Forcepoint (Raytheon + Websense) ผู้ให้บริการโซลูชันด้าน Cyber Security แบบครบวงจร เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ระบุ พร้อมตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าในประเทศไทยตั้งแต่ระดับ SME ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ ตอบรับกระแสการทำเทคโนโลยีเข้ามาสนับสนุนธุรกิจในองค์กรหรือ Digital Transfromation
Forcepoint ไม่ใช่บริษัทใหม่ ให้บริการโซลูชันด้าน Security มานานกว่า 20 ปี
Forcepoint ดั้งเดิมคือการรวมกันของ 2 บริษัท คือ Raytheon ผู้ให้บริการโซลูชันทางการทหารรวมไปถึง Security Intelligence ระดับใช้งานในกองทัพและ Websense ผู้ให้บริการ Content Security และ DLP ชั้นนำของโลกมานานกว่า 20 ปี กลายเป็น Raytheon|Websense จากนั้น ได้เข้าซื้อกิจการของ Stonesoft ผู้ผลิต Next-generation Firewall ชื่อดัง แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น Forcepoint เมื่อวันที่ 14 มกราคมที่ผ่านมา
จะเห็นว่า Forcepoint ไม่ใช่บริษัทด้าน Security น้องใหม่ที่เเพิ่งปรากฏโฉม แต่เป็นบริษัทที่เกิดจากความร่วมมือกันของบริษัทชั้นนำที่มีชื่อเสียงระดับโลกมารวมตัวเพื่อให้บริการโซลูชันด้าน Cyber Security แบบครบวงจร ปัจจุบันนี้ Forcepoint มีฐานลูกค้ามากกว่า 20,000 องค์กรกระจายอยู่กว่า 155 ประเทศทั่วโลก มีศูนย์ Data Center กว่า 20 แห่งและพาร์ทเนอร์กว่า 2,000 ราย
Digital Transformation เทคโนโลยีก้าวหน้า ภัยคุกคามก้าวตาม
ปัจจุบันนี้ กระแส Digital Transformation กำลังมาแรง คือ เป็นการเปลี่ยนแปลงที่นำเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์เข้ามาใช้เพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจที่มีอยู่และเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ให้แก่องค์กร ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบ Cloud, BYOD หรือ Internet of Things สิ่งที่ตามมากับเทคโนโลยีเหล่านี้ คือ ช่องทางใหม่ๆ ที่แฮ็คเกอร์สามารถใช้โจมตีได้มากยิ่งขึ้น คำถามคือ เราจะทำอย่างไรเพื่อให้สามารถควบคุมเทคโนโลยีเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงและป้องกันภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้น รวมไปถึงลดระยะเวลาในการตอบสนองต่อภัยคุกคามและจำกัดความเสียหายไม่ให้แพร่กระจายไปสู่วงกว้าง
เทคโนโลยี 4D ครอบคลุม Cyber Security แบบครบวงจร
เพื่อปกป้องระบบขององค์กรในยุคดิจิทัลให้พร้อมรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Advanced Malware, Unknown Threats หรือ Zero-day Exploits ภายในแนวคิด “Forward without Fear” ทาง Forcepoint ได้นำเสนอโมเดลที่เรียกว่า 4D Security สำหรับรับมือกับภัยคุกคามตั้งแต่ก่อนเริ่มโจมตี ระหว่างโจมตี และหลังโจมตีสำเร็จ เพื่อให้องค์กรสามารถป้องกัน ตรวจจับ และตอบสนองต่อภัยคุกคามทุกชนิดได้อย่างทันท่วงทีและแม่นยำ 4D Secuirity ประกอบด้วย
- Defend – ป้องกันผู้ใช้ ข้อมูล และระบบขององค์กร ไม่ว่าจะเป็นระบบภายในองค์กรหรือระบบ Cloud
- Detect – ระบุและตรวจจับการเจาะระบบที่เกิดจากคนภายใน (ทั้งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม) และจากผู้ไม่ประสงค์ดีภายนอก
- Decide – รวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากทั้งระบบเครือข่าย เพื่อช่วยให้สามารถตัดสินเหตุการณ์ผิดปกติได้อย่างแม่นยำ และสามารถแจ้งเตือนผู้ดูแลระบบได้อย่างรวดเร็ว
- Defeat – กักกันไม่ให้เกิดการแพร่กระจายของภัยคุกคาม และทำการฟื้นฟูระบบให้กลับสู่สภาพเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
Content, Insider, Cloud, Network 4 เสาหลักด้านความมั่นคงปลอดภัย
เพื่อตอบรับกับโมเดล 4D Security ที่กล่าวไปด้านบน Forcepoint ได้นำเสนอ Unified, Cloud Centric Security Platform สำหรับคุ้มครองผู้ใช้ ข้อมูล และระบบขององค์กร ประกอบเสาหลักสำคัญ 4 ประการ คือ
- Content Security – ช่วยให้พนักงานในองค์กรสามารถติดต่อสื่อสารผ่านอีเมลและเว็บไซต์ได้อย่างปลอดภัย และไม่ตกเป็นเป้าโจมตีของแฮ็คเกอร์ เช่น Phishing นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับโซลูชัน Data Loss Prevention (DLP) เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ข้อมูลที่สำคัญขององค์กรจะไม่หลุดรอดออกไปยังในที่ที่ไม่ควร ที่สำคัญคือ DLP ของ Forcepoint รองรับการทำงานร่วมกับ Office 365 อย่างสมบูรณ์
- Insider Threat Data Protection – ช่วยให้ผู้ดูแลระบบ IT สามารถติดตามและวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งานของพนักงานภายในองค์กร เนื่องจากพนักงานอาจกลายเป็นภัยคุกคามภายในที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงหรือช่องโหว่ต่อระบบโดยไม่รู้ตัว (หรืออาจจะรู้ตัว) ได้ เมื่อ Forcepoint ค้นพบสัญญาญความผิดปกติ จะแจ้งเตือนให้ผู้ดูแลระบบทราบทันที และป้องกันไม่ให้ข้อมูลสำคัญต่างๆ ถูกเคลื่อนย้ายไปมาโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ นอกจากนี้ยังสามารถอัดวิดีโอและดูเหตุการณ์ที่ผิดปกติย้อนหลังของผู้ใช้ที่สนใจเพื่อประกอบการตัดสินใจได้
- Security for Cloud – ให้บริการความมั่นคงปลอดภัยบนระบบ Cloud เช่น Microsoft Office 365 ซึ่ง Cloud ของ Forcepoint ผ่านมาตรฐาน ISO 27001 และ CSA-STAR ซึ่งช่วยการันตีความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูล นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหา Shadow IT คือ สามารถตรวจจับการใช้งาน Cloud Apps ที่ไม่อนุญาตให้ใช้งาน รวมไปถึงป้องกันข้อมูลความลับขององค์กรไม่ให้รั่วไหลไปสู่ภายนอกได้ Forcepoint ยังมีระบบตรวจจับการโจมตีแบบ Zero-day บน Cloud และระบบตรวจจับภัยคุกคามที่ออกแบบมาสำหรับระบบปฏิบัติการ Linux โดยเฉพาะอีกด้วย
- Network Security – ให้บริการ Next-generation Firewall หนึ่งในองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของระบบ Security ซึ่งช่วยควบคุมการใช้งานแอพพลิเคชันต่างๆ การตรวจจับและป้องกันภัยคุกคาม รวมไปถึงการทำ VPN ทั้งสำนักงานใหญ่และสำนักงานสาขาทั่วโลกได้อย่างรวมศูนย์
นอกจากเสาหลักด้านความมั่นคงปลอดภัยทั้ง 4 นี้แล้ว Forcepoint ยังมีระบบให้การสนับสนุนเพื่อตรวจจับและรับมือกับภัยคุกคามแบบ Unknown Malware และ Zero-day Exploits ได้แก่
- ThreatSeeker Intelligence Cloud – ระบบ Threat Intelligence ของ Forcepoint ที่ทำงานร่วมกับ Facebook โดยรวบรวมข้อมูลภัยคุกคามรูปแบบใหม่ๆ จากทั่วทุกมุมโลกส่งมาอัพเดทให้แพลทฟอร์มของ Forcepoint ตลอดเวลา เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผู้ใช้บริการของ Forcepoint จะได้รับการคุ้มครองจากภัยคุกคามรูปแบบใหม่ล่าสุดอยู่เสมอ
- ACE Security Services – ย่อมาจาก Advanced Classification Engine ทำหน้าที่วิเคราะห์ภัยคุกคามและข้อมูลด้านความมั่นคงปลอดภัยแบบเรียลไทม์กว่า 10,000 รูปแบบ ประกอบด้วยเทคนิคการตรวจจับมัลแวร์ 3 เทคนิค ได้แก่ AV Engine, Heuristice Analysis Engine และ Malicioud PDF Engine สำหรับวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผิดปกติต่างๆ เพื่อตรวจจับ Unknown Malware และ Zero-day Exploits
จะเห็นว่า Forcepoint พร้อมให้บริการทุกโซลูชันด้าน Cyber Security เพื่อคุ้มครองผู้ใช้ ข้อมูล และระบบขององค์กร รวมไปถึงระบบ Cloud ด้วยประสบการณ์อันยาวนานของ Raytheon, Websense และ Stonesoft ทำให้ผู้ใช้บริการของ Forcepoint สามารถมั่นใจได้ว่าระบบของตนเองจะได้รับการป้องกันภัยคุกคามด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุด ผู้ที่สนใจโซลูชันของ Forcepoint สามารถติดต่อได้ที่ทีมงาน Forcepoint ประเทศไทย