Black Hat Asia 2023

[Guest Post] เสียวหมี่เปิดตัวแล็ปท็อป RedmiBook 15 การผสานที่ทรงพลังของซอร์ฟแวร์และฮาร์ดแวร์

กรุงเทพฯ ประเทศไทย 6 มิถุนายน 2565 – เสียวหมี่เปิดตัว RedmiBook 15 ชูประสิทธิภาพอันโดดเด่นของแล็ปท็อปด้วยซอร์ฟแวร์และฮาร์ดแวร์ ประกาศวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทย 2 รุ่น ในราคา 15,990 บาท และ 20,990 บาท พร้อมจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อในช่วงเดือนมิถุนายนนี้เท่านั้น!

RedmiBook 15 มาพร้อมระบบประมวลผลให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ ระบบประมวลผล 11th Generation Intel® Core™ i3-1115G4 ในรุ่น i3 256GB และ 11th Generation Intel® Core™ i5-11300H ในรุ่น i5 512GB ตามลำดับ โดย RedmiBook 15 ทั้ง 2 รุ่นนี้มี RAM 8GB DDR4 (สูงสุด 3,200MHz) มาพร้อมกับ Intel® UHD Graphics ในรุ่น i3 และ Intel® Iris® Xe Graphics ในรุ่น i5 ซึ่งมีหน่วยความจำความเร็วสูงเพียงพอเพื่อให้การทำงานได้อย่างไหลลื่น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทำงานและการเรียนออนไลน์ นอกจากนี้ในรุ่น i5 ยังมีพื้นที่เก็บข้อมูลภายใน SSD ขนาด 512GB ที่เชื่อมต่อกับ NVMe PCIe Interface ที่สร้างขึ้นเพื่อให้การถ่ายโอนข้อมูลเป็นไปได้อย่างเร็วยิ่งขึ้น ไม่ว่าถ่ายโอนไปยังระบบคลาวด์หรือไดรฟ์สำรองส่วนบุคคล ก็ทำให้การสำรองข้อมูลนั้นง่ายกว่าที่เคย

RedmiBook 15 ให้ประสิทธิภาพการทำงานที่ดีพร้อมทั้งยังแฝงอยู่ภายใต้การออกแบบอย่างมีสไตล์ในสี Charcoal Gray หน้าจอของ RedmiBook 15 มาในขนาด 15.6 นิ้ว FHD 1920x1080p พร้อมจอแสดงผลป้องกันแสงสะท้อน ซึ่งรองรับ DC Dimming โดยจอจะไม่กะพริบแม้ในระดับความสว่างต่ำเหมาะสำหรับการทำงานเป็นอย่างมาก

แล็ปท็อป RedmiBook 15 ทำงานบนระบบปฎิบัติการ Microsoft Windows 11 Home ที่สามารถอัพเดทซอฟต์แวร์แบบ OTA ได้ มี Touchpad ขนาด 126 มม. x 82.6 มม. รองรับ Microsoft PTP เพื่อการสัมผัสที่แม่นยำ ความจุของแบตเตอรี่ 46Whr รองรับการใช้งานได้ยาวนานถึง 10 ชั่วโมง1 โดย RedmiBook 15 มุ่งให้ผู้ใช้สามารถพกพาเพื่อใช้ทำงานได้ทุกที่ และสามารถสลับโหมดการใช้งานระหว่างโหมดเงียบและสมดุล ผ่านการใช้งานได้อย่างง่ายดายด้วยปุ่มผสม Fn+K

 

การเชื่อมต่อของ RedmiBook 15 สามารถเลือกที่จะเชื่อมต่อได้ทั้ง dual-band Wi-Fi และ Bluetooth มีพอร์ต I/O หลายพอร์ต ประกอบไปด้วย USB 3.0, HDMI 1.4, ตัวอ่านการ์ด Realtek RTS5176 และแจ็คเสียง ตัวเครื่องมาพร้อม 2W stereo speakers ที่สามารถปรับ DTS เพื่อใช้ในการสนทนาทางวิดีโอ และกล้อง HD 720p ในตัวที่จะทำให้ผู้ใช้ดูและให้เสียงที่ยอดเยี่ยมในระหว่างการประชุมออนไลน์

RedmiBook 15 พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในประเทศไทยแล้ววันนี้ โดยจะวางจำหน่าย 2 รุ่น และมีโปรโมชั่นพิเศษ ดังนี้

  • RedmiBook 15 11th Generation Intel® Core™ i3-1115G4 ขนาดความจุ 8GB+256GB ราคา 15,990 บาท พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าในระหว่างวันที่ 6 – 20 มิถุนายน 2565 สามารถซื้อสินค้าได้ในราคาพิเศษเพียง 13,990 บาท และรับของสมนาคุณมูลค่า 600 บาท2 ได้ที่ช่องทางการจัดจำหน่ายที่ JD Central เท่านั้น
  • และ RedmiBook 15 11th Generation Intel® Core™ i5-11300H ขนาดความจุ 8GB+512GB ราคา 20,990 บาท พิเศษ! สำหรับลูกค้าที่ซื้อสินค้าในระหว่างวันที่ 6 – 30 มิถุนายน 2565 สามารถซื้อสินค้าได้ในราคาพิเศษเพียง 19,990 บาท และรับของสมนาคุณมูลค่า 1,280 บาท3 ได้ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ

หมายเหตุ

1ข้อมูลได้จากห้องปฏิบัติการภายใน อายุการใช้งานแบตเตอรี่จริงอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์

2ของสมนาคุณมีจำนวนจำกัด และเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

3ของสมนาคุณมีจำนวนจำกัด และเงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทฯกำหนด

 

###

 

เกี่ยวกับเสียวหมี่

เสียวหมี่ก่อตั้งขึ้นในเดือนเมษายน 2010 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Main Board of the Hong Kong Stock Exchange ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2018 (1810.HK) เสียวหมี่เป็นบริษัทอินเทอร์เน็ตที่มีสมาร์ทโฟนและสมาร์ทฮาร์ดแวร์อัจฉริยะที่เชื่อมต่อด้วยแพลตฟอร์ม Internet of Things (IoT) เป็นแกนหลัก

ด้วยวิสัยทัศน์ของการเป็น “มิตรของผู้ใช้งานและบริษัทที่ทันสมัยที่สุดในใจผู้ใช้งานทุกคน” เสียวหมี่จึงมีความพยายามอย่างต่อเนื่องที่จะพัฒนานวัตกรรม ประสบการณ์การใช้งานที่ดีเยี่ยม ตลอดจนการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะไม่ลดละการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ในราคาที่เป็นมิตร เพื่อให้ทุกคนบนโลกนี้สามารถเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นจากนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้

เสียวหมี่คือหนี่งในผู้นำการผลิตสมาร์ทโฟนชั้นนำของโลก โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่คิดจากการส่งมอบสมาร์ทโฟนเป็นอันดับ 3 ของโลกในไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 นอกจากนี้ เสียวหมี่ยังเป็นผู้นำด้านการก่อตั้งแพลทฟอร์ม AIoT ของโลกโดยมีสินค้าอัจฉริยะเชื่อมต่อแพลทฟอร์มกว่า 400 ล้านเครื่อง (ไม่รวมสมาร์ทโฟนและแล็ปท็อป) จากการรายงานข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 ผลิตภัณฑ์ของเสียวหมี่มีวางจำหน่ายกว่า 100 ประเทศทั่วโลก และในเดือนสิงหาคม 2564 เสียวหมี่ยังติดอันดับที่ 338 ของ Fortune Global 500 นับได้เป็นครั้งที่สาม โดยไต่ขึ้นมา 84 อันดับจากปี 2020

เสียวหมี่เป็นส่วนหนึ่งของ Hang Seng Index, Hang Seng China Enterprises Index และ Hang Seng TECH Index      

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเสียวหมี่ สามารถเข้าชมได้ที่ https://www.mi.com/global/discover/newsroom


About Pawarit Sornin

- จบการศึกษา ปริญญาตรี สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต - เคยทำงานด้าน Business Development / Project Manager / Product Sales ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Wireless Networking และ Mobility Enterprise ในประเทศ - ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

พลิกมุมคิดการจัดการคลาวด์ไอทีอย่างสมาร์ตฉบับวีเอ็มแวร์ [Guest Post]

แม้คลาวด์จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของการพาองค์กรก้าวข้ามวิกฤตไปสู่การสร้างสรรค์โมเดลธุรกิจหรือกลยุทธ์การแข่งขันใหม่ ด้วยคุณลักษณะที่คล่องตัว (Agility) ในการปรับความต้องการใช้งานโดยอัตโนมัติ (Auto-Scaling) ได้ด้วยตัวเอง (Self-Services) ทว่าหลายองค์กรซึ่งเลือกปฏิวัติระบบธุรกิจขึ้นสู่คลาวด์กลับประสบปัญหาการจัดการทรัพยากรที่ยิบย่อยบนคลาวด์ไม่ไหว แถมหัวจะปวดกับภัยคุกคามที่ยุ่งยากในการป้องกัน ด้วยเหตุนี้ ความคาดหวังต่อไอทีคลาวด์ยุคถัดไป คือ การปรับแต่งแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์มคลาวด์ไอทีให้ทันสมัยตรงต่อความต้องการทางธุรกิจ ภายใต้ระบบการรักษาความปลอดภัยแบบองค์รวมที่แข็งแกร่ง ทั่วถึง และเป็นอัตโนมัติกว่าเดิม

เสริมแกร่งความมั่นคงปลอดภัยในที่ทำงานด้วยบริการไอทีฉลาดล้ำกว่าเคย

บทความโดย คุณธเนศ อังคศิริสรรพ ผู้จัดการทั่วไป ประจำภูมิภาคอินโดจีน เลอโนโว ด้วยรูปแบบการทำงานแบบไฮบริดและยืดหยุ่นในองค์กรหลายแห่ง บริษัทหลายแห่งต่างกำลังพยายามตอบสนองต่อความคาดหวังและลำดับความสำคัญของพนักงาน ฝั่งทีมไอทีเองก็ต้องรักษามาตรฐานการให้บริการจากทางไกลในระดับสูงเพื่อสนับสนุนให้พนักงานยังคงสามารถทำงานได้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง การทำให้พนักงานมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลนั้น บริษัทจะต้องสร้างระบบไอทีที่แข็งแกร่งทนทานยิ่งขึ้นพร้อมกับคงไว้ซึ่งแนวทางใหม่ในการทำงาน  อย่างไรก็ตาม ความท้าทายคือ สภาพแวดล้อมการทำงานแบบไฮบริดในทุกวันนี้ทำให้การจัดการจากระยะไกลนั้นซับซ้อนยุ่งยาก ระบบการจัดการทรัพยากรรุ่นเก่ายิ่งทำให้ผู้ดูแลระบบไอทีจัดการงานและภัยคุกคามเชิงรุกได้ยากกว่าเดิม …