ทีมงาน TechTalkThai มีโอกาสได้เข้าฟัง Discussion Panel ของ Oracle ที่ได้เชิญลูกค้าจาก PTG Energy และ Forth Smart Service มาเล่าถึงประสบการณ์การใช้ Oracle Autonomous Data Warehouse ที่ช่วยให้การทำ Business Intelligence, Business Report และ Business Dashboard สำหรับทำ Data Driven Business นั้นเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย ไม่ต้องพึ่งพาฝ่าย IT หรือ DBA ในการดึงข้อมูลต่างๆ ที่ต้องการให้อีกต่อไป และยังทำให้การทำรายงานต่างๆ เร็วขึ้นกว่าเดิมหลายสิบถึงหลายร้อยเท่าอีกด้วย
แนวคิด Autonomous ของ Oracle ทำงานเชิงเทคนิคทุกอย่างแทนด้วย AI พร้อม GUI สำหรับให้ผู้ใช้งานทำงานได้ง่าย
สำหรับใครที่ยังไม่คุ้นเคยกับแนวคิดด้าน Autonomous ของ Oracle นั้น เทคโนโลยีนี้ก็คือการนำ AI และ Machine Learning เข้ามาช่วยดูแลระบบ Database เบื้องหลังผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Oracle โดยอัตโนมัติ ทำให้นอกจากงาน Routine ต่างๆ นั้นจะถูกจัดการโดยอัตโนมัติเป็นจำนวนมากแล้ว งานด้านการทำ Performance Tuning ที่เคยเป็นงานยากนั้น ก็กลายเป็นอัตโนมัติด้วย
การที่ระบบของ Oracle มีการทำงานแบบ Autonomous ภายในตัวนี้ ทำให้การทำงานต่างๆ เป็นไปได้อย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมเป็นอย่างมาก ตัวอย่างเช่น หากมองที่การทำ Performance Tuning อย่างเดียวนั้น เดิมทีการทำ Tuning นี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นถี่มากนัก แต่เมื่อใช้งาน Oracle Autonomous Database การทำ Tuning นี้ก็เกิดที่ระดับ Query เลย ทำให้การเข้าถึงข้อมูลในรูปแบบที่หลากหลายนั้นยังคงมีความรวดเร็วสูงอยู่เสมอ
นอกจากนี้ ระบบการบริหารจัดการเดิมทีจากที่ Oracle นั้นเน้น Script เป็นหลัก ก็ถูกปรับมาเป็น GUI ทำให้ง่ายต่อการใช้งานมากขึ้นเป็นอย่างมาก การ Query ข้อมูลต่างๆ จึงทำได้ง่าย ผู้ใช้งานไม่ต้องมีความรู้เชิงเทคนิคลึกมากนัก แต่ก็สามารถเข้าถึงข้อมูลธุรกิจตามที่ตนมีสิทธิ์และต้องการได้ ในขณะที่งานทางด้านการวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ นั้นก็มี Oracle Analytics Cloud ให้ใช้งาน
PTG Energy ใช้ Oracle Autonomous Data Warehouse จัดการวิเคราะห์ข้อมูลในธุรกิจและสาขาที่หลากหลายได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม
PTG Energy นั้นถึงแม้จะมีธุรกิจหลักคือปั๊มน้ำมัน PT สีเขียวที่เราคุ้นเคยกันทั่วไทยและเติบโตอย่างรวดเร็วเปิดสาขาใหม่แทบจะรายวัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว PTG ก็ยังมีธุรกิจย่อยอีกมากมาย ทั้งร้านอาหาร, ร้านกาแฟ, ธุรกิจซ่อมบำรุงยานยนต์, ที่พัก และอื่นๆ อีกมากมาย ดังนั้นการวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจเพื่อให้ทุกๆ ธุรกิจนั้นเติบโตอย่างต่อเนื่องจึงถือเป็นงานสำคัญ นโยบายของ PTG จึงเป็นการแยกทีม BI นี้ออกจากทีม IT ขาดจากกัน สำหรับทำหน้าที่ด้านการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลโดยเฉพาะ
ที่ผ่านมา PTG Energy มีข้อมูลปริมาณมหาศาล การวิเคราะห์ข้อมูลแต่ละครั้งเดิมก็ต้องเขียน Query เองและรอเวลาหลายชั่วโมงกว่าจะรู้ว่าสำเร็จหรือล้มเหลว การนำข้อมูลมาใช้เชิงธุรกิจจึงไม่คล่องตัว และเมื่อผู้บริหารรุ่นใหม่ๆ เริ่มเข้ามาทำงาน ความต้องการในการใช้ข้อมูลสำหรับตัดสินใจก็สูงขึ้นเรื่อยๆ และทำให้ต้องมองหาแนวทางที่จะทำให้การเข้าถึงและใช้งานข้อมูลอย่างนี้เป็นไปได้อย่างรวดเร็วและง่ายดายขึ้นให้ได้
Oracle Autonomous Database และ Oracle Autonomous Data Warehouse ได้เข้ามามีบทบาทในส่วนนี้เป็นอย่างมาก โดยนอกจากตัวเทคโนโลยีเองที่จะมาพร้อมกับความเร็วที่สูงขึ้นจนสามารถลดเวลาในการเข้าถึงข้อมูลจากหลักหลายชั่วโมงเหลือเพียงไม่กี่นาทีได้ ก็ยังทำให้ทีมงานสามารถรับพนักงานรุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำงานวิเคราะห์ข้อมูลและดูแลระบบฐานข้อมูลด้วยตนเองได้เลยจากความง่ายในการใช้งาน และสุดท้ายการเข้าถึงข้อมูลเหล่านี้ได้ก็ทำให้ PTG ได้เกิดโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจมากขึ้น
ตัวอย่างหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมานั้นก็คือการทำ Fraud Detection ภายใน ที่เมื่อสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วแล้วก็ทำให้ทีมงานนั้นพบความจริงว่าพฤติกรรมผิดปกติที่ตรวจพบนั้นถึงจะคล้ายกับ Fraud แต่ในความเป็นจริงแล้วพฤติกรรมนั้นคือพฤติกรรมเฉพาะตัวของลูกค้ากลุ่มใหม่ที่คาดไม่ถึงมาก่อน และทำให้ PTG สามารถพัฒนาบริการใหม่ขึ้นมาตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มนี้ได้ดียิ่งขึ้น
Forth Smart Service ทำให้พนักงานภายในและ Partner ภายนอกเข้าถึงข้อมูลได้เร็วขึ้น ทำงานได้มีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น
ในมุมของ Forth นั้นมีตู้เติมเงินบุญเติมจำนวนกว่า 120,000 ตู้ทั่วไทยและมีลูกค้ากว่า 10 ล้านราย ข้อมูลปริมาณมหาศาลนี้เดิมทีถูกวิเคราะห์ได้ไม่ถี่นักเพราะการเข้าถึงข้อมูลต้องใช้เวลานานมาก Forth จึงได้ตัดสินใจเริ่มใช้ Oracle Autonomous Data Warehouse และพบว่าการ Query ข้อมูลนั้นเร็วขึ้น 2-200 เท่าจากการทำ Performance Tuning โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังไม่ต้องรบกวน DBA ในการดึงข้อมูลอีกต่อไป เพราะระบบนั้นง่ายจน Citizen Data Scientist สามารถใช้งานเองได้ โดยทาง Forth นั้นใช้การ Synchronize ข้อมูลจากระบบ On-Premises ขึ้นไปยัง Cloud แล้วจึงค่อยทำการวิเคราะห์ข้อมูลบน Cloud เพื่อไม่ให้กระทบกับระบบ Production ที่ Downtime ต่อชั่วโมงอาจมีความเสียหายหลักหลายล้านบาทได้
จุดเด่นที่น่าสนใจคือการที่สามารถเลือกปรับทรัพยากรที่จะใช้งานบนระบบวิเคราะห์ข้อมูลเองได้เพื่อ Optimize ค่าใช้จ่าย เพราะการวิเคราะห์ข้อมูลนั้นไม่ได้เกิดขึ้นตลอดเวลา ดังนั้นในช่วงที่ต้องวิเคราะห์ข้อมูลอย่างหนักหน่วงก็สามารถเพิ่มทรัพยากรเข้าไปได้ และเวลาที่เหลือก็ลดปริมาณทรัพยากรที่ต้องใช้ประมวลผลลง
ทาง Forth ได้ต่อยอดจากการวิเคราะห์ข้อมูลทั่วๆ ไปมาสู่การใช้ Machine Learning เพื่อทำ Market Segmentation แบ่งกลุ่มฐานลูกค้าและทำการตลาดได้แม่นยำมากขึ้นด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยลง และทำให้ Conversion Rate สูงขึ้น 3 เท่าอีกทั้งลูกค้ายังรู้สึกว่าถูกรบกวนน้อยลงมากด้วย
นอกจากนี้ Forth เองก็ยังมีการทำ Business Dashboard ให้ Partner รายต่างๆ ใช้ เพื่อให้ Partner สามารถวิเคราะห์ข้อมูลธุรกิจร่วมกันได้อย่างรวดเร็วแบบ Real-time ในขณะที่ระหว่างประชุมนั้นก็สามารถคุยกับ Partner เพื่อส่งข้อมูลต่างๆ ให้ได้ทันทีเลย ไม่ต้องสร้าง Todo List เก็บไปเป็นงาน Query ส่งข้อมูลให้ในภายหลังอีกต่อไป และยังสามารถพัฒนา Application ให้ Agent ที่ทำงานด้วยกันสามารถวิเคราะห์ข้อมูลการขายของตนเองได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจอยากรู้จักกับ Oracle Autonomous Data Warehouse เพิ่มเติม สามารถศึกษาข้อมูลได้ที่ https://cloud.oracle.com/datawarehouse