IEEE ประกาศเปิดตัวมาตรฐานใหม่ IEEE 1934 สำหรับ Fog Computing ซึ่งถูกคิดค้นและพัฒนาโดย OpenFog Consortium สำหรับจัดการข้อมูลปริมาณมหาศาลจากอุปกรณ์ IoT เครือข่าย 5G และ AI

โลกกำลังหมุนเข้าสู่ยุค Cloud และ IoT ส่งผลให้การใช้ Fog Computing มีปริมาณเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ IEEE จึงได้นิยามมาตรฐานใหม่เพื่อให้มั่นใจว่า อุปกรณ์ เซ็นเซอร์ มอนิเตอร์ และบริการต่างๆ สามารถผสานการทำงานร่วมกันเพื่อประมวลผลข้อมูลปริมาณมหาศาลที่มาจากระบบ IoT, 5G และ AI ได้
มาตรฐานดังกล่าว คือ IEEE 1934 ถูกคิดค้นและพัฒนาโดย OpenFog Consortium ซึ่งมีสมาชิกประกอบด้วย ARM, Cisco, Dell, Intel, Microsoft และ Princeton University เป็นระยะเวลานานกว่า 2 ปี โดยให้คำนิยามของ Fog Computing ไว้ว่าเป็น สถาปัตยกรรมระดับระบบแนวขวาง (System-level Horizontal Architecture) ซึ่งทำหน้าที่กระจายทรัพยากรและเซอร์วิสของส่วน Computing, Storage และ Networking ไปยังทุกๆ แห่งของระบบ Cloud-to-things โดยรองรับการใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ และแอปพลิเคชันหลากหลายประเภท เพื่อช่วยให้เซอร์วิสและแอปพลิเคชันเหล่านั้นทำงานได้ใกล้กับแหล่งกำเนิดข้อมูลมากขึ้น
OpenFog ระบุบนเว็บไซต์ว่า การขยายตัวของ IoT, 5G และแอปพลิเคชัน IoT จำเป็นต้องมีการผสานงานร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นส่วนฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์ตั้งแต่จาก Edge จนถึง Cloud รวมไปถึงมีโปรโตคอลและมาตรฐานร่วมกันสำหรับให้อุปกรณ์เหล่านั้นสามารถติดต่อสื่อสารกันได้
เนื่องจาก Infrastructure ในปัจจุบันไม่สามารถรับมือกับปริมาณข้อมูลอันมหาศาลจากอุปกรณ์ IoT รวมไปถึงการตอบโจทย์ความต้องการด้านความเร็วในการตอบสนองของบาง Use Case เช่น บริการฉุกเฉือน และยานพาหนะอัตโนมัติได้ การขยายระบบ Cloud ให้เข้าใกล้ Edge ของระบบเครือข่ายโดยใช้ Fog Computing นั้น จะช่วยสามารถประมวลผลได้ใกล้แหล่งกำเนิดของข้อมูลมากยิ่งขึ้น ช่วยประหยัด Bandwidth และเพิ่มประสิทธิภาพของโซลูชัน IoT