เปิดเผยความจริงของ 5 ความเชื่อเกี่ยวกับความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์

5_com_secure_myth_1

คนที่ทำงานในสาย Computer Security บางทีอาจจะต้องปวดหัวกับเพื่อนร่วมงาน หรือลูกค้าบางรายที่รับความเชื่อผิดๆต่อๆกันมา จนคิดว่าสิ่งที่ตนเองเชื่อนั้นเป็นเรื่องจริง แล้วละเลยไม่ใส่ใจที่จะตรวจสอบ หรือป้องกันสิ่งเหล่านั้น เผลอๆอาจจะลุกลามมายังฝ่าย IT ของตัวเองด้วยก็ได้ ทีมงาน TechTalkThai จึงนำ 5 ความเชื่อยอดนิยมมาตีแผ่เปิดเผยความจริง โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านระบบความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์ ตามนี้เลยครับ

ความเชื่อที่ 1: ไม่มีใครมาแฮ็คเราหรอก เราไม่ได้มีข้อมูลมีค่าอะไร

5_com_secure_myth_2

ความเชื่อนี้มาจากการที่คนส่วนใหญ่คิดว่า ระบบอินเตอร์เน็ตออกจะกว้างใหญ่ไพศาล แฮ็คเกอร์คงมีเป้าหมายที่บริษัทใหญ่ๆ ดังๆ แฮ็คแล้วรวยอะไรแบบนี้ แถมบริษัทของเราเองก็ไม่ได้มีข้อมูลบัตรเครดิต หรือข้อมูลมีค่าอะไร คงไม่มีใครมาแฮ็คแน่ๆ … มันก็จริงที่ตามว่าล่ะครับ แต่รู้หรือไม่ว่า ก่อนที่แฮ็คเกอร์จะไปแฮ็คบริษัทใหญ่ๆ ดังๆ พวกนั้น พวกเขาจำเป็นต้องหาตัวหมากก่อน โดยแฮ็คเกอร์จะโปรยหาเหยื่อไปทั่ว ถ้าคอมพิวเตอร์เครื่องใดมีช่องโหว่ ไม่มีแอนตี้ไวรัสดีเพียงพอ แฮ็คเกอร์ก็จะทำการแอบฝังมัลแวร์บางอย่างลงไปเพื่อที่จะได้ควบคุมคอมพิวเตอร์เครื่องนั้นได้ … ใช่แล้ว คอมพิวเตอร์เหล่านั้นก็จะกลายเป็น Zombie สำหรับการโจมตีแบบ DDoS นั่นเอง หรืออาจจะทำการแฮ็คคนอื่นผ่านคอมพิวเตอร์เหล่านั้นอีกที เมื่อเสร็จภารกิจก็โยนให้เจ้าของคอมพิวเตอร์ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เป็นแพะรับบาปไป ดังนั้นแล้ว จงระลึกไว้เสมอว่าคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่ใช้งานมีค่าสมควรแก่การถูกปกป้องจากภัยคุกคามและเหล่าแฮ็คเกอร์ต่างๆนะครับ

ความเชื่อที่ 2: เซอร์วิสตระกูล Tor และ VPN ทำให้ไม่รู้ว่าเป็นเรา

5_com_secure_myth_3

ทุกคนรัก Tor เซอร์วิสเจ๋งๆที่ทำให้ไม่มีใครตามจับได้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งคล้ายๆกับ VPN ที่สร้างท่อเข้ารหัสไปยังจุดหมายเพื่อป้องกันการดักฟัง อย่างไรก็ตาม จำไว้เลยว่า เซอร์วิสทั้ง 2 อย่างก็เป็นเพียงแค่เครื่องมือที่ฉลาดพอๆกับคนที่ใช้งานเท่านั้น … มีเหตุการณ์หนึ่งของนักศึกษามหาวิทยาลัย Harvard พยายามจะเลื่อนการสอบปลายภาคโดยใช้ Tor ของเครื่องในมหาวิทยาลัยเพื่อทำการ Bomb Threats แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อผ่านไปไม่นานก็มี FBI และฝ่าย IT ของมหาวิทยาลัยมาเคาะประตูห้องแล้วระบุว่าเขาคือคนร้าย … ต่อให้ Tor หรือ VPN ช่วยปิดบังการใช้งานของเราอย่างไร ระบบ Monitor และ Log ของบริษัทใหญ่ๆ หรือ ISP เองก็สามารถตามจับ เก็บรวบรวมข้อมูล และวิเคราะห์ผลเพื่อหาต้นทางของผู้ใช้งานได้อยู่ดี ดังนั้นแล้ว ควรใช้ Tor และ VPN ตามจุดประสงค์ที่ผู้ออกแบบต้องการ นั่นคือ ป้องกันตัวเองจากการถูกติดตามหรือดักฟังโดยผู้ไม่ประสงค์ดีบนโลกไซเบอร์ดีกว่าที่จะนำมันไปใช้ในทางผิดๆ

ความเชื่อที่ 3: MAC Filtering และการปิด SSID Broadcast เพียงพอแล้วต่อการป้องกันระบบ Wi-Fi

5_com_secure_myth_4

หลายคนมักคิดว่า ถ้าเราล็อก Mac Address เฉพาะเครื่องที่เราต้องการ แล้วก็ปิดไม่ให้คนอื่นเห็น SSID ก็น่าจะทำให้ระบบ Wi-Fi ของเราปลอดภัยไร้กังวลจะผู้ไม่ประสงค์ดี … มันก็จริงในระดับหนึ่งสำหรับผู้ที่ “ไม่เชี่ยวชาญคอมพิวเตอร์” เท่านั้น การซ่อน SSID ถือว่าเป็นสิ่งที่ “ไร้ประโยชน์” มากในเรื่องของความปลอดภัย มันอาจจะช่วยให้เพื่อนบ้านผู้น่ารักมองไม่เห็นระบบ Wi-Fi ของเรา แต่ตราบใดที่เรายังใช้งาน Wi-Fi เราก็ยังมีการส่งชื่อ SSID ออกไปตามอากาศอยู่ดี ใช้เพียงเครื่องมือดักฟังนิดๆหน่อยๆก็ทราบแล้วว่ามี AP กระจายสัญญาณอะไรอยู่บ้าง นอกจากนี้ มันกลับกลายเป็นเรื่องน่ารำคาญสำหรับคนที่ใช้งานอยู่เองอีกต่างหาก ดังนั้นแล้ว แสดงชื่อ SSID ออกมาเถอะ และถ้าอยากทำอะไรขำๆและขู่เพื่อนบ้านผู้น่ารัก ก็จงตั้งชื่อประมาณว่า “ICT_MobileTappingStation”

ส่วนเรื่อง MAC Filtering ก็เช่นเดียวกัน เพียงแค่ดักฟังทราฟฟิค แฮ็คเกอร์ก็สามารถปลอมแปลง MAC ตัวเองให้ใช้งานได้สบายๆ รวมทั้งเป็นเรื่องยุ่งยากที่ต้องคอยเพิ่ม ลด MAC ของเพื่อนหรือแขกที่มานั่งเล่นในบ้านของเราอีกด้วย นอกจากนี้ อย่าตั้งค่า Wi-Fi แบบไม่เข้ารหัสอะไรเลย หรือใช้การเข้ารหัสเก่าๆแบบ WEP เพราะผมสามารถแฮ็คได้ภายในไม่กี่วินาที การเข้ารหัสที่ดีที่สุดตอนนี้ คือ WPA2-AES และรหัสผ่านที่ยาวนิดหน่อยก็ทำให้ระบบ Wi-Fi ของเราแข็งแกร่งแล้ว

ความเชื่อที่ 4: Incognito Mode ช่วยป้องกันความเป็นส่วนบุคคลของเรา

5_com_secure_myth_5

Incognito Mode หรือการใช้เบราเซอร์แบบไม่ระบุตัวตน คือ การไม่เก็บ History, Cookie, Cache หรือข้อมูลใดๆบนเว็บเบราเซอร์ของเรา วิธีนี้ช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นทราบว่าเราทำอะไร ใช้งานอะไรบนเว็บเบราเซอร์ไปบ้าง … แต่ก็เฉพาะคนอื่นที่ใช้งานคอมพิวเตอร์ต่อจากเราเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่า เราจะไม่สามารถถูกติดตามโดยเครื่องมือบนระบบเครือข่าย (เช่น Firewall, Proxy) หรือ ISP จะไม่เห็นว่าเรากำลังทำอะไร รวมถึงเว็บไซต์ที่เราเข้าถึงก็ทราบด้วยเช่นกันว่า เราเป็นใคร มีหมายเลข IP อะไร ทำอะไรบนเว็บไซต์ของเขาไปบ้าง

ความเชื่อที่ 5: เครื่องมือป้องกันมัลแวร์ไม่เห็นจำเป็นเลย ฉันไม่ได้ทำอะไรสุ่มเสี่ยงสักหน่อย

5_com_secure_myth_6

บางทีเรื่องลึกลับที่สุดสำหรับความเชื่อทางด้าน Computer Security อาจจะเป็น “Common Sense” ในเรื่องปลอดภัยของแต่ละคนก็เป็นได้ ถ้าเราคิดว่า เราเป็นคนที่ปลอดภัยและระมัดระวังตัวเรื่องการใช้งานคอมพิวเตอร์สุดๆ โปรแกรมป้องกันมัลแวร์หรือแอนตี้ไวรัสก็อาจจะไม่จำเป็นเสมอไป อย่างไรก็ตาม ความปลอดภัยบนคอมพิวเตอร์ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานของเราแต่เพียงอย่างเดียว มันขึ้นอยู่กับคนอื่นๆด้วย … เมื่อเร็วๆนี้พบว่ามีแฮ็คเกอร์ประสบความสำเร็จในการฝังไวรัส “Styx Exploit” ลงบนโฆษณาของ Youtube เพียงแค่เราเปิดเข้าไปชม Youtube ที่มีโฆษณาดังกล่าว เครื่องของเราก็จะติดไวรัสทันที … ใครจะไปรู้ว่าเว็บไซต์ที่เราคิดว่าปลอดภัย มันจะปลอดภัยเสมอ วิธีการเดียวที่จะทำให้คอมพิวเตอร์ของเราปลอดภัยจากไวรัสพวกนี้ คือ การอัพเดท OS, Security Patch และใช้งานโปรแกรมแอนตี้ไวรัสอย่างสม่ำเสมอ หรือถ้าต้องการปลอดภัยสุดๆอาจจะลองใช้ NoScript หรือ Privoxy ดูก็ได้ อย่าเชื่อมั่นใน Common Sense เกินไปนะครับ ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า

สรุปแล้ว ใช่ว่าความเชื่อเหล่านี้จะผิด 100% เสมอไปนะครับ แต่หลายๆเคสส่วนใหญ่ถ้าเชื่อตามนี้แล้วอาจทำให้คอมพิวเตอร์ของเราตกอยู่ในความเสี่ยงได้ เราควรหมั่นศึกษาหาความรู้ และติดตามอัพเดทข่าวสารเหล่านี้อยู่บ่อยๆ เพื่อที่จะได้หาทางรับมือและป้องกันคอมพิวเตอร์ รวมถึงระบบเครือข่ายของเราได้อย่างถูกต้อง ไม่หลงงมงายไปกับความเชื่อหรือสิ่งที่คนอื่นบอกต่อๆกันมานะครับ เว็บไซต์ TechTalkThai.com ของเราก็ถือว่าเป็นหนึ่งช่องทางที่ควรติดตามนะครับ อะฮิๆๆ

ที่มาและภาพประกอบจาก: http://lifehacker.com/five-computer-security-myths-debunked-by-experts-1602290081


About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

Google เปิดตัว Secure AI Framework แนวทางการสร้าง AI อย่างปลอดภัย

Google เปิดตัว Secure AI Framework ช่วยแนะนำแนวทางการสร้าง AI อย่างปลอดภัย

Cisco เปิดตัวบริการ Multicloud Defenese

Cisco ได้ประกาศเปิดตัวบริการใหม่ Cisco Multicloud Defense ช่วยสร้างนโยบายรักษาความมั่นคงปลอดภัยสำหรับระบบ MultiCloud รองรับผู้ให้บริการ Public Cloud หลายราย