JBOD (Just a Bunch of Disks) เป็นสถาปัตยกรรมที่รวมความจุของดิสก์หลายตัวจะถูกวางรวมกันไว้ในโครงสร้างเดียว หรือที่เรียกว่า “สแปนนิ่ง” หรือทำให้สามารถเข้าถึงได้ในรูปแบบฮาร์ดดิสก์ไดรฟ์อิสระ ความจุของดิสก์ทั้งหมดสามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่ ทำให้ JBOD เป็นโซลูชันที่คุ้มค่ากับการลงทุนสำหรับความต้องการพื้นที่จัดเก็บข้อมูลปริมาณสูงระดับเทระไบต์ถึงเพตะไบต์ ซึ่งเหมาะกับองค์กรที่ต้องการวิธีการจัดเก็บข้อมูลภายในที่มีประสิทธิภาพ มีความยืดหยุ่นในขยายตัวสูง มีความพร้อมใช้งานสูง และสามารถกำหนดค่าตามความต้องการได้
Synnex Thailand บริษัทฯ ผู้จัดจําหน่ายผลิตภัณฑ์ประเภทสินค้าเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ต่อพ่วงคอมพิวเตอร์ ซอฟท์แวร์ ระบบสารสนเทศวัสดุสิ้นเปลืองที่ใช้กับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สื่อสารต่าง ๆ ได้พยายามจัดหาแพลตฟอร์ม JBOD เพื่อตอบโจทย์ความต้องการระดับองค์กรที่มีการเติบโตของพื้นที่จัดเก็บข้อมูลอย่างต่อเนื่องและมาจบลงที่ Ultrastar Data60 จาก Western Digital ซึ่งมีความลงมากที่สุดที่จะเข้ามาผสมผสานรวมอยู่ในโซลูชัน Surveillance และ Backup ด้วยความสามารถในการกำหนดค่าแบบกำหนดเองสู่ความยืดหยุ่นช่วยให้องค์กรต่าง ๆ มีการลงทุนอย่างคุ้มค่าในขณะที่ตอบสนองความต้องการที่แน่นอนให้กับองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Ultrastar Data60 เป็น Storage Platform ในกลุ่ม JBOD (Just a Bunch of Disks) หรือ JBOF (Just a Bunch of Flash) ของ Western Digital ซึ่งมีลักษณะหน้าตาเหมือนเซิร์ฟเวอร์ แต่ไม่มีเมนบอร์ดติดตั้งอยู่ภายใน ตัวอุปกรณ์จะประกอบด้วย Storage Back-plane, Hard Drive หรือ SSD Trays และ External SAS Interface เท่านั้น สามารถเชื่อมต่อ Ultrastar Data60 เข้ากับเซิร์ฟเวอร์ประเภทต่าง ๆ ขององค์กร เช่น CCTV Server, File Server, Database Server หรือ Backup/DR Server ได้โดยตรง พร้อมติดตั้ง Hard Drive หรือ SSD เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลได้ตามความต้องการ
“การเชื่อมต่อ JBOD ผ่านอินเตอร์เฟส SAS ทำให้ได้ Bandwidth สูงสุดมากกว่ามาตรฐานอื่น ๆ”
จุดเด่นของ Ultrastar Data60 Hybrid Storage Platform:
Ultrastar Data60 มีจุดเด่นที่ความสามารถในการจัดเก็บข้อมูลปริมาณมหาศาลภายใต้อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ขนาดกระทัดรัด รองรับจัดเก็บข้อมูลได้สูงสุดถึง 1.5PB บนฮาร์ดแวร์ขนาด 4U ฮาร์ดแวร์ดังกล่าวถูกออกแบบโดยใช้นวัตกรรม ArcticFlow และ IsoVibe สำหรับการระบายความร้อนและลดแรงสั่นสะเทือนอันเนื่องมาจากตัวไดรฟ์ที่อยู่ชิดติดกันเป็นจำนวนมาก เพิ่มความเสถียรในการใช้อ่าน/เขียนข้อมูลและประหยัดพลังงานลงได้มหาศาล
-
รองรับความจุรวมสูงสุด 1.56PB
-
รองรับฟอร์มแฟคเตอร์ขนาด 4U
-
รองรับ Ultrastar HDD สูงสุด 60 ตัว (SAS หรือ SATA)
-
รองรับอินเตอร์เฟซ SAS จำนวน 2 พอร์ต และ SATA จำนวน 1 พอร์ต
-
รองรับ PSU, โมดูล I/O และพัดลมแบบ Enterprise hot-swappable
-
รับประกันสินค้า 5 ปี limited warranty
มาพร้อมเทคโนโลยี ArcticFlow และ IsoVibe:
Ultrastar Data60 มุ่งเน้นไปที่การรักษาประสิทธิภาพไว้ได้ทั่วทั้งแพลตฟอร์ม แม้ว่าไดรฟ์ทั้งหมดจะทำงานอย่างหนักก็ตาม ความท้าทายสำคัญของอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลที่มีความหนาแน่นของไดรฟ์สูงคือการระบายความร้อนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยทั่วไปแล้ว ลมเย็นจะถูกส่งเข้ามาภายในอุปกรณ์ผ่านทางเดินลมเย็น (Cold Aisle) ของห้อง Data Center ลมเย็นนี้จะไหลผ่านไดรฟ์ตั้งแต่แถวแรกไปยังแถวสุดท้าย แล้วถูกถ่ายเทออกไปยังทางเดินลมร้อน (Hot Aisle) เพื่อระบายความร้อน อย่างไรก็ตาม เมื่อลมเย็นไหลผ่านไดรฟ์ในแต่ละแถว อุณหภูมิของลมจะค่อย ๆ สูงขึ้นเรื่อย ๆ ส่งผลให้ไดรฟ์ที่อยู่ใกล้กับทางเดินลมเย็นจะมีประสิทธิภาพในการระบายความร้อนที่ดี ในขณะที่ไดรฟ์ที่อยู่ใกล้กับทางเดินลมร้อนจะระบายความร้อนออกไปได้ไม่ค่อยดีนัก
-
IsoVibe™ Vibration Isolation Technology – มีระบบกันสะเทือนสำหรับไดรฟ์ในแชสซี เพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่สม่ำเสมออยู่ตลอดเวลา แม้ว่าไดรฟ์ทั้งหมดจะทำงานอย่างหนักก็ตาม
-
ArcticFlow™ Thermal Zone Cooling Technology – เทคโนโลยีระบายความร้อน ด้วยการนำอากาศเย็นเข้าสู่ศูนย์กลางของแชสซี ไดรฟ์จึงทำงานที่อุณหภูมิต่ำและสม่ำเสมอมากกว่าระบบทั่วไป ส่งผลให้การทำงานพัดลมใช้ความเร็วที่ลดลง การสั่นสะเทือนลดลง การใช้พลังงานน้อยลง การทำงานเงียบขึ้น และมีความน่าเชื่อถือในระดับสูง
-
Western Digital Resource Manager – การบริหารจัดการผ่าน GUI ช่วยให้สามารถตรวจสอบและจัดการแพลตฟอร์มได้แบบเรียลไทม์ และมอบแดชบอร์ดรวมที่แสดงข้อมูลที่สำคัญที่สุด มุมมองอื่นๆ ช่วยให้สามารถกำหนดค่าแพลตฟอร์ม การตรวจสอบสภาพ และการบำรุงรักษา
ด้วยเทคโนโลยี ArcticFlow ของ Western Digital อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลจะถูกแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ โซนไดรฟ์ด้านหน้าและโซนไดรฟ์ด้านหลัง โซนไดรฟ์ด้านหน้าจะระบายความร้อนโดยใช้ลมเย็นจากทางเดินลมเย็นเหมือนปกติ แต่ลมที่ผ่านโซนไดรฟ์ด้านหน้าจนอุ่นแล้วจะถูกระบายออกไปยังทางเดินลมร้อนโดยตรงผ่านทางด้านข้างของโซนไดรฟ์ด้านหลังทันที ในขณะเดียวกัน ลมเย็นจากทางเดินลมเย็นจะถูกชักนำเข้ามายังตรงกลางของอุปกรณ์โดยตรง แล้วกระจายไปยังโซนไดรฟ์ด้านหลังเพื่อระบายความร้อนออกสู่ทางเดินลมร้อน
อีกหนึ่งนวัตกรรมที่สำคัญของ Western Digital บน Ultrastar Data60 คือ IsoVibe ซึ่งเป็นการตัดแผงวรจรแยกสำหรับไดรฟ์อย่างแม่นยำ ช่วยลดการถ่ายเทแรงสั่นสะเทือนจากตัวไดรฟ์หนึ่งไปอีกไดรฟ์หนึ่งได้เป็นอย่างดี ในขณะที่พัดลมสำหรับระบายความร้อนก็ถูกออกแบบมาเพื่อลดการสั่นสะเทือนและสัญญาณรบกวนอันเนื่องมาจากการทำงานและเสียงให้เหลือน้อยที่สุด
เทคโนโลยี IsoVibe นี้ช่วยลดการสสั่นสะเทือนจากการหมุนของตัวไดรฟ์ลงได้มากกว่า 60% ส่งผลให้ตำแหน่งของหัวอ่าน/เขียนข้อมูลมีความผิดพลาดลดลงถึง 24% เมื่อเทียบกับอุปกรณ์จัดเก็บข้อมูลยี่ห้ออื่น ๆ
Ultrastar Data60 เหมาะกับเวิร์กโหลดงานประเภทใดบ้าง:
Ultrastar Data60 เป็น Storage Platform ที่ถูกออกแบบมาสำหรับเป็นหัวใจสำคัญของ Software-defined Storage (SDS) ยุคใหม่ ด้วยฟอร์มแฟกเตอร์ขนาดกะทัดรัดแต่อัดแน่นด้วยประสิทธิภาพการจัดเก็บข้อมูล ทั้งยังมาพร้อมกับนวัตกรรม ArcticFlow และ IsoVibe ทำให้หลายองค์กรทั่วโลกต่างเลือกใช้ Ultrastar Data60 มาเป็นส่วนหนึ่งของ Data Center และระบบ Cloud ของตน
Ultrastar Data60 รองรับการใช้งานทั้งแบบ Hybrid ที่ผสานการทำงานร่วมกันระหว่าง Hard Drive และ SSD เพื่อความสมดุลในส่วนของความจุข้อมูล ประสิทธิภาพ และการลงทุน หรือ All Flash ซึ่งประกอบด้วย SSD ล้วนสำหรับการใช้งานที่ต้องการ IOPS สูงและ Latency ต่ำ เหมาะสำหรับการใช้งานบนระบบ Software-defined Storage, Private Cloud, Big Data Analytics และ Cloud Infrastructure
ตอบโจทย์การเก็บข้อมูลระดับ Big Data สำหรับ Surveillance และ Backup
Western Digital ได้นำเสนอโซลูชัน JBOD ผ่านผลิตภัณฑ์ Ultrastar Data60 เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพขั้นสูงสุดให้กับเวิร์คโหลดและทำให้เข้าถึงไฟล์วิดีโอได้อย่างรวดเร็ว ด้วยโครงสร้างพื้นฐานด้านการจัดเก็บข้อมูลที่มีประสิทธิภาพคุ้มค่าต่อการนำมาใช้รองรับความต้องการจัดเก็บข้อมูลในปัจจุบัน มีความยืดหยุ่นช่วยรองรับการอัปเกรดเพิ่มความจุหรือประสิทธิภาพที่สูงขึ้น ในราคาการลงทุนที่คุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็นระบบ CCTV, Backup & DR, Software-defined Storage, Big Data, Private Cloud, Data Analytics และ Virtualization ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรทุกระดับ
Ultrastar Data60 เป็นฟอร์มแฟคเตอร์ขนาด 4U JBOD ได้รับการออกแบบส่วนขยายแบบเรียงซ้อนกัน เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับไดรฟ์ทั้งหมด 60 ตัว ตัวขยายหลัก 48 พอร์ตเชื่อมต่อกับพอร์ตโฮสต์ 6 พอร์ต มี 3 ลิงก์ ไปยัง IOM อื่นสำหรับการสื่อสารและการซิงค์ IOM-IOM และยังมี SAS จำนวน 10 ไปยังส่วนขยายรองแต่ละตัว จากนั้นตัวขยายรองหนึ่งตัวจะเชื่อมต่อกับไดรฟ์ 51 ตัว ในขณะที่อีกตัวหนึ่งจะเชื่อมต่อกับไดรฟ์ 9 ตัว
ภาพ Diagram ข้านบนแสดงให้เห็นบทบาทของ Ultrastar Data60 โดย Synnex Thailand ซึ่งประกอบด้วย IP Camera, Network Switch, Server และ Ultrastar Data60 (JBOD)
Ultratar Data60 ออกแบบมาให้พอดีกับพื้นที่ชั้นวางแบบ 4U และต้องใช้พื้นที่ชั้นวางที่ใช้งานได้ 900 มม. (35.43 นิ้ว) แบบเฟรมต่อเฟรม เมื่อโหลดไดร์ฟเต็มระบบจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 79.4 กก. หรือ 175 ปอนด์ ข้อมูลในส่วนนี้สำคัญต่อการออกแบบพื้นที่สำหรับติดตั้ง หรือถ้าองค์กรใดไม่มั่นใจสามารถใช้บริการทีมวิศวกรจาก Synnex Thailand เข้าไปทำการสำรวจพื้นที่ที่เหมาะสมได้เช่นกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าซื้อไปแล้วสามารถใช้งานได้จริง
Ref:Exacq Technologies | IP Video Surveillance Solutions for Windows, Mac, Linux, iPhone, mobile
สำหรับในการออกแบบ Ultrastar Data60 ในโซลูชัน Surveillance ทางทีมวิศวกรด้านผลิตภัณฑ์ของ Synnex ได้จำลองโซลูชันที่ถูกทดสอบการทำงานจริงแล้ว โดยการนำอุปกรณ์กล้อง IP Camara เชื่อมต่อผ่านระบบ Network ซึ่งประกอบด้วย Switch และ Server ในรุ่นที่รองรับอินเตอร์เฟส SAS เพื่อให้สามารถเชื่อมต่อร่วมกับ Ultrastar Data60 เพื่อใช้จุดเด่นของ SAS Interface สำหรับความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูลสูงสุด 12 Gbit/s ทำให้โซลูชันนี้ สามารถเข้าถึงข้อมูลของ Surveillance และ Backup ระดับ Big Data ได้อย่างรวดเร็ว และยังตอบโจทย์การขยายตัวของธุรกิจในอนาคตได้คุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด
จุดเด่นของ JBOD Backup Solution คือ สามารถเพิ่มไดรฟ์ใหม่ได้ในภายหลังโดยไม่จำเป็นต้องฟอร์แมตใหม่ ซึ่งการทำเช่นนี้ไม่ได้เพิ่มความเร็วหรือความซ้ำซ้อน แต่จะช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียข้อมูลบนไดรฟ์ที่ล้มเหลว แทนที่จะสูญเสียทุกอย่างในอาเรย์ นอกจากนี้ ยังสามารถเปลี่ยนไดรฟ์ได้อย่างง่ายดายเพื่อเพิ่มความจุให้ระบบมองเห็นไดร์ฟที่ใหญ่ขึ้นเพียงไดร์ฟเดียวเท่านั้น
การใช้งาน JBOD ในโซลูชัน Backup Data ยึดหลักการเดียวกับโซลูชัน Surveillance ซึ่ง JBOD มักถูกใช้จัดเก็บและสำรองข้อมูลในสถานการณ์ที่พบบ่อยที่สุด คือ
- การจัดเก็บข้อมูลถาวรระยะยาว เช่น 3 – 5 ปี หรือหลัก 10 ปีขึ้นไป
- การจัดเก็บข้อมูลกล้องวงจรปิด
- การจัดเก็บข้อมูลสื่อที่มีขนาดใหญ่ เช่น Video Streaming หรือ Video Creator เป็นต้น
- การจัดเก็บข้อมูลระยะสั้นเพื่อปรับให้เป็นข้อมูลที่เหมาะสมสำหรับการจัดเก็บข้อมูลถาวร
- การเก็บข้อมูลจำนวนมากในระดับเทระไบต์ถึงเพตะไบต์
- การเขียนข้อมูลลงพื้นที่จัดเก็บข้อมูลอย่างรวดเร็ว
- ข้อมูลมีความพร้อมใช้งานสูง
ประโยชน์ที่ได้จาก Western Digital JBOD Ultrastar Data60 :
- หลีกเลี่ยงการสิ้นเปลืองโดยการผสมผสานใช้งานไดรฟ์ที่มีขนาดแตกต่างกันจะส่งผลให้เปลืองพื้นที่และไม่ได้ใช้งานสำหรับไดรฟ์ที่มีความจุมากขึ้น
- ประหยัดและคุ้มค่ากับการลงทุน
- การปรับขนาดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เป็นอิสระ
- ลดความซับซ้อนของไดรฟ์ภายนอกจำนวนหลายตัว
- รองรับช่องใส่ไดรฟ์แบบ Hot-swappable
- ให้การอ่านและเขียนที่รวดเร็ว
- สามารถเพิ่มพื้นที่จัดเก็บข้อมูลในระบบได้อย่างง่ายดาย
- ผสานรวมการเชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ที่มีอยู่หรือเซิร์ฟเวอร์ใหม่ เพียงแค่เพิ่มอินเตอร์เฟส SAS
- ข้อมูลมีความพร้อมใช้งานสูง
- ได้รับประกันนาน 5 ปี จาก Western Digital
การเลือกใช้เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูลที่เหมาะสมกับองค์กร ไม่ว่าจะเป็น Surveillance, Video Streaming, Database Server และ Backup Data นอกจากจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า จะต้องมีความเชื่อถือได้ และมีความยืดหยุ่นสำหรับการขยายตัวเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจได้ด้วย ซึ่ง Ultrastar Data60 จาก Western Digital เป็นเทคโนโลยี JBOD ที่มีความทันสมัยมากที่สุดรุ่นหนึ่ง หากองค์กรใดสนใจและต้องการข้อมูลเพิ่มเติมทั้งเรื่องผลิตภัณฑ์ โซลูชัน รวมไปถึงการขอคำปรึกษาอื่น ๆ เกี่ยวกับแผนการออกแบบพื้นที่จัดเก็บข้อมูล สามารถติดต่อได้ทันทีที่
บริษัท ซินเน็ค (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
433 ถนนสุคนธสวัสดิ์ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230
โทรศัพท์ (Synnex Hotline): 1251 #3 ติดต่อ Technical Engineer
อีเมล์: callcenter@synnex.co.th