
International Workplace Group (IWG) ผู้ให้บริการโซลูชันการทำงานแบบ Hybrid ที่สุดในโลก เมื่อวานนี้ภายในงานแถลงข่าวได้ประกาศขยายพื้นที่ทำงาน Flexible Workplace หรือ Coworking Space เพิ่มเติมอีก 12 แห่งทั่วประเทศไทย เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำเทรนด์การทำงาน Hybrid Workของไทย และพร้อมตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรทุกขนาดที่ต้องการพื้นที่ทำงานที่ “ยืดหยุ่น”
IWG ผู้ให้บริการ Coworking Space ในไทยตั้งแต่วิกฤตต้มยำกุ้ง

IWG คือผู้นำโซลูชันการทำงานแบบ Hybrid Work และแบรนด์พื้นที่ทำงาน Coworking Space ที่เป็นลักษณะ Flexible Workspace ระดับโลก โดยมีเครือข่ายของ IWG ที่ให้บริการครอบคลุมมากกว่า 4,000 แห่งทั่วโลกใน 120 ประเทศ ซึ่งมีองค์กรใน Fortune 500 ถึง 83% ใช้บริการ เพื่อสนับสนุนการเทรนด์การทำงานที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังการแพร่ระบาดของ COVID-19

ในส่วนบริบทของประเทศไทย ทาง IWG มีพื้นที่ให้บริการแล้วในประเทศไทยถึง 47 สาขาผ่านแบรนด์ต่าง ๆ ทั้งแบรนด์ Spaces, Regus และ HQ ซึ่งมีพื้นที่ให้บริการในประเทศไทยมากว่า 25 ปีแล้วตั้งแต่ช่วงวิกฤตต้มยำกุ้ง

“83% ของบริษัทที่อยู่ใน Fortune 500 คือลูกค้าของเราในทุก ๆ พื้นที่” คุณ Lars Wittig, Senior VP APAC North แห่ง IWG กล่าว “ถ้าหากใครเป็นสมาชิก IWG แล้ว ก็จะสามารถใช้งานได้ในทุกพื้นที่ ทั้งในไทยและในต่างประเทศ”
ความไม่แน่นอนจาก COVID-19 และ AI ทำให้องค์กรต้องการพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่น
ผู้บริหาร IWG ได้ชี้ให้เห็นว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์แพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 สิ่งที่เกิดขึ้นได้ส่งผลให้แนวคิดขององค์กรหลาย ๆ แห่งเริ่มต้องการ “ความยืดหยุ่น” ในหลาย ๆ เรื่องมากขึ้น รวมทั้งเรื่อง “สถานที่ทำงาน” ที่เห็นได้ชัดเจนว่าพนักงานรุ่นใหม่ต้องการทำงานแบบ Hybrid Work มากขึ้น

ประกอบกับการมาถึงของ AI ที่ยิ่งทำให้ “สิ่งที่ยังไม่รู้ (Unknown)” อาจเกิดขึ้นมาได้อีกมากมาย หลายธุรกิจเริ่มกังวลถึงความไม่แน่นอนที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เพราะไม่แน่ว่า AI อาจจะมาแทนที่จนทำให้อุตสาหกรรมหายไป หรือว่าอาจจะทำให้องค์กรยิ่งใหญ่ขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดภายในเวลาหลังจากนี้

นั่นส่งผลให้องค์กรเริ่มพิจารณาถึงพื้นที่ทำงานที่อาจจะไม่จำเป็นต้องเป็น Headquarter หรือสำนักงานใหญ่ที่มีพื้นที่กว้าง ห้องทำงานมากมายในหลายชั้น หรือเป็นอาคารขนาดใหญ่ แต่ต้องการพื้นที่ที่ “ยืดหยุ่น” ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่าย สนับสนุนการทำงานของคนยุคใหม่ที่ต้องการทำงานที่ไหนก็ได้ เมื่อไหร่ก็ได้ ในโลกใบนี้

IWG ตอกย้ำประเทศไทยคือผู้นำเทรนด์ Hybrid Work
ภายในงานแถลงข่าว ผู้บริหาร IWG ยังได้ตอกย้ำถึงการเป็นผู้นำเทรนด์ Hybrid Work ของประเทศไทยที่ยังคงมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายในสิ้นปีนี้ ผู้บริหาร IWG ได้ยืนยันแล้วว่าปัจจุบันมีพื้นที่ให้บริการในไทยแล้วถึง 47 สาขา จะสามารถขยายไปได้ถึง 57 สาขา ซึ่งอาจจะขยายเพิ่มเติมไปถึง 60 สาขาได้เลยอีกด้วย


“กลยุทธ์การโตของเราจะไม่ได้เป็นในบริเวณ CBD อย่างเดียวแล้ว แต่กำลังมองหาพาร์ตเนอร์ทั้ง Tier 1 และ Tier 2 ในไทย ซึ่ง Location จะไม่ได้จำกัดแค่เฉพาะตึกอาคารสำนักงานอีกต่อไปแล้ว แต่อาจจะเปิดบนตึก Standalone แบบ Low Rise เป็นต้น” คุณธิติวัฒน์ ธนาพรนิธินันท์ ผู้จัดการประเทศไทย International Workplace Group (IWG) กล่าว
นอกจากนี้ คุณธิติวัฒน์ยังแชร์ภาพรวมตลาดให้เห็นด้วยว่าความต้องการของพื้นที่ Flexible Workplace ในประเทศไทยนั้นยังคงเพิ่มขึ้น ดังจะเห็นได้ว่าปัจจุบันยังคงมีอาคารสำนักงานใหม่หรือการปรับปรุงอาคารเก่าเกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาคารเหล่านั้นล้วนต้องการพื้นที่ส่วนหนึ่งให้เป็น Flexbile Workplace ประกอบกับองค์กรต้องพร้อมสนับสนุนพนักงานยุคใหม่มากขึ้นด้วย จึงทำให้พื้นที่ Coworking Space จึงเป็นที่ต้องการจากทั้งฝั่ง Demand และ Supply
“ทุกตึกทุกรูปแบบ เราสามารถเข้าไป Fit In ได้ นี่คือกลยุทธ์ในการเติบโตของเรา” คุณธิติวัฒน์ กล่าวเสริม
เปิดตัวสาขาใหม่ในไทยอีก 12 แห่งทั่วประเทศ
ล่าสุดจากงานแถลงข่าวเมื่อวานนี้ IWG ได้ประกาศเปิดตัวพื้นที่ใหม่อีก 12 แห่งในกรุงเทพมหานคร ภูเก็ต ชลบุรี พัทยา และระยอง ได้แก่
- รีจัส กะตะธานี บิลดิง ภูเก็ต
- รีจัส สุภาลัย ไอคอน กรุงเทพฯ
- รีจัส รสา วัน ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ
- รีจัส เจพาร์ค นิฮอน มูระ ชลบุรี
- รีจัส ไบรท์ตัน แกรนด์ พัทยา
- รีจัส สตาร์ ไอที เซ็นเตอร์ ระยอง
- สเปซเซส สุทธิ บิลดิง กรุงเทพฯ
- สเปซเซส วานิช เพลซ อารีย์
- สเปซเซส คิงบริดจ์ ทาวเวอร์
- เอชคิว เอส.พี บิลดิง กรุงเทพฯ
- เอชคิว เสริมมิตร ทาวเวอร์ กรุงเทพฯ
- เอชคิว โอเอสซี บิลดิง สมุทรปราการ
โดย IWG คาดว่าสาขาเหล่านี้จะเริ่มเปิดให้บริการในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคม 2025 นี้


บทส่งท้าย
เทรนด์การทำงาน Hybrid Work คืออีกสิ่งหนึ่งที่องค์กรธุรกิจอาจจะต้องพิจารณา เพราะนอกจากเรื่องความต้องการของพนักงานยุคใหม่แล้ว ยังมีเรื่องของสิ่งแวดล้อมที่อาจจะทำให้ช่วยลดมลพิษจากการเดินทางไปได้ไม่มากก็น้อย ซึ่ง IWG เผยว่าเป็น Carbon Neutral Workspaces อีกด้วย สำหรับผู้ที่สนใจใช้บริการพื้นที่ของทาง IWG สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้บนเว็บไซต์ IWG