นิภาคลาวด์ (NIPA Cloud) ได้เปิดให้บริการ Public Cloud และ Private Cloud มากว่า 4 ปี โดยมีเป้าหมายหลักคืออยากให้คนไทยเข้าถึงเทคโนโลยีคลาวด์ในราคาที่จับต้องได้ และพึ่งพาเทคโนโลยีต่างชาติให้น้อยที่สุด บริษัทจึงได้คิดค้นทำการวิจัยและพัฒนาระบบคลาวด์ด้วยตนเองจาก OpenStack ซึ่งเป็น Open Source Software ที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้โดยไม่เสียค่าลิขสิทธิ์และมีการใช้งานอย่างแพร่หลายในบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก เพื่อนำมาให้บริการแก่ผู้ที่มีความต้องการใช้งานคลาวด์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลงานที่โดดเด่นของ NIPA Cloud คือการเป็นผู้ติดตั้ง VAYU Cloud ซึ่งเป็น Private Cloud ให้กับธนาคารกรุงไทย (KTBCS) มากถึง 3 Clusters
ในปี 2021 นี้ บริษัทเดินหน้าพัฒนาประสิทธิภาพของ Public Cloud และคุณภาพในการให้บริการอย่างต่อเนื่องเพื่อก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดคลาวด์ในประเทศ ด้วยการเปิดตัว NIPA Enterprise Public Cloud ซึ่งสามารถทลายข้อจำกัดของ Public Cloud วงเดิมในหลายด้าน อาทิ
- รองรับการใช้งาน Multi-site Infrastructure โดยผู้ใช้งานจะสามารถเลือกใช้งานได้ทั้ง 2 Availability Zone ได้แก่กรุงเทพฯ (บางรัก) และนนทบุรี เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการโซลูชัน Disaster Recovery และ High Availability ที่มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในปี 2022 จะมีการเพิ่ม AZ ที่ 3 ที่จังหวัดชลบุรี (ศรีราชา) ซึ่งจะทำให้ธุรกิจของคุณมีความเสถียรมากยิ่งขึ้น
- ได้มีการปรับเปลี่ยนด้าน Network ให้มีการเชื่อมต่อแบบ Layer 3 โดยเป็น BGP Protocol ทั้งหมด ซึ่งสามารถช่วยควบคุมและกระจายทราฟฟิกเพื่อลดการคอขวดที่พบบนการเชื่อมต่อแบบ Layer 2 ได้ และมีการเพิ่มแบนด์วิธภายในสูงถึง 400 Gbps ช่วยให้คุณสามารถส่งต่อข้อมูลได้รวดเร็วมากขึ้นจากเดิมถึง 10 เท่า อีกทั้งมีการนำเทคโนโลยี Tungsten Fabric Networking มาใช้ ซึ่งจะช่วยให้การบริหารจัดการด้าน Network จากส่วนกลาง เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ สามารถรองรับการเชื่อมต่อกับเทคโนโลยี 5G และ IoT ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
- มี Security ที่ดีขึ้นมาก เพราะเราได้เพิ่ม Network Access Control List ภายใน Instance ช่วยให้สามารถเพิ่มลำดับขั้นของการควบคุมการเข้าถึงได้มากขึ้นและยืดหยุ่นกว่า Security Groups ในปัจจุบันซึ่งเป็นแค่ในระดับ Port ของ Instance เท่านั้น
- ขยาย Feature โดยมีการเพิ่มฟีเจอร์ที่สำคัญและเป็นที่ต้องการของผู้ใช้งานเทียบเท่า Global Cloud อาทิเช่น
- Load Balance- as-a-Service (LBaaS) ตัวช่วยในการกระจายทราฟฟิก
- Object Storage การจัดเก็บข้อมูลด้วย Metadata ทำให้สามารถดึงข้อมูลออกมาใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
- Auto Scaling การเพิ่ม-ลด Instance อย่างอัตโนมัติตามจำนวนผู้ใช้งาน
- Container Registry และ Kubernetes ตัวช่วยในการจัดการ Container
- Database-as-a-Service (DBaaS) บริการ Database แบบพร้อมใช้งาน
- VPC Direct Link การนำส่งข้อมูลด้วยเครือข่ายส่วนตัวมายัง NIPA Enterprise Public Cloud เป็นต้น
- พร้อมบริการ Service and Support ด้วยคนไทย 24/7 และให้คำปรึกษาในการย้ายจากระบบอื่น (Migrate) มาใช้ NIPA Enterprise Public Cloud ที่รองรับเรื่องการจัดเก็บข้อมูลของผู้ใช้งานให้สอดคล้องกับกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือ PDPA
- เปลี่ยนแปลงให้ทั้งคลัสเตอร์ NIPA Enterprise Public Cloud เป็นบริการแบบ Dedicated CPU Thread ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานสามารถใช้งาน CPU ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องแชร์ vCPU กับผู้ใช้งานอื่น ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับคลาวด์ระดับโลก
พร้อมกันนี้ NIPA Cloud ได้ผนึกกำลังกับทาง GIGABYTE ในการนำ GIGABYTE R-Series ซึ่งมาพร้อมกับ 2nd Gen AMD EPYC (ROME) โปรเซสเซอร์มาเพิ่มประสิทธิภาพด้านฮาร์ดแวร์ให้กับ NIPA Enterprise Public Cloud ทั้งคลัสเตอร์ โดย GIGABYTE R-Series มีความโดดเด่นหลัก ได้แก่
- จำนวน Core ที่สูงถึง 64 Cores ต่อซ็อกเก็ต ทำให้มีพลังในการประมวลผลสูง ซึ่งจะทำให้คุณสามารถใช้งาน Compute ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
- รองรับ PCIe Gen 4.0 ที่มาพร้อมกับ Bandwidth ถึง 64 GB/s ทำให้มีความเร็วของการสื่อสารภายในสูงเป็นสองเท่าของ PCIe Gen 3.0
- Faster 8 Channel DDR4 Memory Lanes ซึ่งรองรับความเร็วสูงสุดที่ 3,200 MHz ไม่ว่าจะใช้งานในรูปแบบ 8 หรือ 16 DIMM Slots ซึ่งหากเปรียบเทียบฮาร์ดแวร์ของแบรนด์อื่นในรูปแบบ 16 DIMM Slots จะได้ความเร็วสูงสุดเพียง 2,933 MHz เท่านั้น
GIGABYTE R-Series มาพร้อมกับฟีเจอร์มาตรฐานอย่างครบครัน ซึ่งจะช่วยให้การดูแลเครื่องเซิร์ฟเวอร์เป็นไปอย่างมีมาตรฐานและมีประสิทธิภาพ อาทิเช่น Cold Redundancy ในระบบไฟแบบ load sharing ระบบไฟจะทำงานด้วยประสิทธิภาพที่สูงกว่าเมื่อโหลดมากกว่า 40% ดังนั้น ระบบจะปรับ PSU 1 ตัวสู่โหมด Stand by อย่างอัตโนมัติเมื่อโหลดลดลงต่ำกว่า 40% เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบไฟและลดการสูญเสียพลังงานโดยไม่จำเป็น, Smart Crises Management / Protection การปรับเปลี่ยนสู่โหมดประหยัดพลังงานอย่างอัตโนมัติกรณีเกิดเหตุขัดข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้เครื่องหยุดทำงาน, Automatic Fan Speed Control การปรับเปลี่ยนความเร็วพัดลมอย่างอัตโนมัติเมื่อพบอุณหภูมิผิดปกติ รวมถึง GIGABYTE Server Management (GSM) ตัวช่วยในการบริหารจัดการเครื่องเซิร์ฟเวอร์จากศูนย์กลาง ซึ่งจะทำให้ทีม Operation สามารถจัดการเหตุขัดข้องได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
NIPA Enterprise Public Cloud มาพร้อมกับ SLA 99.99% จะเปิดให้บริการแบบ Soft Launch ใน Q3 2021 หลังจากนั้นจะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบใน Q4 2021 โดยการเปิดให้ใช้งานช่วง Soft Launch จะมาพร้อมกับโปรโมชันโดยสามารถใช้งาน Domestic Data Transfer แบบไม่จำกัดโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย พร้อมบริการให้คำปรึกษาในการย้ายมาใช้บริการ NIPA Enterprise Public Cloud ฟรี หากสนใจอยากทดลองใช้งาน สามารถติดต่อและติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่เว็บไซต์ https://www.nipa.cloud/ หรือหากสนใจผลิตภัณฑ์ของ GIGABYTE R-Series https://www.gigabyte.com/TH