Gartner ชี้อนาคตของ Data Center คือ Software Defined พร้อมข้อแนะนำ 3 ประการสำหรับทุกองค์กร

ถึงแม้ว่า Software Defined Data Center (SDDC) จะยังไม่ใช่เทคโนโลยีที่ขาดหายไม่ได้ในปัจจุบัน แต่ Gartner ก็ชี้ว่าอนาคตระยะยาวนั้น SDDC จะเป็นสิ่งที่องค์กรขาดไปไม่ได้เลยในการทำให้ธุรกิจแบบ Digital มีความยืดหยุ่นและคล่องตัว โดยผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับ IT Infrastructure และ IT Operations นั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเตรียมศึกษาเอาไว้ เพื่อปรับตัวรับกับการนำ SDDC มาใช้งานในอนาคต

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com

ทั้งนี้ Gartner ได้อธิบายถึงการทำงานของ SDDC ว่าเป็น Data Center ที่ทำการ Virtualize ทุกอย่างเอาไว้ และสามารถให้บริการภายในองค์กรแบบ as-a-Service ได้ ซึ่งจะทำให้องค์กรสามารถต่อยอดไปทำ Automation และทำงานได้อย่างยืดหยุ่น รวมถึงนำบริการ Cloud ต่างๆ มาผนวกใช้งานภายในองค์กร และทำให้องค์กรสามารถทำ DevOps ได้ ซึ่งองค์กรส่วนใหญ่ในเวลานี้ยังไม่พร้อมเปิดรับการมาของ SDDC และก็ควรที่จะเริ่มขยับตัวกันได้แล้ว

Gartner ได้ทำนายไว้ว่า ภายในปี 2020 องค์กรกว่า 75% จาก Global 2000 ที่ต้องการทำ DevOps และใช้งาน Hybrid Cloud จะต้องการ Data Center ที่สามารถควบคุมผ่านการเขียนโปรแกรมได้ ซึ่งก็คือการทำ SDDC นั่นเอง โดย Gartner มีข้อแนะนำสำหรับสิ่งที่ควรประเมินในการทำ SDDC สำหรับแต่ละองค์กรดังนี้

 

ประเมินความสามารถและวัฒนธรรมในการทำงาน

การนำ SDDC มาใช้นั้นจะต้องใช้ความสามารถใหม่ๆ เพิ่มเติม และต้องเปลี่ยนมุมมองในการทำงานให้มีความคล่องตัวมากขึ้น และมีการทำ Automation มากขึ้น ดังนั้นองค์กรต่างๆ จึงควรเริ่มทดลองใช้ Cloud ในโครงการเล็กๆ เพื่อสร้างทีมงานที่มีประสบการณ์เพิ่มได้แล้ว

 

เลือกจังหวะเวลาให้ดี

ในระหว่างนี้ผู้บริหารที่เกี่ยวข้องกับฝ่าย IT Infrastructure และ IT Operations ควรจะต้องศึกษาแนวคิดและแนวทางของ SDDC เอาไว้ ถึงแม้เทคโนโลยีจะยังไม่นิ่งก็ตาม และก็ควรจะต้องเล็งจังหวะเวลาในการเริ่มต้นโครงการ SDDC ให้ดี รวมถึงแบ่งโครงการออกเป็น Phase ให้เหมาะสมต่อการใช้งานของแต่ละองค์กรด้วย และ Storage ก็เป็นเทคโนโลยีหนึ่งที่เป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำ SDDC

 

ระวังการถูกผูกขาดจาก Vendor

ถึงแม้ตามแนวคิดแล้ว Open Source หรือระบบ Cloud Management จะช่วยให้ไม่ต้องถูกผูกขาดกับผู้ผลิตรายใด แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป อีกทั้งปัจจุบันนี้ก็ยังไม่มาตรฐานกลางหรือชุดของ API ที่ผู้ผลิตใช้ร่วมกันด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะเลือกเทคโนโลยีใดมาใช้ ก็จะต้องถูก Vendor ผูกขาดไม่มากก็น้อยในทางใดทางหนึ่ง และการสับเปลี่ยนเทคโนโลยีหรือเลิกใช้นั้นก็จะมีค่าใช้จ่ายตามมา ดังนั้นจึงควรจะต้องเลือกเทคโนโลยีให้ดีและเหมาะสมในระยะยาว

 

สำหรับผู้ที่อยากอ่านรายงานนี้ฉบับเต็ม สามารถซื้อได้ที่ https://www.gartner.com/doc/3026723 ในราคา 195 USD

ที่มา: http://www.gartner.com/newsroom/id/3136417 

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

IP Fabric เปิดตัวอัปเดต 7.0 เพิ่มความมั่นคงปลอดภัยและการปฏิบัติตามข้อกำหนดสำหรับระบบมัลติคลาวด์

สตาร์ทอัพด้านการตรวจรับรองเครือข่ายโดยอัตโนมัติ IP Fabric ประกาศเปิดตัว IP Fabric Version 7.0 ซึ่งเป็นเวอร์ชันใหม่ของแพลตฟอร์มที่ออกแบบมาเพื่อช่วยให้องค์กรปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านกฎระเบียบและมาตรฐาน ความมั่นคงปลอดภัยได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมเสริมความยืดหยุ่นในการดำเนินงานสำหรับบริการดิจิทัลที่สำคัญในสภาพแวดล้อมมัลติคลาวด์

ขอเชิญร่วมงาน “ยกระดับการวิเคราะห์ข้อมูลเซ็นเซอร์ด้วย Low-Code สู่โซลูชัน AI ที่ขับเคลื่อนธุรกิจ” [28 กุมภาพันธ์ 68 | 8:30-13:00] ณ ศูนย์ประชุมอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย (สวทช.)

บริษัท Ascendas Systems ตัวแทนจำหน่ายและให้บริการโปรแกรม MATLAB® และ Simulink® ในประเทศไทย  มีความยินดีอย่างยิ่งที่จะเรียนเชิญท่านเข้าร่วมสัมมนาฟรีในหัวข้อ“ยกระดับการวิเคราะห์ข้อมูลเซ็นเซอร์ด้วย Low-Code สู่โซลูชัน AI ที่ขับเคลื่อนธุรกิจ” เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่และแนวทางปฏิบัติในการพัฒนาโซลูชัน Predictive …