เป็นอีกกรณีศึกษาจากงาน Microsoft Worldwide Partner Conference 2016 (#WPC16) ที่ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียวในการนำเทคโนโลยีมาแก้ปัญหาทางด้านการศึกษาของนักเรียนครับ
เขต Tacoma ในรัฐ Washington นั้นเคยเป็นเขตการศึกษาหนึ่งที่ประสบปัญหาทางด้านคุณภาพการศึกษาของเด็กที่อัตราการเรียนจบโดยไม่ลาออกหรือซ้ำชั้นของเด็กๆ ของโรงเรียน 5 แห่งในเขตนี้มีเพียง 55% จากนักเรียน 30,000 คนเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ถือว่าแย่มากสำหรับสถาบันการศึกษาในอเมริกาที่มีค่าเฉลี่ยที่ 81% เพราะแปลว่าทุกๆ ปีจะมีเด็กเกือบครึ่งหนึ่งที่เรียนไม่จบ ทำให้ทางหน่วยงานที่ดูแลเขตการศึกษานี้มองหาหนทางที่จะปรับปรุงตัวเลขตรงนี้ให้ดีขึ้น (เข้าใจว่าข้อสอบเลื่อนชั้นของที่นี่เป็นแบบข้อสอบกลางจากภาครัฐ ไม่ได้นำพวกคะแนนเก็บในห้องเรียนมาใช้)
หลังจากค้นหาหนทางกันมาแล้ว สุดท้ายทาง Tacoma ก็ได้เริ่มต้นจากการทำ Data Warehouse เพื่อรวบรวมข้อมูลเกรด, การเข้าเรียน, ข้อมูลสุขภาพ และอื่นๆ ของนักเรียนบน Microsoft SharePoint ให้เจ้าหน้าที่ทางการศึกษาสามารถเข้าถึงได้ง่ายๆ ผ่าน Microsoft Excel กันก่อน เพื่อให้มองเห็นภาพรวมของแต่ละโรงเรียนและแต่ละห้องเรียนได้ และเมื่อนำข้อมูลเหล่านี้ไปเทียบกับการตรวจมาตรฐานทางการศึกษาต่างๆ ก็ทำให้เหล่าครูอาจารย์สามารถช่วยเด็กๆ แก้ไขปัญหาในการเรียนได้ดีขึ้นในแต่ละวิชา จนปัจจุบันอัตราการเรียนจบของเด็กๆ ในเขต Tacoma นี้กลายเป็น 82.6% แล้วซึ่งถือว่าเยอะขึ้นมากเลยทีเดียว และทางเขตก็จะพยายามปรับปรุงให้ตัวเลขเหล่านี้สูงขึ้นเรื่อยๆ ไปอย่างต่อเนื่องโดยตั้งเป้าให้เด็กๆ เรียนจบได้ทุกคนในแต่ละชั้นปี
และเพื่อให้การปรับปรุงอัตราการเรียนจบดียิ่งขึ้นไปอีก ทางเขต Tacoma ได้ตัดสินใจทำ Predictive Analytics ด้วย Machine Learning บน Microsoft Azure Machine Learning เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ผลการเรียนของเด็กๆ แต่ละคนด้วยข้อมูลของเด็กๆ ตั้งแต่ตอนเรียนเกรด 6 จนถึงเกรด 12 เพื่อทำนายล่วงหน้าว่าเด็กคนใดมีแนวโน้มที่จะสอบตก, ซ้ำชั้น หรือลาออกกลางคันบ้าง และนำผลการวิเคราะห์บันทึกเอาไว้บน Microsoft Azure SQL Database ก่อนที่จะนำมาแสดงผลบน Microsoft Power BI เพื่อให้นักการศึกษาสามารถวางแผนช่วยเหลือเด็กแต่ละคนเป็นรายบุคคลไป เช่น การจัดติวพิเศษ หรือการพูดคุยให้คำปรึกษาต่างๆ เป็นต้น
แน่นอนว่าไม่ใช่เพียงแค่ตัวเลขเชิงสถิติสำหรับโรงเรียนจะดีขึ้นเท่านั้น แต่การที่ครูสามารถเข้าถึงนักเรียนที่กำลังมีปัญหาด้านใดๆ ก็ตามแต่ละคนได้อย่างถูกจังหวะก็จะทำให้ครูสามารถเข้าไปช่วยเหลือเด็กนักเรียนแต่ละคนได้ในเชิงลึก ซึ่งบางครั้งปัญหาของการที่เด็กนักเรียนไม่สามารถเรียนผ่านได้นั้นอาจไม่ใช่แค่การไม่เข้าใจในเนื้อหาบทเรียน แต่อาจกำลังสับสนในชีวิต หรือขาดกำลังใจ หรือมีปัญหาอื่นๆ และต้องการคนให้คำปรึกษาก็เป็นได้
การที่เด็กนักเรียนแต่ละคนจะสามารถจบได้ตรงตามเวลาปกติไม่ต้องเรียนซ้ำชั้นหรือลาออกไปกลางคันนั้นถือเป็นเรื่องสำคัญที่มักจะถูกมองข้าม และการที่เด็กๆ ที่มีแนวโน้มจะเรียนจบไม่ทันเพื่อนนั้น สามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองและกลับมาตั้งใจจนเรียนจบพร้อมเพื่อนๆ ได้นั้น ถือว่าเป็นคุณค่าและความภาคภูมิใจในชีวิตที่สำคัญสำหรับเด็กคนนั้นๆ ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งทาง Microsoft ก็ได้สัมภาษณ์เด็กคนหนึ่งและถ่ายทอดเรื่องราวตรงนี้ออกมาได้อย่างดีเลยครับ