หลังจากใช้เวลามา 1 ปีกว่าๆ ในที่สุดทาง TechTalkThai ก็จัดได้ Webinar แบ่งปันความรู้ทางด้าน Enterprise IT เกินกว่า 50 ครั้งกันไปแล้วครับ รู้สึกว่าเป็นประสบการณ์ที่หลายๆ คนน่าจะยังไม่เคยมีโอกาสได้ทำ เลยขอนำมาแชร์กันเผื่อจะเป็นประโยชน์หรือแรงบันดาลใจให้กับหลายๆ องค์กรกันได้ดังนี้ครับ
อะไรคือ Webinar?
Webinar คือสัมมนาออนไลน์ ที่จะเปิดให้ทั้งผู้แชร์ความรู้และผู้ฟังเข้ามาแบ่งปันความรู้และความคิดเห็นกันได้ผ่านช่องทางออนไลน์ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น PC หรือ Mobile ก็ตาม โดยห้อง Webinar ห้องหนึ่งสามารถจุผู้ฟังได้ 100 – 200 คนพร้อมๆ กัน และผู้นำเสนอสามารถแชร์หน้าจอตัวเอง เพื่อเปิดสไลด์หรือนำเสนอ Demo ต่างๆ ได้เลย ทำให้ในเชิงการแชร์ความรู้นั้น การจัด Webinar เองก็แทบจะไม่ต่างจากสัมมนาจริงซักเท่าไหร่
แล้วทำไม TechTalkThai ถึงจัด Webinar?
จริงๆ แล้วเหตุผลหลักๆ ของเราในการจัด Webinar นั้นมีด้วยกัน 3-4 ประการดังนี้ครับ
- เรารู้สึกว่าจริงๆ แล้วคนไทยเก่งๆ ที่พร้อมจะแชร์ความรู้ดีๆ มีอยู่เยอะทีเดียว หรือแม้แต่ Vendor เองก็มักจะมีข้อมูลเชิงลึกที่น่าสนใจมาเล่าให้เราฟังกันได้ เราเลยอยากสร้างพื้นที่เวทีตรงนี้ให้เกิดขึ้น เพื่อให้การแชร์ความรู้เกิดขึ้นได้ต่อเนื่องตลอดเวลา ที่ผ่านมาทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้พูดคุยกับคนเหล่านี้และอัปเดตเทคโนโลยีเรื่อยๆ กันอยู่แล้ว การเปิด Webinar ขึ้นมาก็ทำให้การกระจายความรู้ตรงนี้ทำได้ดีขึ้น
- เรารู้สึกว่าการเดินทางในกรุงเทพมหานครเริ่มเป็นอะไรที่ยากลำบากขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นการจัดสัมมนาในพื้นที่จริงหากจัดช่วงสั้นๆ แค่ 1-2 ชั่วโมง ก็อาจไม่คุ้มกับเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทางของผู้มา ส่วนหากจัดสัมมนายาว 3-8 ชั่วโมงก็อาจจะเสียเวลาผู้ฟังจนเกินไป Webinar ดูจะตอบโจทย์นี้ได้ดี แถมคนที่ฟังอยู่ก็ยังทำงานอื่นคู่ไปด้วยได้ หรือปลีกตัวไปทำงานฉุกเฉินได้ ไม่มีใครเสียงาน
- เรารู้สึกว่าคน IT ในต่างจังหวัดเองนั้นมีโอกาสได้มาร่วมสัมมนาต่างๆ ทางด้าน IT น้อยกว่าในกรุงเทพฯ มาก ช่องทาง Webinar น่าจะเป็นช่องทางหนึ่งที่ช่วยให้การเผยแพร่ความรู้เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่าแต่ก่อน
- เรารู้สึกว่าสังคมไทยควรเริ่มใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์กับการทำงานในหลายๆ มิติกันให้มากขึ้น การจัด Webinar เองนี้เราก็คาดหวังว่าจะทำให้ผู้นำเสนอและผู้ฟังมีโอกาสได้ลองใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ แทนที่เราจะต้องสื่อสารกันแบบเดิมๆ ซึ่งเกิดค่าใช้จ่ายทางตรงกับทุกคน เพื่อให้เกิดความคุ้นชินด้วยอีกส่วนหนึ่งครับ
ที่ผ่านมาเราจัด Webinar ไปแล้วกว่า 50 ครั้ง คนเข้าร่วมรวมๆ กันก็ราวๆ 3,000 – 4,000 คน มีทั้งครั้งที่คนเข้าจนล้นจนเกิน 200 คนต่อครั้งและเข้าห้อง Webinar กันไม่ได้ ปนไปกับคนไม่เข้าเลยก็มีเช่นกัน ซึ่งโดยรวมแล้วก็ถือว่าผลลัพธ์ออกมาตอบโจทย์ดีครับ โดย Webinar จะมีทั้งแบบที่ TechTalkThai เป็นคนเชิญวิทยากรมาแบ่งปันความรู้ที่น่าสนใจเอง ซึ่งตรงนี้จะไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับวิทยากร ในขณะที่ Sponsored Webinar ก็ถูกเพิ่มเข้ามาในภายหลังเพราะมี Vendor หลายๆ รายอยากลองใช้ช่องทางนี้ในการแบ่งปันความรู้ และอัปเดตผลิตภัณฑ์แก่เหล่าลูกค้าของตัวเองบ้างเหมือนกันครับ
ลองติดตาม YouTube Channel ที่มีคลิปย้อนหลังของ Webinar ได้ที่ https://www.youtube.com/channel/UCfPhExRni82PH-N7-5Eyq2g/feed ครับ
บทเรียนจากการจัด Webinar กว่า 50 ครั้งของ TechTalkThai
เกริ่นมายาวมากกว่าจะได้เข้าเรื่องที่อยากเขียนถึงจริงๆ สำหรับบทเรียนที่เราจัด Webinar มีดังนี้ครับ
1. ความยากของการจัด Webinar คือการเชิญคน หัวข้อและเนื้อหาที่น่าสนใจคือสิ่งเดียวที่ดึงดูดผู้ฟังได้
ก่อนเริ่มจัด Webinar เราก็คิดว่าพอเป็นระบบออนไลน์ที่สะดวกกับผู้เข้าฟังมากๆ แล้ว คนก็น่าจะลงทะเบียนกันง่ายๆ แต่ความเป็นจริงก็ไม่ได้ราบรื่นขนาดนั้น งานสัมมนาทั่วไปนอกจากเนื้อหาแล้ว อาหารการกิน, การได้ออกไปพักผ่อนนอกสถานที่ และของแจกภายในงานหรือ Lucky Draw เองก็สามารถดึงดูดผู้มาได้ส่วนหนึ่ง (แต่คนอาจจะไม่ตรง Profile ที่ผู้จัดต้องการนัก แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้งานกร่อย) แต่ Webinar นั้นไม่มีอะไรอย่างอื่นนอกจากเนื้อหาที่นำเสนอมาดึงดูดผู้ฟังเลย ดังนั้นหากหัวข้อหรือเนื้อหาไม่น่าสนใจ ทุกอย่างก็จบตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นใครที่อยากจะมาแชร์เรื่องราวใดๆ ใน Webinar ก็อาจต้องคิดเรื่องหัวข้อให้มากขึ้นเสียหน่อยครับ
2. Session ขายของที่นำเสนอด้วยสไลด์มาตรฐาน คนมักไม่สนใจเข้าร่วม หรือออกกลางคัน
ประสบการณ์ตรงอันหนึ่งที่เจอเลยคือ มีบาง Session เหมือนกันที่ผู้นำเสนอใช้สไลด์ขายของตามปกติ และเล่าเรื่องขายของเหมือนกำลังพรีเซนต์ลูกค้าตามปกติ ซึ่งผลลัพธ์ที่เราสังเกตได้ก็คือ Session พวกนี้ถ้า Vendor ไม่ใช่รายที่ดังจริงๆ คนก็มักจะไม่สนใจ หรือเข้ามาฟังได้ซักพักแล้วก็ออกจากห้องไป เรียกได้ว่า Session ไหนที่คนนำเสนอไม่ได้เตรียมตัวมาดีๆ ก็มักจะ Fail ด้วยประเด็นเหล่านี้ครับ
3. Session แชร์ความรู้ ขายของได้มากกว่า
ในทางกลับกันกับข้อที่แล้ว หากใครมาแชร์ความรู้ที่น่าสนใจจริงๆ ถึงแม้จะเป็นความรู้ที่ผูกกับผลิตภัณฑ์ แต่หากเนื้อหาไม่ได้การมุ่งเน้นเพื่อขายของ และความรู้เหล่านั้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ คนฟังก็จะให้ความสนใจกันเยอะมาก และทำให้ Webinar ครั้งนั้นคึกคักขึ้นมาทันทีครับ ซึ่งเนื้อหาลักษณะนี้ก็สร้างภาพลักษณ์ที่ดีทั้งสำหรับแบรนด์เอง และยังเปิดโอกาสให้ได้รู้จักกับลูกค้ารายใหม่ๆ ด้วย
อันนี้เป็นตัวอย่างของคลิปย้อนหลังของ Webinar ที่ทั้งให้ความรู้และขายของแบบดีๆ ครับ
4. อัตราการถามตอบใน Webinar สูงมากจนน่าตกใจ
ปกติไปงานสัมมนาทั่วๆ ไปเรามักไม่ค่อยเห็นผู้เข้าร่วมสัมมนากล้าถามวิทยากรมากนัก แต่ใน Webinar กลับตรงกันข้าม คือคำถามถูกยิงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นไปจนถึงช่วงจบ บางคำถามก็เจาะลึกมากจนคาดไม่ถึงเลยทีเดียว ดังนั้นวิทยากรเองก็ต้องมีวิทยายุทธ์พอสมควรเหมือนกันในการรับมือกับคำถามเหล่านี้ โดยปกติถ้าพรีเซนต์ 1 ชั่วโมง ช่วงถามตอบก็ราวๆ 30 นาทีได้ครับ
5. ความเป็นมืออาชีพของแบรนด์ แสดงออกได้โดยตรงผ่านวิทยากร
เนื่องจากใน Webinar เราไม่มีอย่างอื่นเลยจริงๆ นอกจากเนื้อหา ดังนั้นแบรนด์ไหนมีทีมงานฝ่ายเทคนิคเก่งๆ ในไทยหรือไม่ สามารถดูได้ตรงๆ เลยจาก Webinar และแบรนด์ที่มีคนเก่งๆ มานำเสนอนั้นก็จะได้รับความไว้วางใจจากผู้ฟัง และมีคำถามให้ถามตอบกันเยอะมากเป็นพิเศษ จนถึงขั้นมีการร้องขอให้ไปนำเสนอที่บริษัททันทีเลยก็มี ในทางกลับกัน หากแบรนด์ไหนขาดแคลนทีมงานฝ่ายเทคนิค แล้วส่งฝ่ายการตลาดหรือเซลส์มานำเสนอแทน ก็อาจพบกับปัญหาในระหว่างนำเสนอได้ไม่น้อย และเนื้อหาเองก็ไม่สามารถเจาะลึกได้เท่าที่ควร ทำให้ขาดความน่าสนใจไประดับหนึ่งเลยทีเดียว
6. Demo สามารถดึงดูดคนได้มาก แต่ก็เป็นโจทย์ยากของผู้นำเสนอ
Webinar มีข้อดีตรงที่ผู้นำเสนอสามารถนำเสนอจาก Environment ของตัวเองได้เลย ดังนั้นการเปิดระบบทดสอบที่ใช้งานเป็นประจำเพื่อทำ Demo ให้ได้รับชมกันนั้นก็ถือว่าทำได้ง่ายกว่าการจัดสัมมนาจริงมาก ทำให้วิทยากรหลายรายได้นำเสนอ Demo และก็ดึงดูดความสนใจของผู้เข้าร่วม Webinar ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ดี การเตรียม Demo ให้มานำเสนอได้โดยไม่ล่มเลยนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย (ใครเคยทำคงพอรู้นะครับ 55) ดังนั้นถึงแม้จะเป็น Demo ใน Webinar ใน Environment ที่เราคุ้นเคย แต่ปัญหาก็อาจเกิดขึ้นได้ ดังนั้นวิทยากรก็ต้องเตรียมตัวซ้อมมาให้ดีเช่นกัน
7. วิทยากรชาวต่างชาติ – โจทย์สุดยากสำหรับ Webinar ในไทย
หลาย Vendor ชอบถามมาว่าใช้วิทยากรชาวต่างชาติได้หรือไม่ คำตอบคือ ได้ ด้วยเงื่อนไขดังต่อไปนี้ “เท่านั้น” ครับ
- เนื้อหาล้ำสมัยหรือลึกมากๆ จนไม่มีใครในไทยเล่าได้จริงๆ หรือมีน้อยมากและแทบไม่มีเนื้อหาให้อ่านเองในไทยเลย เช่น Quantum Computing
- แจกสินค้าราคาสูงให้ผู้เข้าฟัง (ซึ่งบางทีก็อาจจะได้คนไม่ตรงกลุ่ม และต้นทุนสูงโดยใช่เหตุ)
จากที่เคยสอบถามผู้ฟังแล้ว หลายๆ คนอยากฟังภาษาไทยมากกว่าครับ เพื่อจะได้ตามเนื้อหาได้ทันครับ ดังนั้นวิทยากรชาวไทยก็ถือเป็นทางเลือกที่ดีกว่าครับ
8. Internet เมืองไทยยังแย่อยู่ในหลายพื้นที่
อันนี้เป็นปัญหาที่พบเจอได้กับทั้งฝั่งวิทยากร และฝั่งผู้เข้าร่วม Webinar เลยครับ คือ Internet ในไทยยังไม่ค่อยจะเสถียรนักในหลายๆ พื้นที่ รวมถึงอาคารออฟฟิศใหญ่บางแห่งในกรุงเทพฯ เองก็ยังไม่ตอบโจทย์นัก โดยเฉพาะ 3G/4G ที่ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้กับ Traffic แบบ Real-time ใน Webinar นี้ ในทางกลับกัน หากใช้ Internet ที่บ้านแทนส่วนใหญ่ก็จะเข้าร่วม Webinar กันได้ราบรื่นยิ่งขึ้น ดังนั้นหลังๆ เราเลยแนะนำวิทยากรให้อยู่บ้านไปเลยครับ จะได้หยุดพักผ่อนด้วย 1 วัน 55
ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับผู้ที่สนใจจะทำ Webinar กันนะครับ ตอนนี้ในไทยก็เริ่มมีหลายบริษัทใช้ Webinar แทนช่องทางการสัมมนาปกติแล้ว เพราะนอกจากจะประหยัดค่าใช้จ่ายกว่าแล้ว ยังอัดคลิปย้อนหลังเอาไว้ใช้ในโอกาสถัดๆ ไปได้อีกด้วย รวมถึง Webinar ยังทำให้สามารถเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ได้ดี ส่วนตัวทีมงาน TechTalkThai เองก็ค่อนข้างชอบในแง่ที่เราไม่เสียเวลาทำงาน และไม่เสียเวลาเดินทางนี่แหละครับ