ปัจจุบันองค์กรหลายแห่งกำลังปรับใช้กลยุทธ์มัลติคลาวด์เพื่อให้สามารถใช้งานแพลตฟอร์มคลาวด์ได้หลายแพลตฟอร์ม สำหรับรองรับปริมาณงานที่หลากหลายประเภททั้งใน SaaS และในองค์กร ซึ่งแต่ละประเภทงานย่อมต้องการสมรรถนะและระดับบริการที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปนั้น การเชื่อมโยงผู้ใช้งานในสำนักงานสาขาเข้ากับแอปพลิเคชันที่โฮสต์ไว้บนคลาวด์จำเป็นต้องส่งต่อทราฟฟิกไปยัง Data Center ของบริษัทผ่านทางโครงสร้างพื้นฐาน WAN เดิมที่ใช้งานอยู่ ซึ่งประกอบด้วยเราเตอร์ที่ส่งข้อมูลผ่านเครือข่าย MPLS ส่วนตัวของบริษัท สถาปัตยกรรมที่ใช้เราเตอร์แบบเดิมนี้ด้อยประสิทธิภาพการทำงานและไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของบริษัทสมัยใหม่ในปัจจุบันที่เน้นระบบคลาวด์เป็นหลัก
แล้วแพลตฟอร์ม SD-WAN ทุกแพลตฟอร์มช่วยให้มั่นใจได้หรือไม่ว่า แอปพลิเคชันที่โฮสต์บนคลาวด์จะทำงานได้เต็มที่บนเครือข่ายใดๆ โดยไม่ลดทอนประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ปลายทาง ก่อนที่เราจะเจาะลึกลงไปถึงความต้องการของแพลตฟอร์ม SD-WAN และมัลติคลาวด์ มาดูกันก่อนว่า ตัวขับเคลื่อนทางด้านไอทีแบบมัลติคลาวด์ที่สำคัญๆ มีคุณสมบัติอะไรบ้าง
- ช่วยให้มั่นใจถึงความต่อเนื่องในการใช้งานและความน่าเชื่อถือของแอปพลิเคชันได้ดียิ่งขึ้น ถึงแม้ว่าผู้ให้บริการคลาวด์รายหนึ่งจะเกิดปัญหาจนบริการหยุดชะงัก แอปพลิเคชันก็ยังคงสามารถให้บริการผ่านคลาวด์อื่นได้
- ดำเนินการให้สอดคล้องกับกฎระเบียบและข้อบังคับ ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถรักษาความถูกต้องของข้อมูลบนแอปพลิเคชันภายในภูมิภาคนั้นๆ ตามหลักกฎหมายท้องถิ่นได้
- สามารถใช้จุดเด่นเฉพาะตัวของคลาวด์แต่ละประเภทให้เกิดประโยชน์ เช่น Google Cloud Platform ที่มีจุดแข็งด้าน Machine Learning หรือ Microsoft Azure ที่ใช้งานกับ Office 365 และ Microsoft Databases ได้อย่างไร้รอยต่อ
- ลดค่าใช้จ่ายในการลงทุน (CAPEX) สำหรับโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที
- เพิ่มความคล่องตัวในการเริ่มใช้งานและเชื่อมต่อผู้ใช้ในองค์กรเข้ากับแอปพลิเคชันใหม่ๆ
ภาพด้านล่างแสดงถึงผลประโยชน์ที่สำคัญที่สุดในการใช้มัลติคลาวด์โดยเก็บข้อมูลจาก CIO 400 คน (อ้างอิง Propeller Insights)
ฝ่ายไอทีต้องสร้างความมั่นใจว่า ผู้ใช้ปลายทางที่เข้าถึงแอปพลิเคชันคลาวด์จะได้รับประสบการณ์การใช้งานที่มีคุณภาพเยี่ยมและเสมอต้นเสมอปลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจากภายในสำนักงาน สาขา หรือสถานที่อื่นๆ ของบริษัทที่อยู่ห่างไกล
มีอะไรบ้างที่เป็นความต้องการด้านระบบที่สำคัญๆ ของแพลตฟอร์ม SD-WAN ที่ช่วยให้ฝ่ายไอทีดำเนินการติดตั้งใช้งานมัลติคลาวด์ตรงตามวัตถุประสงค์การใช้งาน และยังช่วยให้ผู้ใช้ปลายทางสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันมัลติคลาวด์ได้โดยตรงอย่างมั่นคงปลอดภัยในทุกๆ ที่
ความต้องการของระบบมัลติคลาวด์สำหรับแพลตฟอร์ม SD-WAN ที่สำคัญมากที่สุด มี 3 ข้อ ดังนี้
- เชื่อมต่อมัลติคลาวด์ของสาขาแบบอัตโนมัติ เพื่อขยายการใช้งานแอปพลิเคชันไปยังผู้ให้บริการคลาวด์หลายราย โดยสามารถเลือกผู้ให้บริการคลาวด์ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแอปพลิเคชันได้อย่างยืดหยุ่น
- รับประกันประสิทธิภาพการทำงานที่สม่ำเสมอของแอปพลิเคชันทางธุรกิจจากการใช้นโยบายด้านความมั่นคงปลอดภัยและ QoS ที่สามารถกำหนดได้ลึกถึงรายละเอียด โดยอิงตามประเภทผู้ใช้หรือกลุ่มผู้ใช้ซึ่งถูกจัดลำดับสำคัญโดยแอปพลิเคชัน
- รองรับการเข้าถึงแอปพลิเคชันขององค์กรที่โฮสต์ผ่านผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะชั้นนำทั้งสี่ราย
แพลตฟอร์ม Unity EdgeConnect™ SD-WAN Edge ของ Silver Peak เป็นโซลูชันที่เหมาะสมในการรับมือความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการส่งต่อทราฟฟิกผ่านคลาวด์จากสาขาไปยัง Data Center ซึ่งช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อแบนด์วิดท์จาก Data Center ไปยังผู้ให้บริการคลาวด์ รวมถึงลดความหน่วงเวลา (Latency) ด้วยการเชื่อมต่อคลาวด์กับสาขาได้โดยตรง Silver Peak ได้ผสานรวมแพลตฟอร์ม EdgeConnect เข้าด้วยกันกับ API ของผู้ให้บริการคลาวด์เพื่อให้การเชื่อมต่อสำหรับการใช้งานมัลติคลาวด์ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น
EdgeConnect SD-WAN มีความสามารถที่สำคัญ ดังต่อไปนี้
การโอเวอร์เลย์ตามจุดประสงค์ของธุรกิจ (Business Intent Overlays): ความมั่นคงปลอดภัย การเชื่อมต่อ และการควบคุมแอปพลิเคชันตามความต้องการ (Intent-based) ซึ่งรองรับการใช้งานแพลตฟอร์มมัลติคลาวด์ได้พร้อมกันอย่างง่ายดาย ช่วยให้ฝ่ายไอทีสามารถใช้ประโยชน์จากผู้ให้บริการคลาวด์ที่ดีที่สุดสำหรับแอปพลิเคชันนั้นๆ ได้
การควบคุมนโยบายการเชื่อมต่อและบริการ IaaS และ SaaS แบบรวมศูนย์: GUI ที่ใช้งานง่ายของ Unity Orchestrator™ ช่วยให้การควบคุมการเชื่อมต่อคลาวด์ การเปลี่ยนแปลงและรักษานโยบายของแอปพลิเคชันที่โฮสต์แบบมัลติคลาวด์ทำได้ง่ายยิ่งขึ้น ทำให้มั่นใจได้ว่านโยบายที่บังคับใช้นั้นมีความสอดคล้องกันทั่วทั้งองค์กร
เชื่อมต่อไปคลาวด์สาธารณะอย่างมั่นคงปลอดภัยได้โดยอัตโนมัติ: ช่วยให้เชื่อมต่อเครือข่ายสาขาเข้ากับ Microsoft Azure vWAN ได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมทั้งช่วยให้เข้าถึงเครือข่าย Microsoft ได้ทั่วโลก รวมถึงเชื่อมต่อระหว่างเครือข่าย AWS ทั่วโลกกับสำนักงานสาขาเข้าด้วยกันผ่านทาง Transit Gateway Network Manager (TGNM) ของ AWS
การเชื่อมต่อสำนักงานสาขาสู่ระบบคลาวด์แบบ Edge: อุปกรณ์ EdgeConnect ที่ใช้ในสำนักงานสาขาช่วยให้การเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะแบบครบวงจรเป็นไปอย่างราบรื่น ด้วยการขยายโครงสร้าง SD-WAN และใช้ Virtual Instance ของ EdgeConnect ในระบบของผู้ให้บริการคลาวด์สาธารณะรายใดรายหนึ่งหรือทั้งสี่ราย ดังที่แสดงในภาพด้านบน วิธีนี้ช่วยให้สามารถคาดการณ์ประสิทธิภาพการทำงานของแอปพลิเคชันและเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ปลายทางให้มีคุณภาพสูงสุด
สำหรับโซลูชันการเชื่อมต่อสำนักงานสาขาสู่ระบบคลาวด์แบบ Edge นี้ ทำให้องค์กรสามารถใช้ประโยชน์ที่มีอยู่ในโครงสร้างมัลติคลาวด์ผ่าน EdgeConnect SD-WAN ได้อย่างแท้จริง องค์กรสามารถย้าย Workload จากผู้ให้บริการคลาวด์รายหนึ่งไปยังอีกรายหนึ่งได้ง่าย เช่น จาก AWS ไปยัง Azure โดยใช้การทำโอเวอร์เลย์ตามจุดประสงค์ของธุรกิจ
เมื่อคุณวางแผนเริ่มใช้มัลติคลาวด์ โปรดอย่าลืมว่า SD-WAN สามารถช่วยคุณเพิ่มปริมาณทรัพยากรของบริการคลาวด์ให้ถึงขีดสุดได้ พร้อมส่งมอบประสบการณ์การใช้งานที่มีคุณภาพสูงสุดให้กับผู้ใช้แอปพลิเคชัน และช่วยให้มั่นใจว่าจะไม่มีการหน่วงความเร็วเกิดขึ้นในระบบมัลติคลาวด์ของคุณ
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวเลือกบริการมัลติคลาวด์ที่ยืดหยุ่นสำหรับองค์กรเพื่อใช้การเชื่อมต่อ SD-WAN ให้เป็นประโยชน์ โดยสามารถเข้าชมได้ทางการสัมมนาผ่านเว็บไซต์ของ Silver Peak ในหัวข้อ “Powering the Multi-Cloud enterprise with SD-WAN”
ที่มา: https://blog.silver-peak.com/sd-wan-enables-better-multi-cloud-connectivity-for-enterprises