CDIC 2023

Red Hat เปิดตัว Ansible Engine และ Ansible Tower 3.2 ตอบโจทย์องค์กรและการทำ Network Automation มากขึ้น

Red Hat Ansible ได้ออกมาประกาศถึงผลิตภัณฑ์ใหม่ Ansible Engine และ Ansible Tower 3.2 พร้อมกับความสามารถใหม่ที่จะช่วยทำ Network Automation ให้กับผลิตภัณฑ์ Enterprise Networking ได้ในตัว

Credit: Red Hat

 

Red Hat Ansible Engine ที่เปิดตัวออกมาในครั้งนี้จะเป็นรุ่น Commercial ของ Red Hat Ansible Community เดิม ที่เสริมความสามารถด้านการบริหารจัดการ, ความมั่นคงปลอดภัย และรองรับการใช้งานได้ในระดับองค์กรพร้อมการสนับสนุนแบบ Global Support แบบ 24×7 พร้อมทั้งยังมีการเปิดตัว Networking Add-on สำหรับช่วยทำ Networking Automation สำหรับผลิตภัณฑ์ดังต่อไปนี้

  • Arista (EOS)
  • Cisco (IOS, IOS-XR, NX-OS)
  • Juniper (Junos OS)
  • Open vSwitch
  • VyOS

ส่วน Red Hat Ansible Tower 3.2 นี้จะเป็นรุ่นแรกที่ใช้โครงการ AWX ซึ่งเป็นโครงการ Open Source ที่ Red Hat ให้การสนับสนุนอยู่ โดยมีการเพิ่มความสามารถใหม่ๆ เข้าไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปรับปรุงระบบ Inventory ให้ผู้ใช้งานสร้างหน้าจอได้เองตามต้องการ, การกำหนด Tower Instance Group เพื่อจองทรัพยากรสำหรับแต่ละกลุ่มได้, Tower Isolated Node สำหรับทำ Local Job Execution ในสาขาอื่นๆ ขององค์กร, การสนับสนุน SCM Inventory สำหรับจัดการ Automation และ Infrastructure as Code, Pulggable Credential เปิดให้ผู้ใช้งานกำหนด Credential Type ได้ด้วยตัวเอง และเชื่อมต่อกับระบบของ 3rd Party ได้ดีขึ้น รวมถึงรองรับการ Subscribe Ansible Engine ได้ด้วย

Ansible Engine และ Networking Add-on นี้จะเปิดให้ใช้งานได้ในเดือนตุลาคม 2017 ส่วน Ansible Tower 3.2 จะเปิดให้ใช้งานได้ในเดือนกันยายน 2017 นี้

 

ที่มา: https://www.redhat.com/en/about/press-releases/red-hat-advances-enterprise-and-network-automation-new-ansible-offerings


About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

ลือ Huawei อาจทำลายกำแพงการผลิตชิป 5nm สำเร็จ เริ่มเผยสเป็ค Laptop รุ่นใหม่ใช้ชิปเทคโนโลยี 5nm แล้ว

ท่ามกลางกระแสการโดนแบนทางด้านเทคโนโลยีจากสหรัฐอเมริกา ทำให้เหล่าบริษัทเทคโนโลยีของจีนต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีการผลิตชิปของตนเองขึ้นมา และล่าสุดก็มีข่าวว่า Huawei และ SMIC นั้นได้เตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ใช้ชิป 5nm ที่ผลิตเองในจีนแล้ว ทำให้จีนตามหลังสหรัฐอเมริกาด้านเทคโนโลยีการผลิตชิปเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้น

ผู้บริหาร Dell ชี้ ภาคอุตสาหกรรมจะไม่รอการผลิตและจัดส่งที่ล่าช้าของ NVIDIA H100 อีกต่อไป

ท่ามกลางกระแสความร้อนแรงของเทคโนโลยี AI ที่ผ่านมา ส่งผลให้ GPU ของ NVIDIA นั้นขาดตลาดอย่างรุนแรง และเกิด Lead Time รอสินค้าในการสั่งซื้อแต่ละครั้งที่ยาวนานมากถึงกว่า 39 สัปดาห์ ทำให้คุณ Peter Marrs ประธานของ Dell ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและญี่ปุ่นได้ออกมากล่าวถึงประเด็นนี้