผู้ให้ริการ VMware Service Provider Partners ทั่วโลก เพื่อให้ธุรกิจองค์กรต่างๆ สามารถใช้งานบริการ Cloud ที่มีเทคโนโลยีของ VMware เป็นเบื้องหลังได้ผ่านทางผู้ให้บริการที่มีมาตรฐาน

ปัจจุบันในประเทศไทยมีผู้ให้บริการด้าน IT ที่ได้เข้าร่วมโครงการ VCPP มากกว่า 20 รายแล้ว ดังนั้นธุรกิจไทยจึงสามารถเลือกใช้งานบริการ Cloud ภายในประเทศที่ให้บริการเทคโนโลยีของ VMware และเชื่อมต่อระบบ Data Center ภายในธุรกิจองค์กรเข้ากับบริการ Cloud เหล่านี้สู่ภาพของ Hybrid Cloud หรือทำ Disaster Recovery ได้ทันที โดยมีทีมงานคนไทยคอยให้บริการแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้อย่างใกล้ชิด

ผู้ที่สนใจใช้บริการ VMware ในรูปแบบของการคิดค่าใช้จ่ายตามจริง สามารถติดต่อทีมงานของ VMware ประจำประเทศไทยได้ที่คุณปลา 081-913-3347 หรืออีเมล์ kemwat@vmware.com หรือสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VCPP ได้ที่ https://www.vmware.com/partners/service-provider.html และสามารถตรวจสอบสถานะของบริษัทต่างๆ ที่เป็น VCPP ได้ที่ https://cloud.vmware.com/providers/

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

Microsoft เตรียมประกาศเลิกใช้ RSA Key ความยาว 1024 bits บน Windows เร็วๆ นี้

Microsoft เตรียมประกาศเลิกใช้ RSA Key ที่มีความยาวน้อยกว่า 2048 bits บนโปรโตคอล Transport Layer Security (TLS) เร็วๆ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยบน Windows

ผสาน Automation และ Intelligence เข้าไปยังความสามารถของงานด้านการผลิต โดย Infor

การนำเทคโนโลยีใหม่ๆเข้ามาใช้งานในธุรกิจนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย และแต่ละอุตสาหกรรมก็มีความท้าทายเฉพาะตัวที่ต้องเผชิญหน้า ในอุตสาหกรรมการผลิตเองก็เช่นกันที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี ความต้องการของลูกค้า Supply Chain และอื่นๆ