Oracle Database Appliance (ODA) โมเดล X9 เป็นโมเดลใหม่ล่าสุดจาก Oracle ที่ยังคงรักษาคอนเซปต์ของการใช้ง่ายและสมรรถนะยอดเยี่ยม ที่มาพร้อมกับเครื่องมือช่วยเหลืออีกกว่า 10 รายการที่สำคัญคือใช้งานได้ฟรี พร้อมตอบโจทย์การทำงานกับทุกรูปแบบข้อมูล (Converged Database) และ Machine Learning ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
คงคอนเซปต์ “Simple. Optimized. Affordable”
หลายทศวรรษที่ผ่านมา Oracle คือหนึ่งในทางเลือกของระบบจัดการฐานข้อมูลที่สเถียรและเร็วที่สุดโดยเฉพาะระบบสำคัญขององค์กรระดับโลกต่างไว้วางใจ Oracle ทั้งนั้น อย่างไรก็ดี Oracle ได้เล็งเห็นแล้วว่าซอฟต์แวร์ที่ดีที่สุดก็คู่ควรกับระบบฮาร์ดแวร์ที่สเถียรด้วยจึงสามารถแสดงศักยภาพที่สุดออกมาได้ ด้วยเหตุนี้เอง Oracle Database Appliance จึงถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ปี 2011 พร้อมกับคอนเซปต์ “Simple Optimized Affordable”
ความง่ายเป็นเรื่องโดดเด่นที่สุดในคำจัดกัดความของ ODA พิจารณาได้จากการที่องค์กรสามารถรับมอบฮาร์ดแวร์จาก Oracle เสียบปลั๊ก คอนฟิค พร้อมใช้งานในเวลาอันสั้น สิ่งเหล่านี้เมื่อมองย้อนกลับไปเทียบกับการที่การประกอบเครื่องขึ้นมาเอง ท่านต้องจัดหาเซิร์ฟเวอร์สตอเรจวางแผนการเชื่อมต่อทางเครือข่าย จัดหาซอฟต์แวร์ และทดสอบความเข้ากันได้ในแต่ละส่วน ยังไม่นับเรื่องของการอัปเดตแพตช์ ซึ่งทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีค่าใช้จ่ายแฝงทั้งสิ้น
ลดภาระ DBA ให้เหลือแต่งานสำคัญ
ODA เป็นระบบที่การันตีศักยภาพอย่างสูงสุดเชื่อแน่ว่าระบบที่ถูกออกแบบมาจากเจ้าของซอฟต์แวร์นั้นย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการทำงานอยู่แล้ว อีกทั้งทีมงานมีการทดสอบการทำงานมาให้อย่างเพรียบพร้อม โดยท่านสามารถเริ่มต้นระบบตาม Best Practice ด้วยเหตุนี้เองการปรับจูนจึงไม่ใช่ภาระของแอดมินอีกต่อไป หากเกิดความเสียหายขึ้นท่านก็สามารถติดต่อ Oracle ได้ทันทีไม่ต้องแยกเปิดเคสกับแต่ละผู้ผลิต
เป็นเรื่องปกติที่ธุรกิจย่อมมีการขยายตัวแต่นั่นก็หมายถึงว่าระบบหลังบ้านต้องมีภาระมากขึ้นไปด้วย ฐานข้อมูลก็เช่นกัน ในอดีตผู้ออกแบบต้องคำนวณการเติบโตล่วงหน้าเอาไว้ แต่ ODA เป็นระบบที่เปิดกว้างกว่านั้นให้ท่านสามารถใช้จ่ายได้ตามจริงลดค่าใช้จ่ายเรื่องของ License ของ Oracle Database ที่นับตามจำนวนคอร์ โดยท่านสามารถเพิ่มคอร์การทำงานได้ตามความต้องการขั้นต่ำสุดเริ่มที่ 2 คอร์
จัดเต็มด้วยสเป็คใหม่ในโมเดล ODA X9
คอนเซปต์ความง่ายของ ODA ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องรูปลักษณ์หรือการปฏิบัติการเท่านั้น เพราะโมเดล ODA X9 ก็มีทางเลือกที่ตัดสินใจได้ง่ายคือ Small, Medium และ Enterprise หรือ X9-2S, X9-2L และ X9-2-HA ตามลำดับ โดยความพิเศษคือทุกรุ่นอาศัยขุมพลังรุ่นล่าสุดจาก Intel Xeon Processor S4314 อีกทั้งยังรองรับการทำงานของ Oracle Database ได้ทั้ง Standard และ Enterprise Edition
สำหรับการเลือกรุ่นนั้นก็ไม่ได้มีเกณฑ์ยากมากมายนัก X9-2S จะมาพร้อมกับ CPU 16 คอร์และหน่วยความจำเริ่มต้นที่ 256 ขยายได้สูงสุด 512 GB รุ่นกลางอย่าง X9-2L จะมี CPU เพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวคือ 32 คอร์ หน่วยความจำเริ่มต้นที่ 512 ขยายได้สูงสุด 1 TB ในขณะที่สตอเรจรองรับการขยายได้สูงสุดถึง 81 TB เลยทีเดียว
หากองค์กรใดที่ต้องการศักพภาพขั้นสุดการันตีความพร้อมใช้งานเสมอ โซลูชัน Oracle Real Application Cluster (RAC) ที่มีใน X9-2-HA คือทางเลือกที่เหมาะสมเพราะทำการ Failover ได้ทั้งโหมด Active-Active หรือ Active-Passive โดย X9-2-HA มี CPU เริ่มต้นสูงถึง 64 คอร์หน่วยความจำสูงสุด 2 TB และ SSD สตอเรจที่รองรับได้ถึง 92 TB กล่าวคือออกแบบมาสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีข้อมูลมหาศาล
ในการบริหารจัดการเครื่องท่านสามารถใช้บราวน์เซอร์เพื่อคอนฟิคการทำงานได้ต่างๆได้อย่างง่ายดาย รวมถึงการแพตช์ระบบทั้งหมดได้ในหน้าเครื่องมือเดียวกัน รวมถึงสามารถสำรองและกู้คืนข้อมูลในเครื่อง นอกเครื่องหรือข้ามไปยัง Oracle Cloud ก็ได้ ไม่เพียงเท่านั้น Oracle ยังได้นำเสนอเครื่องมืออื่นที่จะช่วยให้การปฏิบัติงานของท่านนั้นง่ายกว่าที่เคย ซึ่งจะกล่าวถึงในหัวข้อถัดไป
เครื่องมือช่วยเหลือฟรีกว่า 10 รายการ
แม้จะมีเครื่องที่สเถียร สมรรถนะสูง ตอบโจทย์ข้อมูลทุกประเภทและราคาดีแล้ว แต่เชื่อหรือไม่ว่าในการทำงานจริงก็ไม่ได้ราบเรียบไร้อุปสรรค ซึ่งทีมงาน Oracle ได้เล็งเห็นถึงปัญหานี้เป็นอย่างดี ทำให้ภายใน Oracle Database Appliance มีการบรรจุแพ็กเกจซอฟต์แวร์ฟรีที่ท่านสามารถเปิดใช้ได้ทันทีกว่า 10 รายการดังนี้
1.) Oracle SQL Developer เป็นเครื่องมือในการพัฒนาตัวหนึ่ง (IDE) ที่จะช่วยเรื่องงานเขียน SQL และ PL/SQL ได้ง่ายกว่าเดิมด้วยฟังก์ชัน Code Completion นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์พิเศษอื่นเช่น สามารถจัดการฐานข้อมูล ย้ายข้อมูลจากระบบอื่น โดยเครื่องมือ SQL Developer สามารถใช้งานได้ผ่านบราวน์เซอร์จึงหมายถึงการทำงานได้กับทุกแพลตฟอร์มนั่นเอง
2.) Data Modeler เครื่องมือสำหรับการออกแบบฐานข้อมูลเช่น ER Diagram และ Data Model Design โดยสามารถสร้าง Table หรือสร้าง SQL Script ให้อัตโนมัติ
3.) APEX เพื่อให้การทำงานขององค์กรเป็นเรื่องง่ายเข้าถึงได้ทุกคน APEX ก็คือเครื่องมือประเภท Low Code ที่ใช้งานได้แบบลากวาง ไม่ว่าต้องการสร้างเว็บแอป หรือแอปมือถือก็ตอบโจทย์เช่น งานเพื่อการกรอกข้อมูลต่างๆ
4.) REST Data Service เป็นเรื่องธรรมดาที่ฐานข้อมูลนั้นจะต้องมีการสื่อสารกับระบบอื่น ซึ่งปัจจุบันแอปพลิเคชันจะใช้การทำงานร่วมกันผ่านสิ่งที่เรียกว่า REST API โดยเครื่องมือนี้จะช่วยเปิด Object ต่างๆในดาต้าเบสเช่น Table หรือ PL/SQL ให้โปรแกรมอื่นมาสื่อสารกับฐานข้อมูลขององค์กรได้ผ่าน API
5.) Database Security Assessment Tool (DBSAT) เป็นเครื่องมือสำหรับช่วยตรวจสอบฐานข้อมูลของว่าการตั้งค่าต่างๆนั้นมีช่องโหว่หรืออะไรที่ยังปรับปรุงได้อีกหรือไม่ หากพบความเสี่ยงต้องแก้ไขอย่างไรต่อไป
6.) Oracle SQL Developer สำหรับแอดมินสาย Command Line บอกได้เลยว่าเครื่องมือนี้จะช่วยให้อรรถรสของการทำงานของท่านสนุกยิ่งขึ้น หากท่านเป็นคนหนึ่งที่ต้องมีการสร้างสคริปต์เพื่อทำงานร่วมกับกระบวนการหรือเครื่องมือประเภท CI/CD
7.) Enterprise Manager เป็นเครื่องมือช่วยบริการจัดการระบบและกำกับดูแลให้มั่นใจได้ว่าจะเป็นไปตาม Compliance ต่างๆเพราะสามารถมอนิเตอร์ติดตามการทำงานตั้งแต่ระดับ ฮาร์ดแวร์ ระบบปฏิบัติการ Vitualization ฐานข้อมูลและแอปพลิเคชันในเครื่องมือเดียวกัน
8.) Autonomous Health Framework คอยช่วยแจ้งเตือนหรือแก้ปัญหาระหว่างการทำงานที่เกิดขึ้นได้ส่วนไหนที่แก้ไขได้เองก็จะทำให้อัตโนมัติ ทำให้ช่วยลดภาระที่แอดมินต้องเข้ามาจัดการเองทุกเรื่อง
9.) Data Miner สำหรับสายนักวิทยาศาสตร์ข้อมูล นักวิเคราะห์ข้อมูล หรือการนำข้อมูลไปสร้างโมเดล Machine Learning ท่านไม่จำเป็นต้องบริหารจัดการทุกสิ่งด้วยตัวเองเพราะเครื่องมือ Data Miner ได้รวบรวมโมเดลต่างๆไว้ให้สามารถเลือกเพื่อนำมาใช้งานกับข้อมูลได้ด้วยการกดไม่กี่คลิกเท่านั้น
10.) Cloud Native Environment มีการรวบรวมเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่มีความสเถียรและได้รับความนิยมจาก CNCF และ OCI มาให้ท่านได้เริ่มทำงานบนคลาวด์ได้ โดยประกอบด้วยเครื่องมือเช่น
- Kubernetes – Container Ochrestrator
- Cri-O – Container Runtime Interface
- Kata – Lightweight VM เพื่อรันใน Container
- Runc – Lightweight Universal Container
- Istio – Service Mesh ใน Kube สำหรับงาน Load Balancer, Authentication และ monitoring
- MetalLB – Load Balancer สำหรับคลัสเตอร์ Kubernetes
- Grafana – เครื่องมือด้าน Observability
- Prometheus – ฐานข้อมูลแบบ Time Series
11.) ซอฟต์แวร์ระบบปฏิบัติการและ Virtualization ที่ผู้ใช้งาน ODA สามารถเลือกใช้ได้อยู่แล้วก็คือ Oracle Linux ที่การันตีความเข้ากันได้กับ RHEL และ CentOS รวมถึง Oracle Linux Virtualization Manager ที่สำคัญยังมีตัวช่วยอัปเดตแพตช์โดยไม่ต้องทำการรีบูตอย่าง Oracle Ksplice อีกด้วย
จะเห็นได้ว่า Oracle Database Appliance X9 เป็นโซลูชันที่ถูกออกแบบด้านวิศวกรรมมาแล้วอย่างดี พร้อมทำงานได้กับทุกรูปแบบข้อมูลและการันตีความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์ นอกจากนี้ยังได้จัดเตรียมซอฟต์แวร์สำหรับการทำงานและบริหารจัดการมาให้อย่างครบเครื่อง รังสรรค์ให้เกิดความง่ายในทุกขั้นตอนอย่างแท้จริง หากท่านใดสนใจข้อมูลเกี่ยวกับ Oracle Database Appliance X9 หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Oracle ติดต่อได้ที่ napapat.s@oracle.com หรือเบอร์โทรศัพท์ 099-664-6935