ในยุโรป ภาคีต่างๆ ได้มารวมตัวกันเพื่อส่งต่อ Digital Services Package (DSP) เป็นชุดของกฎหมายที่จะบังคับใช้ เพื่อให้บริษัทต่างๆ เช่น Apple, Google, Facebook และ Amazon ปรับแนวทางปฏิบัติในรูปแบบต่างๆ มากมาย ผู้สันทัดกรณีชี้ไปที่ DSP อาจจะเป็นต้นแบบสำหรับกฎหมายของสหรัฐอเมริกาในอนาคต แต่อีกมุมมองว่ามันไปไกลกว่ากฎหมายที่เป็นมิตรต่อธุรกิจทั่วไปในสหรัฐอเมริกามาก
Digital Services Package ประกอบไปด้วยสองส่วน:
-
Digital Markets Act
-
Digital Services Act
กฏหมาย Digital Services Package ได้รับการเสนอในปี 2020 และได้ผ่านการรับรองโดยคณะกรรมาธิการยุโรปเมื่อเร็วๆ นี้ วัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างกฏเกณฑ์ที่ครอบคลุมสำหรับเทคโนโลยีที่จะรักษาความเป็นส่วนตัวและทางเลือกในตลาด สำหรับบริษัทที่กำหนดเป้าหมาย Digital Services Package จะหมายถึงการตรวจสอบด้านกฎระเบียบจำนวนมาก
-
Digital Markets Act (DMA)
เป็นกฎหมายเกี่ยวกับการควบคุมบริษัทที่ดำเนินการ “บริการแพลตฟอร์มหลัก” เช่น App Stores, Search Engines และอื่นๆ ว่าด้วยกรอบทางกฏหมายสำหรับสิ่งที่เรียกว่า “Gatekeepers” หรือ ผู้รักษาประตู สำหรับเป็น “consumer gateways” รักษาความสมดุลให้กับส่วนแบ่งการตลาดไม่ให้มีความได้เปรียบและเสียเปรียบที่เหนือกว่ากันมากเกินไป โดยเฉพาะกลุ่มบริษัทขนาดเล็กที่มีบทบาทน้อยกว่าซึ่งอยู่ในฐานะ “Emerging Gatekeepers” ที่กำลังเติบโตสู่ฐานะของผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าได้ในอนาคต โดยสหภาพยุโรปคาดว่าจะกำหนดแผนไว่ที่ 10-15 Gatekeepers
บทบาทหลักของ Gatekeepers
- Gatekeepers จะมีภาระหน้าที่หลายประการเพื่อรับรองสวัสดิการของผู้บริโภคและความเป็นธรรมของตลาดดิจิทัล
- Gatekeepers จะคอยเป็นยามเฝ้าประตูดูแลไม่อนุญาตให้ผู้เล่นใช้ตำแหน่งทางการตลาดที่มีอำนาจเหนือกว่าเพื่อให้ความสำคัญกับผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆ ของตนอย่างไม่เป็นธรรม
- ด้านการโฆษณายังเป็นจุดสนใจหลักของ DMA ซึ่งเชื่อมโยงกับกฎระเบียบให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค (GDPR) เพื่อให้แน่ใจว่ามีการเคลื่อนย้ายข้อมูลและความเป็นส่วนตัวที่มีความปลอดภัย
-
Digital Services Act (DSA)
คล้ายคลึงกับ DMA แต่จะเน้นไปที่พฤติกรรมของ “intermediaries” หรือ ตัวกลาง เช่น Internet Service Providers, Cloud Services, Messaging และ Social Networks เพื่อควบคุมบทบาทของบริษัทกลุ่มเหล่านี้ในการเชื่อมต่อถึงผู้บริโภคกับการบริการและเนื้อหาออนไลน์ทั้งหมด
DSA กำหนดให้บริษัทบริหารจัดการเจ้าหน้าที่กำกับดูแลการปฏิบัติตามกฎระเบียบ ดำเนินการลบเนื้อหาที่ผิดกฎหมาย และทำงานเพื่อปกป้องสิทธิ์ของผู้บริโภคเป็นสำคัญ
ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้สามารถตั้งค่าสถานะเนื้อหาว่าผิดกฎหมายหรือเป็นอันตราย หรือแม้แต่การยื่นเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับ “นโยบายการดูแลแพลตฟอร์ม” นอกจากนี้ยังมีข้อกำหนดบังคับเกี่ยวกับการห้ามใช้วิธีการกำหนดเป้าหมายโฆษณาและการติดตามผู้ใช้ที่ไม่ชัดเจน ซึ่งอย่างไรก็ตาม ไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์นี้ทั่วทั้งสหภาพยุโรปสำหรับเนื้อหาประเภทใดที่ผิดกฎหมาย เป็นเพียงกรอบการทำงานเพื่อให้แน่ใจว่าผู้ใช้มีเครื่องมือรับมือกับการป้องกันตนเอง
เมื่อมีกฏหมายใหม่ออกมา ย่อมมีบทลงโทษตามมา
-
การละเมิดกฏหมาย Digital Markets Act (DMA) อาจถูกบทลงโทษจากการค่าปรับระหว่าง 4 – 20 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ต่อปี
-
การละเมิดกฏหมาย Digital Services Act (DSA) อาจถูกบทลงโทษจากการค่าปรับสูงถึง 6 เปอร์เซ็นต์ ของรายได้ต่อปี
DMA จะมีผลบังคับใช้ในอีก 6 เดือนหลังจากนี้ และ DSA จะมีผลใช้งานในวันที่ 1 มกราคม 2024 แหล่งข่าวพาดพิงความรู้สึกบริษัทต่างๆ โดยมองว่ากฏหมายนี้อาจทำให้ Google และ Facebook ไม่พอใจ