[Guest Post] เทนเซ็นต์ ส่งโซลูชัน เทนเซ็นต์ คลาวด์ มีทติ้ง สู้ภัยโควิด-19 เปิดให้ใช้งานได้ฟรี

กรุงเทพฯ – 17 มีนาคม 63: บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด (Tencent) ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มบริการด้านเนื้อหา เอ็นเตอร์เทนเมนต์ และโซลูชันด้านเทคโนโลยี เพื่อตอบสนองทุกความต้องการยุคดิจิทัล ชูโซลูชันเพื่อช่วยธุรกิจในไทยให้ดำเนินไปอย่างไร้รอยต่อด้วย “เทนเซ็นต์ คลาวด์ มีทติ้ง” (Tencent Cloud Meeting) ที่ช่วยให้ทุกธุรกิจสามารถปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ให้ทุกคนประชุมได้ทุกที่ทุกเวลา โดยที่ไม่ต้องมาเจอกัน ไม่ว่าจะเป็นการประชุมทางเสียงหรือจะเป็นแบบวิดีโอ HD ที่ตอนนี้เปิดให้ใช้งานได้เต็มรูปแบบโดยไม่มีค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด

มร. แชง ฟู ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด กล่าวว่า “เทนเซ็นต์ คลาวด์ มีทติ้ง เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่สามารถช่วยแก้ปัญหาและป้องกันการแก้ปัญหาของ ระบาดได้ในระดับหนึ่งและเหมาะสำหรับสถานการณ์ตอนนี้เพราะหลายๆ องค์กรเริ่มให้พนักงานของตนเองทำงานอยู่บ้าน

เทนเซ็นต์ คลาวด์ มีทติ้ง ช่วยให้ผู้เข้าร่วมประชุมสามารถเข้าร่วมประชุมได้อย่างรวดเร็วได้ทั้งบนโทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต และหน้าเว็บผ่านคอมพิวเตอร์หรือโน๊ตบุ๊ค เพื่อประสบการณ์การประชุมที่ราบรื่น เกิดความลื่นไหลและต่อเนื่องไม่ว่าผู้ใช้งานจะอยู่ที่ไหนก็ตาม ครอบคลุมระยะเวลาการประชุมได้นานสูงสุด 9,999 นาที รองรับผู้เข้าประชุมได้มากสุดถึง 300 คน พร้อมเชื่อมต่อกับปฏิทินสำหรับจัดตารางงาน และเชื่อมต่อไปยังมือถือได้ทันที ส่วนระบบเสียงในการสื่อสารจะมี AI-Based ทำให้คุณส่งเสียงที่คมชัด ลดเสียงรบกวนทั้งการพิมพ์คีย์บอร์ด คลิกเมาส์ ไม่เกิดการรบกวนระหว่างเข้าประชุมทางออนไลน์ได้อย่างดี ลงทะเบียนได้ง่ายและสะดวกเพียงแค่ใช้เบอร์มือถือ หรือสแกนผ่าน WeChat เพื่อใช้งานได้ทันที

เทนเซ็นต์ คลาวด์ มีทติ้ง ช่วยให้ธุรกิจ และพนักงานสามารถประชุมและสื่อสารทางโทรศัพท์ได้ตลอดเวลาและต่อเนื่องมากที่สุดในขณะนี้ และยังอุ่นใจในเรื่องความปลอดภัย เพราะโซลูชันนี้ปกป้องความปลอดภัยของข้อมูลโดยใช้โปรโตคอลการเข้ารหัสและซอฟต์แวร์

ธุรกิจและองค์กรต่างๆ สามารถดาวน์โหลด เทนเซ็นต์ คลาวด์ มีทติ้ง เพื่อใช้งานได้แล้ววันนี้ทั้งทาง macOS และวินโดวส์ (Windows) ระบบปฏิบัติการมือถือทั้ง iOS และ แอนดรอยด์ (Android) ได้ที่นี่https://meeting.tencent.com/sg/en/index.html

เกี่ยวกับเทนเซ็นต์ (ประเทศไทย)

บริษัท เทนเซ็นต์ (ประเทศไทย) จํากัด เป็นผู้นำด้านการเป็นให้บริการแพล็ตฟอร์มและเทคโนโลยีชั้นนำของประเทศไทย ครอบคลุมทั้งข่าวสาร-เพลง-หนัง/ซีรีส์-เกม รวมถึงให้บริการและโซลูชั่นเทคโนโลยีระดับโลก เพื่อเปลี่ยนผ่านสังคมไทยสู่สังคมดิจิทัล และการสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจ (Business Ecosystem) ที่สมบูรณ์ มีบริการครอบคลุมทั้งหมด 3 ด้าน ได้แก่

1.) แพลตฟอร์มด้านเนื้อหา (News & Portal) อย่างเว็บไซต์สนุก (Sanook) แหล่งรวมเนื้อหาข่าวสารเพื่อทุกคน

2.) แพลตฟอร์มความบันเทิงและมัลติมีเดีย (Entertainment & Multimedia) อย่าง JOOX, WeTV และ Tencent Games

3.) บริการ (Services) ได้แก่ เทนเซ็นต์ คลาวด์ (Tencent Cloud) บริการด้านคลาวด์เทคโนโลยี ที่รองรับความต้องการของทั้งภาครัฐและภาคเอกชนพร้อมศูนย์ดาต้า เซ็นเตอร์ในเมืองไทย รวมถึง TSA (Tencent Social Ads) ซึ่งเป็นเครือข่ายโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ของเทนเซ็นต์ และTopspace ซึ่งเป็นผู้ให้บริการดิจิทัลเอเจนซี่ครบวงจร

About nattakon

จบการศึกษา ปริญญาตรีและโท สาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ KMITL เคยทำงานด้าน Engineer/Presale ดูแลผลิตภัณฑ์ด้าน Network Security และ Public Cloud ในประเทศ ปัจจุบันเป็นนักเขียน Full-time ที่ TechTalkThai

Check Also

Neat ผู้บุกเบิกด้านการทำงานร่วมกันผ่านวิดีโอ ตั้งเป้าตลาดสำคัญในเอเชียท่ามกลางกระแสการทำงานแบบไฮบริดที่เฟื่องฟู [Guest Post]

Neat บริษัทด้านเทคโนโลยีวิดีโอชั้นนำของนอร์เวย์ กำลังให้ความสำคัญกับตลาดสำคัญในเอเชียมากขึ้น เนื่องจากความต้องการโซลูชันการทำงานแบบไฮบริดที่เรียบง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้เพิ่มสูงขึ้น จากการเติบโตอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนี้ Neat จึงเพิ่มการปรากฏตัวในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเป็นสองเท่า เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับตำแหน่งผู้นำในการเปลี่ยนแปลงพื้นที่ทำงานสมัยใหม่

BOTNOI บริษัทสตาร์ทอัพไทย ได้พัฒนาผู้ช่วยปัญญาประดิษฐ์ที่ใช้ Generative AI รองรับหลายภาษาในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยใช้บริการคลาวด์ของ AWS [PR]

อะเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส (Amazon Web Services: AWS) บริษัทในเครือของ Amazon.com ประกาศในวันนี้ว่า BOTNOI สตาร์ทอัพด้าน Generative AI ของไทยที่เชี่ยวชาญในการสร้างผู้ช่วยเสมือนจริงสำหรับการสนทนา ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม BOTNOI Voice ขึ้นบนคลาวด์ของ AWS เพื่อแปลงข้อความเป็นเสียงพูดและแปลงเสียงพูดเป็นข้อความ โดยใช้เทคโนโลยี Generative AI ที่ได้รับการปรับแต่งให้เหมาะสมกับภาษาและวัฒนธรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วยข้อมูลภาษาที่ได้รับความยินยอมแล้ว ทำให้องค์กรต่าง ๆ สามารถนำไปใช้ปรับปรุงการบริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น