
การทำ IT Automation นั้นได้กลายเป็นหัวใจสำคัญในกลยุทธ์ด้าน Modernize IT ของแต่ละธุรกิจองค์กรท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงสู่ New Normal ของการทำงาน เพื่อช่วยให้การบริหารจัดการระบบ IT Infrastructure นั้นเป็นไปได้อย่างอัตโนมัติ, ง่ายดาย, ผิดพลาดน้อยลง และนำไปสู่การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นในองค์รวม HPE ในฐานะของผู้นำด้านระบบ IT Infrastructure จึงต้องการก้าวรุกสู่การเป็นผู้นำด้าน IT Automation ในระดับองค์กร ด้วยการนำเสนอ HPE OneView โซลูชัน Software-Defined Infrastructure จาก HPE ที่พัฒนาต่อยอดมาเป็นเวลานับสิบปี จากระบบ Centralized IT Management สู่การทำ IT Automation อย่างเต็มตัวแล้ว
รู้จักกับ HPE OneView

สำหรับคนที่อยู่ในวงการมานานคงจะคุ้นชื่อกับ HPE OneView กันเป็นอย่างดีในฐานะของเครื่องมือบริหารจัดการจากศูนย์กลางสำหรับโซลูชันต่างๆ ของ HPE แต่ในทุกวันนี้ HPE OneView เองก็ได้มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องจนรองรับการทำ Automation ให้กับระบบ IT Infrastructure ที่หลากหลาย ช่วยตอบโจทย์การทำงานของผู้ดูแลระบบ IT และการวางกลยุทธ์ระยะยาวในการบริหารจัดการระบบ IT ให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดี
สำหรับจุดเด่นที่น่าสนใจของ HPE OneView นั้นก็มีด้วยกันหลายประการ ดังนี้
- สามารถทำ Software-Defined Infrastructure สำหรับทั้ง Server, Storage และ Fabric ได้ในหนึ่งเดียว เปลี่ยนการบริหารจัดการให้กลายเป็น Automation ทำงานได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำมากขึ้น
- สามารถบริหารจัดการได้ทั้งระบบ On-Premises และ Cloud
- มีหน้า Global Dashboard แบบ Near Real-Time ทำให้เห็นการทำงานของอุปกรณ์นับพันในหลาย Data Center รวมกันได้ในหน้าจอเดียว
- มีระบบ Template สำหรับการทำ Automation ที่รองรับการใช้งานไปจนถึงระดับการจัดการกับ Firmware หรือ Driver อุปกรณ์ ทำให้สามารถจัดการอุปกรณ์จำนวนมากได้โดยไม่เกิดความผิดพลาด
- มี Plug-in สำหรับเชื่อมต่อกับ VMware vCenter และ Microsoft Systems Center บริหารจัดการระบสำหรับธุรกิจองค์กรได้อย่างง่ายดาย
- มี API เชื่อมต่อกับระบบอื่นๆ ได้หลากหลาย รวมถึงเครื่องมือในการทำ Automation เช่น Red Hat Ansible, Chef, Puppet, PowerShell, Python, Terraform และ VMware vRealize Automation
- รองรับการจัดการด้านความมั่นคงปลอดภัยในระดับ IT Infrastructure ได้ เช่น การกำหนดสิทธิ์ของผู้ดูแลระบบให้สามารถควบคุมระบบเฉพาะที่ตนเองเกี่ยวข้อง, การรองรับ Two-Factor Authentication, การตรวจสอบ Firmware และ Security Patch, การรองรับการใช้งาน CNSA Mode, การรองรับ FIPS 140-2, ความสามารถในการจัดการ Certificate ที่เกี่ยวข้องกับระบบ และอื่นๆ อีกมากมาย พร้อมทั้งทำการเข้ารหัสข้อมูล Data-at-Rest ในตัว
- สามารถออกรายงานด้าน Compliance ได้ถึงระดับการทำ Firmware Compliance ช่วยให้การตรวจสอบมาตรฐานการทำงานของระบบเป็นไปได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
- รองรับการทำ Infrastructure as Code ได้
- เชื่อมต่อและควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมดอย่างมั่นคงปลอดภัย

การใช้ HPE OneView นี้จะช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถติดตามการใช้งาน, บริหารจัดการ, ปรับเปลี่ยนการตั้งค่า และปรับกระบวนการทำงานให้เป็นแบบ Automation เพื่อลดภาระงานภายใน Data Center ลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้การใช้งานทรัพยากรต่างๆ ที่มีอยู่นั้นคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น, แก้ไขปัญหาได้รวดเร็วยิ่งขึ้น และติดตั้งใช้งานอุปกรณ์ใหม่ๆ เพิ่มเติมภายในระบบได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้นในเวลาเดียวกัน
สู่ขั้นสุดของ Automation ด้วย HPE Composable Infrastructure
แน่นอนว่าเมื่อ HPE ได้นำเสนอแนวคิดของ Composable Infrastructure ออกสู่ตลาดเพื่อให้การใช้งาน Hardware ภายใน Data Center นั้นมีความยืดหยุ่นสูงสุดรองรับต่อความเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และยังคงทำงานได้แบบอัตโนมัติ ทาง HPE ก็ได้นำ HPE OneView นี้เข้าไปเป็นหัวใจสำคัญของแนวคิดนี้ในฐานะของระบบบริหารจัดการ, การทำ Automation และเชื่อมต่อ API กับระบบอื่นๆ ทั้งหมดเพื่อให้สามารถทำงานร่วมกันได้จากศูนย์กลางอย่างอัตโนมัติ เป็นองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ในภาพของ Composable Infrastructure เลย

การก้าวสู่ภาพของ Composable Infrastructure อย่างเต็มตัวนั้น จะทำให้อุปกรณ์ทั้งหมดภายใน Data Center สามารถถูกควบคุมได้จากศูนย์กลาง และถูกนำไปใช้เป็นทรัพยากรเพื่อรองรับ Workload ต่างๆ ได้อย่างยืดหยุ่น ทั้ง Traditional Workload สำหรับรองรับ Application แบบดั้งเดิมในธุรกิจองค์กร, Virtualization สำหรับการทำ Data Center Consolidation, CI/CD Pipeline สำหรับรองรับการพัฒนา Software, Container สำหรับรองรับ Cloud-Native Application ไปจนถึงระบบ Hybrid Cloud และ Multi-Cloud
สำหรับโซลูชันของ Composable Infrastructure ที่เข้าใจได้ง่ายนั้น ก็คือการใช้ HPE Synergy ร่วมกับ HPE OneView เพื่อสร้าง Software-Defined Data Center ได้ด้วย Hardware ของ HPE Synergy ที่ได้รวมเอาทั้ง Compute, Storage และ Fabric ไว้ในตัวสำหรับรองรับ Workload ทุกรูปแบบ พร้อมระบบสำหรับจัดการ Image Template เพื่อ Deploy ระบบต่างๆ และควบคุมการทำงานทั้งหมดแบบ Automation ได้ด้วย HPE OneView โดยยังสามารถทำการเพิ่มขยายด้วย Hardware อื่นๆ จาก HPE และระบบอื่นๆ ที่ผ่านการรับรองจาก HPE เพื่อทำงานร่วมกันภายใต้แนวคิด Composable Infrastructure ได้ผ่าน HPE OneView ทั้งหมด
สำหรับ HPE OneView รุ่นล่าสุดในปัจจุบันนี้ก็ออกมาถึงรุ่น 5.2 แล้ว ซึ่งก็มีความสามารถใหม่ๆ เพิ่มเติมเข้ามามากมายไม่ว่าจะเป็นการรองรับ Composable Infrastrucutre ได้ดีขึ้น, การรองรับ Hardware ใหม่ๆ ของ HPE, การจัดการ Firmware และการจัดการด้าน Security ที่ได้เสริมเรื่องของการดึงข้อมูล Certificate Revocational List (CRL) ให้โดยอัตโนมัติเพื่อให้สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น และการจำกัดว่าผู้ใช้งานจะสามารถดูแลกลุ่มของระบบได้ตามสิทธิ์ของตนเอง เป็นต้น
ศึกษาเพิ่มเติมจาก E-Book ฟรี HPE OneView for Dummies

สำหรับผู้ที่สนใจการใช้งาน HPE OneView หรืออาจจะใช้งานอยู่แล้วแต่ยังอยากทำความเข้าใจความสามารถต่างๆ ให้มากขึ้น HPE ได้เขียนหนังสือ HPE OneView for Dummies เพื่อให้ผู้ที่สนใจทำการโหลดไปอ่านได้ฟรีๆ ที่ https://www.hpe.com/us/en/resources/integrated-systems/oneview-for-dummies.html
ทดลองใช้งาน HPE OneView ได้ฟรีทันที
เพื่อให้ธุรกิจองค์กรได้เข้าใจถึงการทำงานของ HPE OneView ได้ดียิ่งขึ้นก่อนตัดสินใจนำไปใช้เป็นหัวใจหลักในการลงทุนกลยุทธ์ด้าน IT ทาง HPE จึงได้เปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถ Download HPE OneView ไปทดลองใช้งานได้ฟรีๆ ที่ https://www.hpe.com/us/en/resources/integrated-systems/oneview-trial.html
สนใจโซลูชันของ HPE ติดต่อ Metro Connect

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันใดๆของ HPE สามารถติดต่อทีมงาน Metro Connect เพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม, ทดสอบระบบ หรือขอใบเสนอราคาได้ทันทีที่แผนกการตลาด อีเมล์ anutrwan@metroconnect.co.th หรือโทรติดต่อ 02-089-4508