IBM Flashsystem

LinkedIn ถูกปรับ 334 ล้านดอลลาร์ ฐานละเมิด GDPR

LinkedIn ถูกปรับ 310 ล้านยูโร (334 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยหน่วยงานกำกับดูแลความเป็นส่วนตัวของสหภาพยุโรป เนื่องจากการละเมิด GDPR ผ่านการโฆษณาแบบเจาะกลุ่ม ติด 10 อันดับค่าปรับ GDPR สูงสุดที่ Big Tech จากสหรัฐเคยโดน

Credit: LinkedIn

คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลของไอร์แลนด์ (Data Protection Commission หรือ DPC) ซึ่งคอยจับตาบริษัทเทคโนโลยีจากสหรัฐที่ดำเนินงานในยุโรป ได้สั่งปรับ LinkedIn อย่างหนัก เนื่องจากไม่ได้ขอความยินยอมจากผู้ใช้ในการประมวลผลข้อมูล ซึ่ง DPC มองว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนด้านข้อมูลอย่างร้ายแรง โดยคำตัดสินนี้มีที่มาจากข้อร้องเรียนเมื่อปี 2018 ที่ยื่นโดยองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรจากฝรั่งเศส La Quadrature Du Net และได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานคุ้มครองข้อมูลของฝรั่งเศสอีกด้วย

ทางฝั่ง LinkedIn เองได้ออกมาแถลงว่า ถึงแม้บริษัทจะเชื่อมั่นว่าปฏิบัติถูกต้องตาม GDPR มาโดยตลอด แต่ก็กำลังปรับแก้ไขให้วิธีการโฆษณาเป็นไปตามคำตัดสินภายในเวลาที่ DPC กำหนดเช่นกัน

ค่าปรับดังกล่าวนับว่าสูงสุดเป็นอันดับที่ห้าสำหรับค่าปรับ GDPR จาก DPC และเป็นอันดับที่หกจากหน่วยงานกำกับดูแลในสหภาพยุโรปทั้งหมด ทั้งนี้ การบังคับใช้ GDPR ซึ่งเริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2018 ทำให้บริษัทต่างก็หัวหมุนในการปรับการดำเนินงานให้สอดคล้องกับกฎระเบียบเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเผชิญค่าปรับอันมหาศาลที่อาจสูงถึง 2% ของรายได้จากทั่วโลกของตนในปีก่อนหน้า โดยขณะนี้ Meta ยังคงครองแชมป์ค่าปรับสูงสุดหลังจากที่โดนปรับไปถึง 1.2 พันล้านยูโรเมื่อปี 2023

ที่มา: https://siliconangle.com/2024/10/24/linkedin-hit-334m-fine-violating-gdpr/

About นักเขียนฝึกหัดหมายเลขเก้า

Check Also

HPE เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์คลาวด์ส่วนตัวที่ล้ำสมัยที่สุดในอุตสาหกรรมพลิกโฉมการยกระดับระบบไอทีแบบไฮบริดขององค์กรธุรกิจที่ช่วยลด TCO ได้มาถึง 2.5 เท่า [PR]

HPE ได้มีการขยายบริการเพิ่มเติมในส่วนของกลุ่มผลิตภัณฑ์คลาวด์ส่วนตัวเพื่อครอบคลุมการผสานรวมซอฟต์แวร์ระดับองค์กรที่มีความยืดหยุ่นสำหรับเวิร์กโหลดแบบเวอร์ชวลไลซ์ และระบบการจัดการคลาวด์แบบรวมศูนย์ เข้ากับโครงสร้างพื้นฐานแบบแยกส่วน (disaggregated infrastructure) ที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมนี้

Business Fibre Fixed IP: บริการ Internet ระดับธุรกิจ เชื่อมต่อเครือข่ายได้ไม่มีสะดุด เสริมความมั่นคงปลอดภัยได้ง่ายกว่าที่เคย จาก AIS SME

เมื่อกระแสการทำงานแบบ Work from Home ค่อยๆ แผ่วลงไป ผู้คนออกไปใช้ชีวิตนอกบ้าน ทำงานในออฟฟิศกันมากขึ้น ระบบ Internet สำหรับธุรกิจก็กลายเป็นหัวใจสำคัญท่ามกลางยุคสมัยที่ทุกธุรกิจต้องใช้ Internet ในการทำงาน