AIS x Gorilla ผนึกกำลังประยุกต์ใช้ AI-Vision ในอุตสาหกรรมค้าปลีกและอสังหาฯ บนเครือข่าย AIS 5G

ในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า AI หรือปัญญาประดิษฐ์ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมต่าง ๆ ด้วยความสามารถในการเรียนรู้เพื่อคิดวิเคราะห์ข้อมูลได้ใกล้เคียงกับมนุษย์ จนถึงขั้นเรียนรู้เข้าใจผ่านข้อมูลภาพและวิดีโอจากการมองเห็นผ่านกล้องด้วยเทคโนโลยี AI Vision ซึ่งในปี 2021 มีการวิเคราะห์ว่า เทคโนโลยี AI Vision จะถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อทดแทนแรงงานคนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ

AIS จึงได้ร่วมกับ Gorilla Technology Group ในการพัฒนาและนำเสนอโซลูชันที่ใช้ความสามารถของ AI Vision ร่วมกับ Edge Computing มาปรับใช้เพื่อทรานส์ฟอร์มการดำเนินงานและการทำธุรกิจโดยเฉพาะอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และการค้าปลีก พร้อมนำเสนอตัวอย่างการใช้งานจริงที่ตอบโจทย์การประยุกต์ใช้ด้านความปลอดภัยและการวิเคราะห์ลูกค้าทางการตลาด

นิธิภัทร์ อนุสรณ์เสงี่ยม Enterprise IoT Solution Specialist, AIS
Mr. Mike Wang, Director (ASEAN & ANZ), Gorilla Technology Group

AI-Vision คืออะไร?

ก่อนที่จะมาทำความรู้จักกับ AI-Vision นั้น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า AI คือ ระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สร้างขึ้นเพื่อเรียนรู้และทำงานแทนมนุษย์ ซึ่งผ่านการกำหนดและการสอนโดยมนุษย์ จากนั้นจึงสามารถทำงานเองโดยอัตโนมัติได้ ซึ่งในปัจจุบัน มีการนำ AI มาใช้งานในหลากหลายรูปแบบ อาทิ Siri ที่โต้ตอบกับมนุษย์ได้ด้วยภาษาที่มนุษย์เข้าใจ หรือการทำงานในเชิงลึกอย่างระบบจัดการอีเมลสแปมของ Gmail ที่คัดแยกอีเมลสแปมออกไป

แต่ในอดีต AI มีข้อจำกัดที่ยังไม่สามารถเข้าใจข้อมูลภาพและวิดีโอได้ เพราะเป็นข้อมูลแบบไม่มีโครงสร้าง (Unstructured Data) ที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องและต้องใช้เทคโนโลยี AI ในการประมวลผลระดับสูง จึงมีการฝึก AI ให้สามารถมองเห็นได้แบบมนุษย์ผ่านกล้อง จนกลายมาเป็นเทคโนโลยี AI Vision หรือระบบวิทัศน์ด้วยปัญญาประดิษฐ์ ที่ทำให้คอมพิวเตอร์เข้าใจสิ่งที่เห็น ประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูลได้ใกล้เคียงกับมนุษย์ อีกทั้งยังตอบสนองได้รวดเร็วแบบอัตโนมัติอีกด้วย

จาก Cloud สู่ Edge: ประมวลผลเร็วขีดสุด เสริมสมรรถภาพ AI

อย่างไรก็ดี AI มีข้อจำกัดการใช้งานเรื่องต้นทุนของเทคโนโลยี AI ที่สูง จึงไม่สามารถกระจายการใช้งานไปได้อย่างแพร่หลาย แม้จะแก้ปัญหาด้วยการรวมศูนย์การประมวลผลอยู่บนระบบคลาวด์ที่เรียกว่า Cloud AI แล้ว แต่วิธีการนี้มีข้อเสียคือ AI ตอบสนองต่อการประมวลผลได้ช้า ทำให้ไม่นิยมนำมาใช้งาน

เพื่อเป็นการลดการจัดการต้นทุนและลดระยะเวลาในการประมวลผล จึงมีการออกแบบแนวคิดใหม่ที่เรียกว่า Edge Computing หรือระบบประมวลผลขนาดเล็กที่กระจายความสามารถของคอมพิวเตอร์ไปประมวลผลในตำแหน่งที่ใกล้กับข้อมูลที่ต้องการประมวลผลได้ ทำให้ใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพแบบอัตโนมัติ

และเมื่อรวมพลังของ AI Vision เข้ากับ Edge Computing จนกลายมาเป็น Edge AI Processing แล้ว ก็ทำให้อุตสาหกรรมต่าง ๆ ดำเนินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยมากขึ้น โดยเพิ่มความถูกต้องแม่นยำและลดความผิดพลาดจากการทำงานของมนุษย์ผ่านระบบอัตโนมัติ เพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการประมวลผลวิเคราะห์ข้อมูลแบบที่ไม่มีโครงสร้าง และเป็นการลดต้นทุนของระบบประมวลผลแบบ AI ดั้งเดิม

เมื่อนำมา Edge AI Processing มาใช้งานร่วมกับธุรกิจ ก็จะช่วยให้เกิดการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนในการจัดการบริหารธุรกิจ การจัดการทรัพยากรบุคคล เพิ่มการตอบสนองต่อสถานการณ์ และปรับให้สอดคล้องต่อสถานการณ์ได้อย่างรวดเร็ว

AI Vision ครองอุตสาหกรรมแห่งอนาคต

ในปี 2021 มีการวิเคราะห์ว่า เทคโนโลยี AI Vision จะถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้งานเพื่อวัตถุประสงค์ด้านความปลอดภัย อาทิ การตรวจสอบการสวมชุดความปลอดภัยก่อนเข้าพื้นที่เสี่ยงของพนักงาน การตรวจสอบกล่องสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ที่ผลิตสินค้า การตรวจสอบอุณหภูมิร่างกายก่อนเข้าอาคาร การวิเคราะห์การจราจรบนถนน เป็นต้น

ตัวอย่างการนำ AI Vision ไปใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากหลาย

  • อุตสาหกรรมค้าปลีก (Retail Business)

อุตสาหกรรมค้าปลีกมีการแข่งขันเชิงข้อมูลพฤติกรรมลูกค้า มีความต้องการเข้าใจลูกค้าเพื่อให้ธุรกิจประสบความสำเร็จ จึงต้องการนำ AI Vision มาใช้วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในร้านและปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การตลาด หรือจัดการรูปแบบการให้บริการให้สอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้า นอกจากนี้ ยังสามารถนำ AI Vision มาใช้งานในกลุ่มลูกค้าปลีกที่ต้องการวิเคราะห์ข้อมูลในเชิงลึก ประมวลผลกล้องวงจรปิดในร้านค้า ข้อมูลการเลือกใช้บริการและการทำงานของพนักงานได้

ด้วยข้อได้เปรียบของ AI Vision ที่สามารถกระจายผ่าน Edge Computing ไปยังสาขาในภูมิภาคนั้น ก็ทำให้ได้ข้อมูลเข้ามายังส่วนกลางได้แบบเรียลไทม์ แล้วสามารถนำข้อมูลแบบครบวงจรมาบูรณาการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทางการค้าได้อย่างรวดเร็ว

  • อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ (Property)

อุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยผ่านระบบ Video Surveillance ที่กระจายกล้องไปยังพื้นที่ต่าง ๆ แต่ปัญหา คือ การบริหารจัดการกล้องที่มีจำนวนมาก ความเหนื่อยล้าของพนักงาน จำนวนพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญไม่เพียงพอ ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานของระบบ Video Surveillance ต่ำ

AI Vision ก็ช่วยเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพให้ระบบ Video Surveillance ได้ในการแยกแยะสถานการณ์ที่มีโอกาสทำให้เกิดปัญหา อาทิ การแยกแยะใบหน้าผู้ที่ไม่ใช่สมาชิก การแจ้งเตือนเมื่อมีผู้ต้องสงสัยเข้ามาในพื้นที่ต้องห้าม การตรวจสอบเมื่อมีการบุกรุกในช่วงเวลาหลังเลิกงาน การแยกแยะวัตถุที่มีโอกาสทำให้เกิดความเสียหาย เช่น การตรวจจับวัตถุไวไฟที่วางไว้ใกล้ถังแก๊สหุงต้ม 

ทั้งหมดนี้สามารถนำมาทดแทนหรือเสริมการทำงานของระบบความปลอดภัยดั้งเดิมที่อาศัยเจ้าหน้าที่พนักงานดูแลรักษาความปลอดภัยในห้องควบคุมกล้องวรจรปิด ซึ่งพนักงานอาจมีข้อจำกัดในการตรวจสอบความผิดปกติของภาพที่ผ่านเข้ามาในกล้องได้

AIS x Gorilla ผนึกกำลังนำเสนอโซลูชัน Edge AI Computing บนเครือข่าย 5G

AIS ร่วมกับ Gorilla Technology ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Edge AI ในการนำเสนอโซลูชัน Edge AI เพื่อการประยุกต์ใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยเฉพาะการใช้งานในอุตสาหกรรมค้าปลีกและอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์

จุดเด่นของ Gorilla Edge AI คือ เป็นผลิตภัณฑ์รูปแบบ Appliance ขนาดเล็กแต่ยังคงเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับการประมวลผลวิดีโอและออกผลวิเคราะห์ได้ ซึ่งช่วยลดต้นทุนการนำเทคโนโลยีมาใช้ สามารถติดตั้งได้ง่ายในพื้นที่ที่ต้องการใช้งาน ทำงานร่วมกับกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่แล้วได้ทันที โดยรองรับทั้งการทำงานในการตรวจสอบพฤติกรรมและบุคคล อีกทั้งสามารถนำไปใช้ได้ในหลายรูปแบบการใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรมนอกเหนือจากการใช้งานในอุตสาหกรรมค้าปลีกและอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ด้วยผลิตภัณฑ์เดียวกัน โดยเน้นการออกแบบให้ราคาสมเหตุสมผล ยืดหยุ่นปรับใช้ได้ตามขนาดที่ต้องการ นอกจากนี้ ยังรองรับการติดตั้งใน 5G MEC (Multi-Access Edge Computing) ของ AIS ในกรณีที่ต้องการกระจายการใช้งานในพื้นที่ขนาดใหญ่ รองรับการใช้งานในระดับมหภาคได้อีกด้วย

ทั้งนี้ Gorilla Vision AI มีหลายเวอร์ชันรองรับการนำไปใช้งานที่หลากหลาย ได้แก่

  • Behavior Analytics สำหรับวิเคราะห์พฤติกรรม เช่น การนับจำนวนคน การตรวจดูกลุ่มฝูงชน การตรวจจับการบุกรุก การตรวจคนเข้ามาในพื้นที่ต้องห้าม การตรวจจับพฤติกรรมต้องสงสัยที่อาจก่อให้เกิดอันตราย การตรวจคาดการณ์ทิศทางเดิน
  • Human Analytics เน้นการตรวจจับใบหน้า ตรวจจับบุคคล การวิเคราะห์ข้อมูลทางประชากรศาสตร์ การรู้จำใบหน้า เหมาะสำหรับการนำไปใช้ด้านความปลอดภัย การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า หรือแม้แต่การประยุกต์ใช้งานในช่วง COVID-19 เช่น การตรวจสอบผู้ที่ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัยก่อนเข้าอาคารหรือในพื้นที่สาธารณะ การสแกนใบหน้าเพื่อยืนยันตัวตนแม้ยังสวมใส่หน้ากากอยู่

ความพิเศษอย่างหนึ่งจากความร่วมมือของ Gorilla กับ AIS ก็คือ การผนวกรวมเทคโนโลยี Gorilla Vision AI ทั้งสองรูปแบบที่กล่าวมาข้างต้นมานำเสนอออกสู่ตลาด ซึ่งทาง AIS ก็ได้พัฒนา Edge Computing บนเครือข่าย 5G เพื่อให้พร้อมใช้งานกับลูกค้าที่ต้องการใช้ AI ในการผลักดันความสำเร็จทางธุรกิจ ซึ่งปัจจุบัน AIS 5G ได้เปิดให้บริการในทุกจังหวัด พร้อมรองรับการพัฒนาโซลูชันได้ทันที

นับเป็นครั้งแรกของเมืองไทยที่มีการสร้างระบบประมวลผลเพื่อรองรับการทำงานของ AI ด้วยการสร้างระบบ Multi-access Edge Computing (MEC) ซึ่งเป็นระบบประมวลผลขนาดเล็กที่พร้อมติดตั้งแบบกระจายตัวในพื้นที่ของเครือข่าย 5G เพื่อให้ลูกค้าสามารถเลือกใช้ ติดตั้งระบบประมวลผล AI ด้วยต้นทุนที่ต่ำ ลดการจัดหาฮาร์ดแวร์ เพิ่มความสามารถของระบบประมวลผลด้วยการกระจายการประมวลผลแบบ Edge Computing ไปในส่วนที่ใกล้พื้นที่ที่ทำงานมากที่สุด ทำให้การสร้างสรรค์โซลูชันบนเทคโนโลยี AI เกิดขึ้นได้จริงและรวดเร็ว โดยลูกค้าสามารถเลือกพื้นที่ในการติดตั้ง Edge Computing ให้สอดคล้องกับการทำงานจริงและปรับเปลี่ยนรูปแบบได้ตามความต้องการ

นอกจากระบบ MEC ที่ AIS ได้เตรียมไว้แล้ว ยังมีระบบอื่น ๆ ที่เข้ามาช่วยสนับสนุนให้ระบบ AI ทำงานได้ดีขึ้น เช่น Local Cloud ในมาตรฐานระดับสากล หรือการเชื่อมต่อกับ Public Cloud พร้อมเครื่องมือในการวิเคราะห์ต่าง ๆ ที่สนับสนุนให้ลูกค้าได้เพิ่มประสิทธิภาพของโซลูชันขึ้นไปอีกระดับ

ด้วยความชำนาญทางเทคโนโลยีของ Gorilla ที่ได้มีการพัฒนา AI Vision และความพร้อมของเครือข่ายนั้น AIS จึงได้มีการออกนวัตกรรมตัวใหม่ เรียกว่า Edge Appliance ที่เหมาะสำหรับลูกค้าที่ต้องการใช้ AI Vision ในการนำไปประยุกต์ในกลุ่มลูกค้าผู้ค้าปลีกและกลุ่มลูกค้าอสังหาริมทรัพย์ โดยอุปกรณ์นี้มาพร้อม AI Vision ในโหมดธุรกิจที่สามารถตรวจสอบใบหน้า แยกแยะสมาชิก วิเคราะห์พฤติกรรมของลูกค้า ประมวลผลจำนวนของลูกค้าที่ใช้บริการ รวมไปถึงวิเคราะห์ช่วงอายุและเพศของผู้ใช้บริการ เพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลวิเคราะห์ทางการตลาด หรือปรับเปลี่ยนเป็นโหมดรักษาความปลอดภัยด้วยการกำหนดการเฝ้าระวังในพื้นที่ที่กำหนดหรือพื้นที่ที่นอกเหนือจากเวลาทำงาน และการกำหนดพื้นที่พิเศษ เช่น พื้นที่เฉพาะพนักงานเท่านั้นหรือพื้นที่ต้องห้าม

ชุด AI Vision Appliance สามารถทำงานร่วมกับกล้องวงจรปิดเดิมของลูกค้าได้เลย โดยไม่ต้องเปลี่ยนอุปกรณ์เดิม เพียงลูกค้าตรวจสอบคุณสมบัติของกล้องว่าเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ กรณีที่ลูกค้าต้องการ AI Vision ขนาดใหญ่ที่นำไปประยุกต์ใช้ในอุตสาหกรรม อาทิ การดูแลสุขภาพ สมาร์ตซิตี้ การจัดการระบบจราจรขนาดใหญ่ ลูกค้าก็สามารถเลือกใช้ MEC บนระบบ 5G ในการสนับสนุนการทำงานได้เช่นกัน

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชันใดๆ ของ AIS ก็สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ AIS Business ที่ดูแลองค์กรของคุณ หรือคลิก https://business.ais.co.th/

About nittaya

Previously worked as an English lecturer and eventually becomes an ADPT content writer to inspire readers under "ADAPT, ADEPT, ADOPT" concepts อดีตอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ ผู้ผันตัวมาเป็นนักเขียน ADPT หวังสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อ่านภายใต้แนวคิด "ADAPT, ADEPT, ADOPT"

Check Also

Ditto ระดมทุน 82 ล้านดอลลาร์สำหรับฐานข้อมูลเอดจ์

Ditto ผู้พัฒนาฐานข้อมูลที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมเอดจ์ ประกาศปิดระดมทุนมูลค่า 82 ล้านดอลลาร์ รอบ Series B ที่นำโดย Top Tier Capital Partners และ Acrew …

Cohere เปิดตัว Command A โมเดล AI ต้นทุนต่ำ ใช้แค่ 2 GPU

สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์ Cohere เปิดตัว Command A โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่สามารถรองรับการใช้งานทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยใช้ฮาร์ดแวร์น้อยกว่าคู่แข่ง