มูลนิธิ Mozilla องค์กรไม่แสวงผลกำไรที่รู้จักกันดีในฐานะผู้พัฒนาเบราว์เซอร์ Firefox ได้ประกาศปลดพนักงานจำนวนมากถึงประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์ ส่งผลให้ต้องพับโครงการสนับสนุนต่าง ๆ ตามไปด้วย
การตัดสินใจปลดพนักงานเกือบหนึ่งในสามของมูลนิธิ Mozilla เป็นการตอบสนองต่อความท้าทายด้านการเงินและการแข่งขันที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหัวหน้าฝ่ายสื่อสาร Brandon Borrman ระบุว่าการตัดสินใจนี้เกิดขึ้นเพื่อรับมือกับ “การเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมเข้ามา” แม้ว่า Mozilla จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้พัฒนาเบราว์เซอร์ แต่จริง ๆ แล้วองค์กรมีภารกิจที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น ได้แก่ การสนับสนุนอินเทอร์เน็ตที่เปิดกว้างและเข้าถึงได้สำหรับทุกคน ซึ่งทางองค์กรเองก็ได้ใช้ทรัพยากรจำนวนมากไปกับแคมเปญสนับสนุนนโยบายและการวิจัยด้านความเป็นส่วนตัวรวมถึงโครงการอื่น ๆ เพื่อบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว ทว่าอีเมลที่ Nabhia Syed ผู้อำนวยการมูลนิธิส่งให้พนักงานเพื่อแจ้งประกาศปลดพนักงานเมื่อปลายเดือนที่แล้ว ได้ระบุว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะส่งผลให้โครงการสนับสนุนต่าง ๆ รวมถึงหน่วยงานที่ดูแลโครงการทั่วโลกต้องปิดตัวลง ในขณะที่ Borrman ระบุว่า Mozilla จะยังคงยึดมั่นในภารกิจและงานสนับสนุนอยู่ และองค์กรเพียงแต่ชะลอการทำงานเพื่อปรับตัว มิใช่การยุติถาวรแต่อย่างใด
ความท้าทายด้านการเงินเป็นปัญหาที่ Mozilla เผชิญมานาน โดยมูลนิธิมีรายได้หลักมาจาก Google ซึ่งจ่ายค่าจ้างให้องค์กรตั้งค่า Google เป็นเครื่องมือค้นหาหลักใน Firefox แต่ในขณะเดียวกัน Chrome ของ Google ก็เป็นคู่แข่งของ Firefox เช่นกันและมีส่วนแบ่งตลาดเบราว์เซอร์ที่ใหญ่ยิ่งกว่าอีกด้วย ซึ่งทำให้การพึ่งพาด้านรายได้นี้มีความเสี่ยงสูง โดย Rob Enderle นักวิเคราะห์จาก Enderle Group กล่าวว่า Mozilla จำเป็นที่จะต้องหาวิธีสร้างรายได้ทางเลือกให้ได้ เพราะการพึ่งพา Google เพียงอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอที่จะทำให้ Mozilla อยู่รอดต่อไปได้ในระยะยาว ทั้งนี้ Mozilla Corp. บริษัทลูกของมูลนิธิที่รับผิดชอบการพัฒนา Firefox และผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคต่าง ๆ ได้ประกาศปลดพนักงาน 60 คนไปก่อนหน้านี้แล้วในเดือนกุมภาพันธ์ พร้อมปิดโครงการอย่าง Mastodon รวมถึงโครงการด้าน Virtual Reality เพื่อมุ่งเน้นไปที่ Firefox และการวิจัย AI เท่านั้น
ที่มา: https://siliconangle.com/2024/11/05/mozillas-open-internet-advocacy-efforts-falter-lays-off-30-staff/