เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2565 สภาสหภาพยุโรปและรัฐสภายุโรปได้บรรลุข้อตกลงเลือกอินเทอร์เฟซ USB Type-C เพื่อใช้พอร์ตชาร์จร่วมกันสำหรับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยคำสั่งนี้จะมีผลบังคับใช้ภายในปี 2024 เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่ผู้ผลิตอุปกรณ์ได้ตกลงที่จะผ่อนผันระยะเวลา 24 เดือนเพื่อเตรียมความพร้อมให้แน่ใจว่าฮาร์ดแวร์จะเป็นไปตามข้อกำหนด

-
USB Type-C กฏใหม่จะครอบคลุมผลิตภัณฑ์ใดบ้าง
USB Type-C กฏใหม่จะครอบคลุมผลิตภัณฑ์พกพาที่มีแบตเตอรี่แบบชาร์จกระแสไฟได้ใน 15 หมวดหมู่ กฏระเบียบการชาร์จของ USB Type-C ไม่ได้ครอบคลุมเพียงแค่สมาร์ทโฟนอย่างเดียว ซึ่งจะกำหนดให้ผู้ผลิตอุปกรณ์พกพาทั้งหมด ตั้งแต่สมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต ไปจนถึงกล้องดิจิตอลและคอนโซลเกมมือถือ ให้ใช้ที่ชาร์จ USB Type-C นอกจากนี้ยังหมายถึงแล็ปท็อปด้วย โดยที่ผู้ผลิตแล็ปท็อปจะได้รับระยะเวลาผ่อนผันเพิ่มขึ้นเป็น 40 เดือน เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้พร้อมใช้งานอินเทอร์เฟซการชาร์จ USB Type-C ในทุกรุ่นที่จะออกมาสู่ตลาดต่อไป

-
เหตุใดสหภาพยุโรปจึงผลักดันให้มีกฎหมายเกี่ยวกับสายชาร์จทั่วไป
ข้อมูลการศึกษาถึงปริมาณกว่า 11,000 ตัน ของขยะอิเล็กทรอนิกส์และส่วนใหญ่มาจากสายชาร์จเคเบิลที่มีส่วนประกอบของพลาสติกและทองแดงในจำนวนมหาศาล ซึ่งส่งผลกระทบด้านปัญหามลภาวะต่อสิ่งแวดล้อมโดยตรง การลดจำนวนขยะเหล่านี้เป็นเป้าหมายสำคัญที่สหภาพยุโรปเร่งผลักดันไปสู่กฏหมายเกี่ยวกับการชาร์จทั่วไป ในมติที่ประชุมได้บรรลุข้อตกลงเลือกอินเทอร์เฟซ USB Type-C ในการกำหนดมาตรฐานอินเทอร์เฟซการชาร์จ USB Type-C เพราะจะช่วยให้ผู้บริโภคสามารถใช้ที่ชาร์จและสายเคเบิลเดียวกันระหว่างอุปกรณ์หลายเครื่องได้ ซึ่งคาดว่าจะลดปริมาณการชาร์จฮาร์ดแวร์ที่ลงเอยด้วยการฝังกลบลงอย่างมาก

-
กฎหมายเกี่ยวกับเครื่องชาร์จทั่วไปของสหภาพยุโรปจะช่วยผู้บริโภคได้อย่างไร
กฎหมายที่จะเกิดขึ้นยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อทำให้ชีวิตผู้ซื้อง่ายขึ้น ด้วยคำสั่งนี้จะบังคับให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ระบุประสิทธิภาพการชาร์จด้วยฉลากที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนบนบรรจุภัณฑ์ กฎหมายที่กำลังจะเกิดขึ้นจะ “ประสานอินเทอร์เฟซการชาร์จและเทคโนโลยีการชาร์จอย่างรวดเร็ว” เพื่อให้ผู้ใช้ลดปัญหาสายเคเบิลและเครื่องชาร์จได้ง่ายขึ้น ในขณะที่ยังคงรักษาความเร็วในการชาร์จที่สม่ำเสมอในอุปกรณ์ต่างๆ โดยสมาชิกสภานิติบัญญัติของสหภาพยุโรปคาดการณ์ว่าสิ่งนี้จะช่วยให้พลเมืองของสมาชิกประหยัดเงิน 250 ล้านยูโรทุกปี
-
เหตุใดสหภาพยุโรปจึงเลือก USB Type-C เป็นมาตรฐานการชาร์จทั่วไป
นอกเหนือจากความเข้ากันได้แล้ว อินเทอร์เฟซ USB Type-C ยังไม่มีใครเทียบได้ในแง่ของการจ่ายพลังงาน โปรโตคอล USB PD (หรือ USB Power Delivery) ล่าสุดสามารถดันพลังงานได้มากถึง 240 วัตต์ผ่านอุปกรณ์ที่รองรับ สิ่งนี้ทำให้อินเทอร์เฟซการชาร์จ Type-C เป็นอินเทอร์เฟซเดียวที่สามารถชาร์จอุปกรณ์ได้ตั้งแต่หูฟัง TWS ที่อ่อนแอที่สุด ไปจนถึงแล็ปท็อปและเครื่องเล่นเกมซึ่งใช้พลังงานมากกว่า 200 วัตต์

-
ข้อบังคับเกี่ยวกับเครื่องชาร์จทั่วไปของสหภาพยุโรปจะมีผลในเชิงบวกหรือไม่
Apple เป็นแกนนำในฝั่งฝ่ายค้านที่ไม่เห็นด้วยต่อกฏหมายใหม่เกี่ยวกับมาตรฐานการชาร์จทั่วไปของสหภาพยุโรป ผู้ออกกฎหมายของสหภาพยุโรปเลือกอินเทอร์เฟซ USB Type-C โดยที่ไม่ได้เลือกอุปกรณ์ส่วนใดส่วนหนึ่งที่เป็นกรรมสิทธิ์ของ Apple เพราะมติของที่ประชุมมองว่าต้องการอุปกรณ์สายชาร์จที่เป็นลักษณะเปิดสำหรับอุปกรณ์ทั่วไปมากกว่า การคัดกรองทั้งหมดได้นับรวมแบรนด์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์กว่า 1,000 แบรนด์ เพื่อนำมาทดสอบมาตรฐานการชาร์จโดยรวมถึง Apple ด้วย แต่ก็มีข่าวลือออกมาว่ามีการทำการทดสอบ iPhone อย่างเงียบๆ ด้วยพอร์ตชาร์จ USB Type-C
กฏหมายการชาร์จทั่วไปของสหภาพยุโยปอาจไม่ดีต่อผลกำไรของ Apple แต่มันจะดีต่อสิ่งแวดล้อมและผู้บริโภคโดยรวม