Sangfor แนะนำโซลูชัน Hyper-converged Infrastructure และพร้อมเปิดตัวโซลูชัน VDI ในประเทศไทย

Sangfor ผู้ให้บริการโซลูชัน Next-generation Firewall อันดับหนึ่งจากประเทศจีน เปิดให้บริการโซลูชัน Hyper-converged Infrastructure (HCI) ชูจุดเด่นด้าน Security พร้อมผสาน NGFW เข้าไปในระบบนอกเหนือจากส่วน Compute, Storage และ Network นอกจากนี้ยังเปิดตัวโซลูชันใหม่ Virtual Desktop Infrastructure (VDI) ซึ่งพร้อมให้บริการแบบครบวงจรในประเทศไทยแล้ว

Converged Infrastructure สถาปัตยกรรมของ Data Center ในอนาคต

เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุคของ Cloud Computing แต่ละองค์กรเริ่มเปลี่ยนแนวคิดจาก Hardware-defined IT Infrastructure ไปเป็น Software-defined IT Infrastructure เนื่องจากต้องบริหารจัดการทรัพยากรทั้งหมดทั้งใน Data Center หรือระบบ Cloud แบบรวมศูนย์โดยไม่ต้องสนใจว่าอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ที่ใช้งานอยู่คืออะไร ก่อให้เกิดเป็นแนวคิดเรื่อง Converged Infrastructure ซึ่งง่ายต่อการดูแลและบริหารจัดการ รวมไปถึงขจัดปัญหาด้านความเข้ากันไม่ได้ของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์อีกด้วย

Gartner ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับ Converged Infrastructure ว่า “ภายในปี 2019 ประมาณ 30% ของ Storage Array Capacity ที่ใช้งานใน Data Center ขององค์กรทั่วโลก จะถูกติดตั้งแบบ Software-defined Storage (SDS) หรือ Hyper-converged Integrated System (HCIS) บนระบบฮาร์ดแวร์ x86 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่น้อยกว่า 5% นอกจากนี้ 20% ของแอพพลิเคชันประเภท Mission-critical ขององค์กรที่ติดตั้งในรูปของ 3-tier IT Infrastructure ก็จะเปลี่ยนไปใช้ HCIS ภายในปี 2020 นี้”

Sangfor HCI แนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดสำหรับ Software-defined Data Center

เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้าน Converged Infrastructure ที่มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ Sangfor ผู้ให้บริการ Next-generation Firewall ระดับ Enterprise-class อันดับหนึ่งของจีน ได้พัฒนาแพลตฟอร์ม Hyper-converged Infrastructure (HCI) ซึ่งเป็นกรอบการทำงานที่ผสานรวมส่วน Compute, Storage และ Network Virtualization ไว้ด้วยกัน และปรับแต่งให้ทุกส่วนสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดภายในอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์เดียว เสมือนเป็น Data Center ขนาดย่อมที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ทุกสภาพแวดล้อม นอกจากนี้เพิ่มฟังก์ชัน Network Functions Virtualization (NFV) อย่าง NGFW ของ Sangfor ลงไปเพื่อเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยให้ถึงขีดสุดอีกด้วย

จุดเด่นของ Sangfor HCI คือ ผู้ดูแลระบบสามารถบริหารจัดการแพลตฟอร์มแบบรวมศูนย์ได้ผ่านทาง Web UI ซึ่งเป็น Unified UI Controller โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งซอฟต์แวร์หรือลง Agent เพิ่มเติมแต่อย่างใด ที่สำคัญคือช่วยระยะเวลาที่จะส่งบริการหรือผลิตภัณฑ์ใหม่ออกสู่ตลาดจาก 1 – 6 เดือน เหลือเพียงหลักชั่วโมงหรือวันเท่านั้น และยังช่วยลด Total Cost of Ownership (TCO) ลงได้มากกว่า 70% อีกด้วย

แพลตฟอร์ม HCI ของ Sangfor ประกอบด้วยฟังก์ชันหลัก 3 ประการ คือ

1. aSV: ระบบบริหารจัดการเซิร์ฟเวอร์แบบเสมือน (Server Virtualization) มีคุณสมบัติเด่น ดังนี้

  • ระบบปฏิบัติ Hypervisor สำหรับบริหารจัดการทรัพยากรของแต่ละ Virtual Machine
  • รองรับการทำ High Availability ในกรณีที่ Physical Server เครื่องหนึ่งมีปัญหา สามารถกระจาย Virtual Machine บนเครื่องของตนไปยังเครื่องอื่นๆ ได้ทันที เพื่อให้ธุรกิจสามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง
  • เทคโนโลยี Dynamic Resource Scheduling ช่วยให้เมื่อ Virtual Machine ใช้ CPU/RAM เกินขอบเขตที่กำหนด Virtual Machine จะถูกย้ายไปทำงานบน Physical Server เครื่องอื่นที่มี CPU/RAM เพียงพอที่จะให้บริการ เพื่อให้สามารถทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
  • รองรับการทำ Incremental Backup และ Snapshot Backup โดยไม่ต้องติดตั้งซอฟต์แวร์ใดๆ เพิ่มเติม

2. aNET: ระบบบริหารจัดการเครือข่ายแบบเสมือน (Network Virtualization) มีคุณสมบัติเด่น ดังนี้

  • Visualized DC ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานง่ายในรูปแบบของ drag-and-draw ซึ่งสามารถแสดงผลลัพธ์ออกมาเป็น Network Diagram ของการเชื่อมต่อได้ทันที พร้อมทั้งแสดงข้อมูลที่วิ่งผ่านแบบ real-time
  • aSwitch ทำหน้าที่เป็น Distributed Virtual Switch รองรับเทคโนโลยี Overlay สามารถแบ่ง VLAN ได้สูงสุดถึง 16 ล้าน VLANS
  • aRouter ทำหน้าที่เป็น Distributed Virtual Router สำหรับเชื่อมต่อกับระบบเครือข่ายทั้งภายในและภายนอก Data Center
  • aFW ทำหน้าที่เป็น Distributed Virtual Firewall หรือ Micro-segmentation Firewall สำหรับแต่ละ Virtual Machine เพื่อควบคุมและกรองทราฟฟิกที่วิ่งเข้าออก
  • NFV ให้บริการฟังก์ชันระบบเครือข่ายต่างๆ เช่น NGFW เพื่อเพิ่มความมั่นคงปลอดภัยในระดับแอพพลิเคชัน

3. aSAN: ระบบบริหารจัดการอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล (Storage Virtualization) มีคุณสมบัติเด่น ดังนี้

  • ถูกออกแบบมาในรูปของ Distributed Storage Architecture
  • สามารถขยายหน่วยจัดเก็บข้อมูลได้สูงสุดถึง 64 Nodes และจะเพิ่มมากกว่านี้ในอนาคต
  • รองรับการทำ Load Balance เพื่อกระจายการจัดเก็บข้อมูลไปยัง Physical Storage เท่าๆ กัน
  •  จัดเก็บและทำสำเนาข้อมูล 2 – 3 ชุดเพื่อป้องกันข้อมูลสูญหาย
  • เทคโนโลยี Hybrid Disks โดยใช้ SSD ในการทำ Caching และจัดเก็บข้อมูลลงบน HDD เพื่อเพิ่ม IOPS และลด Latency
  • เทคโนโลยี Hot Spare สำหรับย้ายข้อมูลใน HDD ที่มีปัญหา ไปเก็บไว้ใน HDD สำรองก่อนทำการเปลี่ยนไปใช้ HDD ใหม่แบบ Hot-swap
  • เทคโนโลยี I/O Locality ช่วยให้ aSAN ทราบว่าข้อมูลของ Virtual Machine ถูกเก็บอยู่ใน Physical Storage ใด และรัน Virtual Machine บน Physical Server นั้นเพื่อให้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้เร็วยิ่งขึ้น และลด Bandwidth ที่เกิดขึ้นในระบบ

นอกจากนี้ Sangfor HCI ยังมีระบบมอนิเตอร์ที่ทรงพลัง โดยสามารถแสดงเส้นทางการไหลของทราฟฟิกและการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ในรูปของกราฟิกสวยงาน เพื่อให้สามารถตรวจสอบปัญหาและหาสาเหตุของความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

เหนือกว่าคู่แข่งด้วย Network Functions Virtualization

Network Functions Virtualization (NFV) เป็นระบบสำหรับให้บริการฟังก์ชันเครือข่ายแบบเสมือนบน aNET ของ Sangfor HCI ซึ่งพร้อมให้บริการ vAF ซึ่งเป็นฟังก์ชัน NGFW ที่มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับอุปกรณ์ NGFW ระดับ Enterprise-class ของ Sangfor โดยรองรับการควบคุมและกรองทราฟฟิกได้ถึงระดับแอพพลิเคชัน และมาพร้อมกับคุณสมบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยมากมาย ได้แก่ IPS, Anti-malware, URL Filtering, Data Loss Prevention, Advanced Threat Protection, Web Application Firewall และอื่นๆ เพื่อช่วยให้แพลตฟอร์ม HCI มีความมั่นคงปลอดภัยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ในอนาคต Sangfor จะเพิ่มฟังก์ชัน SSL VPN, Load Balancer และ Wan Optimization เข้าไปเพื่อให้ HCI กลายเป็น Software-defined Data Center ที่สมบูรณ์แบบ

พร้อมให้บริการ Data Center ทุกระดับ

Sangfor พร้อมให้บริการโซลูชัน HCI ตั้งแต่บริษัทขนาดเล็กไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ โดยเริ่มต้นที่ Physical Servers 2 เครื่องทำ Clustering กัน และสามารถตั้งค่าให้แอพพลิเคชันพร้อมใช้งานได้ภายใน 30 นาทีเท่านั้น สามารถดูคุณสมบัติของ Sangfor HCI ได้จากรูปด้านล่าง

หมายเหตุ aBOS คือ HCI ที่ติดตั้งฟังก์ชัน NFV มาให้พร้อมใช้บริการทันที เหมาะสำหรับบริษัทขนาดเล็กหรือ ROBO

นอกจากนี้ Sangfor HCI ยังรองรับการทำงานร่วมกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ของ 3rd Party รวมถึงมีเครื่องมือสนับสนุนการย้ายข้อมูลจาก Physical Servers หรือ Virtual Machine เช่น VMware, XenServer, Hyper-V และ KVM มายัง Sangfor HCI สำหรับผู้ที่ต้องการเปลี่ยนมาใช้แพลตฟอร์ม HCI อีกด้วย

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ HCI: http://www.sangfor.com/product/sxf-virtualization-hci.html

เปิดตัวโซลูชัน Virtual Desktop Infrastructure แบบครบวงจร

ล่าสุด Sangfor ได้เปิดตัวโซลูชันใหม่ล่าสุดเพื่อต่อยอดการใช้ HCI คือ Virtual Desktop Infrastructure (VDI) ซึ่งเป็นโซลูชันที่ตอบโจทย์การเปลี่ยนไปใช้ระบบ Cloud ขององค์กรอย่างแท้จริง ผู้ดูแลระบบสามารถบริหารจัดการข้อมูลและแอพพลิเคชันทั้งหมดแบบรวมศูนย์ผ่านระบบ Cloud ในขณะที่ไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องข้อมูลสำคัญจะรั่วไหลออกจากองค์กร หรือปัญหาด้านการนำอุปกรณ์พกพาเข้ามาใช้เพื่อเข้าถึงแอพพลิเคชันสำคัญขององค์กร ที่สำคัญคือช่วยลดค่าใช้จ่าย CapEx และ OpEx ในการจัดซื้อและบำรุงรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และโน๊ตบุ๊คได้อีกด้วย

Sangfor VDI มีจุดเด่นคือการให้บริการโซลูชันแบบครบวงจร กล่าวคือ ให้บริการตั้งแต่แพลตฟอร์ม HCI, Server/Storage Virtualization, Virtual Desktop, Center, Thin Client, Mobile Application ไปจนถึงระบบบริหารจัดการแบบรวมศูนย์ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาความเข้ากันไม่ได้ของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ที่สำคัญคือสามารถบริหารจัดการระบบ VDI ทั้งหมดได้ผ่านหน้าจอเดียว ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาโซลูชันใดๆ จาก 3rd Party

รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VDI: http://www.sangfor.com/product/sxf-virtualization-virtual-desktop.html

สำหรับประเทศไทยเอง Sangfor เพิ่งจัดงาน “VDI Sneak Peak” ไปเมื่อวันที่ 22 มีนาคม ที่ผ่านมา เพื่อให้พันธมิตรทางธุรกิจจากทุกภูมิภาคได้เข้าชมและทดสอบโซลูชัน VDI ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งกระแสตอบรับเป็นไปด้วยดี และคาดว่าจะมีลูกค้าจากทั้งภาครัฐ เอกชน โดยเฉพาะสถานศึกษา เริ่มใช้บริการเร็วๆ นี้

ฟรี !! ฟีเจอร์ aSV จนถึงกรกฎาคมนี้

สำหรับผู้ที่สนใจโซลูชัน HCI และ VDI ของ Sangfor ตอนนี้มีโปรโมชันฟรี ฟีเจอร์ aSV หรือ Server Virtualization เมื่อสั่งซื้อ HCI Server จนถึงเดือนกรกฎาคม 2017 นี้ สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหรือติดต่อขอ PoC ได้ที่ Sangfor Technologies (Thailand) อีเมล Thailand@sangfor.com หรือโทร 02-251-7700

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

จีเอเบิล ชี้ 3 Mega Trend ไอที เปลี่ยนโฉมธุรกิจองค์กรไทย พร้อมเป็น Tech Enabler ขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคต [PR]

ในยุคที่ธุรกิจองค์กรแข่งขันกันด้วยความเร็ว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์และผลกำไรที่มากขึ้น การลดต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่เพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจรวมถึงผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจองค์กรต่างๆ กำลังมองหา เพราะการดำเนินธุรกิจองค์กรในสถานการณ์ปัจจุบัน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้าง Competitive Advantage เพื่อเป็นฐานในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งแน่นอนว่าอาวุธที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากการพัฒนาคนในองค์กรให้เรียนรู้ทักษะด้านเทคโนโลยีอยู่เสมอ การเลือกใช้เทคโนโลยีที่ตรงกับกระแสทิศทางเทรนด์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและตอบโจทย์ในการสร้างผลกำไรของแต่ละธุรกิจองค์กรในทุกภาคอุตสาหกรรมก็เป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน

อาลีบาบา คลาวด์ เปิด ดาต้าเซ็นเตอร์ แห่งที่สองในประเทศไทยมาพร้อมกลุ่มผลิตภัณฑ์หลากหลายเพื่อรองรับ Generative AI และโซลูชันเฉพาะทางสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม [PR]

อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ประกาศเปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่สองในประเทศไทย มุ่งเพิ่มสมรรถนะในการตอบสนองความต้องการบริการคลาวด์คอมพิวติ้งที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะเพื่อรองรับแอปพลิเคชัน generative AI และสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทยที่มุ่งส่งเสริมนวัตกรรมดิจิทัลและการพัฒนาเทคโนโลยีที่นำสู่ความยั่งยืน