IBM Flashsystem

Smart Mobility 2030: โครงการปรับปรุงระบบคมนาคมอัจฉริยะของสิงคโปร์ #HPE #Aruba #ATM16APAC

ในงาน HPE Aruba Atmosphere 2016 ( #ATM16APAC ) ที่จัดขึ้นที่สิงคโปร์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้ไปเข้าร่วมและได้ฟังเรื่องราวน่าสนใจเกี่ยวกับนโยบายของสิงคโปร์ในการปรับปรุงระบบคมนาคมทั่วประเทศด้วย Internet of Things (IoT) และ Big Data โดย Dr.Chin Kian Keong, Group Director & Chief Transportation Engineer มาครับ จึงขอเขียนสรุปมาให้อ่านกันดังนี้

Dr.Chin Kian Keong
Dr.Chin Kian Keong

Smart Transportation ในวันนี้ของสิงคโปร์

ปัจจุบันระบบ Smart Transportation หรือการคมนาคมอัจฉริยะนั้น ได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ดังนี้

smart_mobility_02

  1. Intelligent Sensors and Equipment ประกอบไปด้วยระบบกล้องวงจรปิด, ป้ายสัญญาณจราจร, ป้ายที่จอดรถ, ระบบบริหารจัดการทางด่วน หรือระบบตรวจสอบสภาพการจราจร
  2. Integrated Traffic Control & Monitoring ศูนย์ควบคุมและติดตามการจราจรทั้งประเทศ โดยผสานรวมเทคโนโลยีทั้งหมดให้สามารถนำข้อมูลมาผสานรวมกันได้ภายในระบบเดียว และนำไปใช้ต่อยอดในการจัดการปัญหาจราจร, จัดการอุบัติเหตุ, การวิเคราะห์แนวโน้มต่างๆ และการบริหารจัดการอุปกรณ์จราจรทั้งหมด
  3. Optimizing Traffic Operations นำข้อมูลทั้งหมดที่มีเข้าสู่กระบวนการการปรับปรุงการจราจรภายในประเทศ

ระบบทั้งหมดนี้ทำให้สิงคโปร์สามารถดูแลการจราจรและคมนาคมภายในประเทศได้อย่างเป็นระบบระเบียบ รวมถึงมีข้อมูลเพียบพร้อมสำหรับการแก้ไขปัญหาและการวางแผนต่อยอดได้ในระยะยาว

smart_mobility_03

พื้นที่มีจำกัด แต่ประชากรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สิงคโปร์จึงต้องปรับตัวต่อไป

ถึงแม้จะดูเหมือนว่าระบบ Smart Transportation ของสิงคโปร์นั้นจะมีความสมบูรณ์แล้วในหลายๆ แง่มุม แต่สิงคโปร์เองนั้นก็ถือเป็นประเทศที่มีข้อจำกัดทางด้านพื้นที่ ทำให้ไม่สามารถสร้างถนนเพิ่มได้อีกแล้ว แต่กลับมีประชากรจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ และประชากรเหล่านั้นก็ต้องการการโดยสารส่วนตัวมากขึ้นเรื่อยๆ หากสิงคโปร์ไม่ทำการปรับปรุงโครงสร้างการคมนาคมครั้งใหญ่เตรียมเอาไว้ ในอนาคตการจราจรก็อาจจะติดขัดได้นั่นเอง โดยจากข้อมูลนั้นระบุว่าปัจจุบันนี้สิงคโปร์มียานพาหนะรวมกันทั้งสิ้น 972,000 คันแล้วบนท้องถนน

smart_mobility_04

นอกจากนี้จำนวนผู้สูงอายุในสิงคโปร์เองก็เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วย การวางระบบให้เหล่าผู้สูงอายุเหล่านี้สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างสะดวกก็เป็นอีกปัจจัยที่สำคัญต่อสิงคโปร์เช่นกัน

การนำข้อมูลมาใช้เพื่อปรับปรุงระบบคมนาคมของทั้งประเทศให้แม่นยำและตรงตามความต้องการของประชากรอย่างแท้จริงจึงเป็นประเด็นสำคัญในเวลานี้ของสิงคโปร์

 

จาก Smart Transportation สู่ Smart Mobility ให้ได้ภายในปี 2030

ด้วยเหตุดังกล่าว โครงการ Smart Mobility หรือการเดินทางอัจฉริยะนั้นจึงได้เกิดขึ้นมาและมีเป้าหมายระยะยาวไปถึงปี 2030 ที่จะทำให้การคมนาคมภายในสิงคโปร์รองรับประชากรที่มีจำนวนมากขึ้นให้ได้ดังนี้

  • ทำให้ 75% ของประชากรนั้นหันไปใช้รถโดยสารสาธารณะในชั่วโมงเร่งด่วนให้ได้ โดยในปี 2014 นั้นมีอัตราการใช้งานอยู่ที่ 66%
  • รับประกันให้ได้ว่า 85% ของการเดินทางในระยะ 20 กิโลเมตรด้วยรถโดยสารสาธารณะนั้น จะต้องไปถึงที่หมายให้ได้ภายในเวลา 60 นาที จากในปี 2014 นั้นมีเพียง 77%
  • มีบ้าน 8 ใน 10 หลังที่อยู่ในระยะเดิน 10 นาทีจากสถานีรถไฟ โดยในปี 2014 นั้นมีเพียง 5.85 หลังเท่านั้น

smart_mobility_05

ด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน ทำให้โครงการ Smart Mobility ได้วางยุทธศาสตร์หลักเอาไว้ 4 ประเด็นที่จะทำการปรับปรุงการคมนาคมทั่วประเทศ ดังนี้

  • Information มีข้อมูลเกี่ยวกับการจราจรและการคมนาคมทั้งหมด สามารถนำเสนอหรือนำไปใช้งานได้หลากหลาย
  • Interactive มีระบบสำหรับให้นักท่องเที่ยวสามารถสอบถามข้อมูลต่างๆ ได้ เน้นอำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวเป็นหลัก
  • Assistive ถนนหนทางทั้งหมดนั้นจะต้องมีความปลอดภัยสูงยิ่งขึ้น
  • Green Mobility โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในการคมนาคมจะต้องเริ่มหันไปใช้พลังงานสะอาด

สำหรับการนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อปรับปรุงสภาพการจราจรก็มีดังนี้

  • เพิ่มจำนวนกล้องและป้ายบอกทางที่ติดตั้งตามถนนต่างๆ ให้มากขึ้น รวมถึงเพิ่มช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลแผนที่และการจราจรให้ได้มากขึ้น โดยเฉพาะบนอุปกรณ์ Smart Device
    smart_mobility_06
  • ใช้ Beacon เพื่อติดตามเส้นทางการเดินทางของรถโดยสารสาธารณะ และรถฉุกเฉินอย่างเช่นรถพยาบาลหรือรถดับเพลิง เพื่อนำข้อมูลตำแหน่งของรถเหล่านี้ไปใช้ในการคิดคำนวนการเปิดไฟเขียวและไฟแดงตามสี่แยก อำนวยความสะดวกให้รถเหล่านี้เป็นพิเศษได้
    smart_mobility_07
  • นำเทคโนโลยี Data Analytics มาใช้ปรับปรุงการจราจรและโต้ตอบกับเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมถึงใช้การทำ Prediction มาทำนายการจราจรและปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านั้น
    smart_mobility_08
  • ทำระบบควบคุมรถโดยสารสาธารณะแบบอัจฉริยะ เพื่อใช้งานร่วมกันระหว่างทุกฝ่าย และทำให้คนขับรถสามารถทำงานได้อย่ามีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
    smart_mobility_09
  • ระบบ Smart Junction ใช้ 3D Laser Scanner เพื่อตรวจจับรถยนต์ที่ติดอยู่ตรงสี่แยก และใช้เทคโนโลยีการสื่อสารแบบ Vehicle-to-Infrastructure (V2I) เพื่อเชื่อมต่อรถยนต์ทุกคันเข้ากับระบบของสี่แยก จากนั้นจึงใช้อัลกอริธึมคำนวนว่ารถจะชนกันหรือไม่ ก่อนจะส่งคำสั่งให้รถเหล่านั้นหยุดหรือเปลี่ยนทิศทางก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ
    smart_mobility_10
  • ต่อยอดจาก Smart Junction สามารถนำข้อมูลจากรถยนต์แต่ละคันจากระบบการสื่อสารแบบ V2X เพื่อนำไปแจ้งเตือนคนที่เดินข้ามถนนได้ว่ากำลังมีรถมา และแจ้งเตือนคนขับได้ว่าทิศทางที่กำลังไปนั้นมีคนกำลังข้ามถนน
    smart_mobility_11
  • นำดาวเทียมมาใช้ในระบบคิดค่าใช้จ่ายในการใช้งานถนนหนทาง
    smart_mobility_12
  • รองรับรถยนต์ไร้คนขับอย่างเต็มตัวในอนาคต ทั้งรถยนต์ส่วนตัวแบบไร้คนขับ, รถโดยสารไร้คนขับแบบ On-Demand, รถโดยสารสาธารณะแบบไร้คนขับ, รถขนส่งสินค้าแบบไร้คนขับ
    smart_mobility_13
  • ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ให้มากขึ้น
    smart_mobility_14

สุดท้ายนี้ก็ต้องขอขอบคุณทีมงาน HPE Aruba Thailand ที่ให้โอกาสไปร่วมงานในครั้งนี้ด้วยนะครับ

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

องค์กรที่ขับเคลื่อนด้วย Data และ AI ได้เปรียบกว่าเสมอ! ร่วมเรียนรู้วิธีสร้างกลยุทธ์ด้วย AI และ Machine Learning เพื่อสร้างผลลัพธ์ที่วัดได้จริงในโลกธุรกิจ ไปกับ 2 หลักสูตรที่น่าสนใจ จากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญตัวจริง [Guest Post]

ขอเชิญเข้าร่วมอบรม 2 หลักสูตร “กลยุทธ์การนำ AI & Machine Learning ไปใช้อย่างเป็นระบบ” (Deploying AI & Machine Learning for …

Meta ลดตำแหน่งงาน Reality Labs

Meta Platforms กำลังดำเนินการลดตำแหน่งงานใน Reality Labs ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบการผลิตชุดหูฟัง Quest สำหรับเทคโนโลยีผสมผสานโลกจริงและเสมือน (mixed reality) รวมถึงซอฟต์แวร์ที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ดังกล่าว