นายอิชิโร ฮาระ กรรมการผู้จัดการ บริษัทเอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ณ สภาวะปัจจุบันที่ปัญหาด้าน สิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และ บรรษัทภิบาล (Corporate Governance) ได้รับความสนใจมากขึ้น จึงเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งที่บริษัทจะนำแนวความคิด ESG มาเป็นส่วนหนึ่งของแผนธุรกิจ โดยมีทีมผู้บริหารที่มีความคิดเชิงระบบและมุ่งมั่นที่จะลงทุนระยะยาวเพื่อสร้างสรรค์คุณค่าธุรกิจเพื่อสังคม
การที่มูลค่าของบริษัทเทสล่าแซงโตโยต้าถึงหกแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มของสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตน (Intangible assets) กำลังมีมูลค่าสูงกว่าสินทรัพย์ที่มีตัวตน (Tangible assets) ข้อมูลจากนิตยสาร สแตรททิจิกไฟแนนซ์ เมื่อปี 2560 แสดงให้เห็นถึงอัตราส่วนของสินทรัพย์ที่ไม่มีตัวตนกับสินทรัพย์ที่มีตัวตนเป็น 87:13 โดยอีเอสจีเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินมูลค่าทางธุรกิจด้วย
อีเอสจีมีหลักสำคัญสามประการที่วัดความยั่งยืน และผลกระทบทางสังคมของการลงทุนโดยบริษัท หรือธุรกิจ โดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าบริษัทที่มีมาตรฐานอีเอสจีสูงสามารถดำเนินผลทางธุรกิจได้ดีกว่า ทั้งในด้านยอดขาย อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (return on equity) เป็นต้น
งานวิจัยยังแสดงให้เห็นอีกว่า การนำอีเอสจีเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ ทำให้ธุรกิจมีรายได้เติบโต ขยายฐานลูกค้า ลดต้นทุน และลดความเสี่ยงด้านชื่อเสียงและกฎข้อบังคับ อีกทั้งยัง เพิ่มผลิตภาพของพนักงาน และมีค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าในการลงทุน ตามที่ Global Sustainable Investment Review ได้ระบุไว้ว่า การลงทุนที่มุ่งเน้นด้านอีเอสจีเพิ่มขึ้นสูงถึง 68% เมื่อเทียบระหว่างปี 2557 ถึง 2561 บ่งชี้ให้เห็นถึงเทรนด์ของความสนใจด้านอีเอสจีที่เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้แนวคิดของอีเอสจีจะเป็นที่เข้าใจโดยทั่วไป แต่เพราะการเชื่อมโยงอีเอสจีกับผลลัพธ์ที่จับต้องได้
มักจะทำได้ยาก ทำให้ไม่สามารถใช้ศักยภาพของอีเอสจีได้อย่างเต็มที่ หลายๆ บริษัทยังพบอีกว่าการวัดผลลัพธ์ของอีเอสจีเป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก เนื่องจากขาดระบบที่น่าเชื่อถือในการช่วยรวบรวม แสดงจำนวน รวมถึงการประเมินข้อมูลอีเอสจีที่กระจัดกระจายอยู่ในส่วนต่างๆ
“แนวคิดอีเอสจี เป็นส่วนประกอบที่สำคัญที่จะช่วยสร้างมูลค่าให้กับบริษัทในระยะยาว แต่ละส่วนของอีเอสจีนั้นสำคัญยิ่งต่อธุรกิจและควรเชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับวิสัยทัศน์ขององค์กร รวมถึงการตัดสินใจของผู้บริหาร กลยุทธ์ และแผนธุรกิจอีกด้วย” นายฮาระ กล่าว
เพื่อตอบโจทย์ดังกล่าว ABeam ได้เปิดตัวแพลทฟอร์ม “การจัดการดิจิทัลอีเอสจี” หรือ “Digital ESG Management”
ซึ่งเป็นดิจิทัลโซลูชั่นที่สมบูรณ์แบบ โดยครอบคลุมทั้งการติดตามและตรวจสอบ การเก็บรวบรวมข้อมูล แสดงจำนวนการวิเคราะห์และทำให้ข้อมูลที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเงินของอีเอสจี กลายเป็นเรื่องที่จับต้องและวัดผลได้ เพื่อให้ทีมบริหารและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถวางแผนธุรกิจได้แม่นยำและชัดเจนยิ่งขึ้น
บริการดิจิทัลอีเอสจีนี้เปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีองค์ประกอบสามส่วน คือ “การเชื่อมโยงข้อมูลอีเอสจี” (Data Connection) การจัดเก็บข้อมูลที่อยู่กระจัดการจายทั่วทั้งบริษัทมาไว้ในที่เดียวกันอย่างสม่ำเสมอ “การวิเคราะห์” (Analytics) เพื่อหาความสัมพันธ์ระหว่างข้อมูลอีเอสจีและผลลัพธ์ทางการเงิน โดยนำฐานข้อมูลที่ได้รวบรวมมาหาความเชื่อมโยงของเหตุและผล รวมถึง “ค็อกพิท” (Cockpit) ที่เสนอการวิเคราะห์เชิงปริมาณ ในรูปแบบภาพ เพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึงและเข้าใจ
จากประสบการณ์ของเราที่ประเทศญี่ปุ่น แพลทฟอร์มดิจิทัลอีเอสจี ช่วยนำแนวคิดทางอีเอสจีมารวมกับข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลทางการเงินมาวิเคราะห์ เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจและตัดสินใจการลงทุนได้ดียิ่งขึ้น ผลวิจัยยังพบว่าการเพิ่มการลงทุนตามแนวคิดอีเอสจีขึ้น 10% เช่น การพัฒนาทรัพยากรบุคคลหรือทรัพย์สินทางปัญญา สามารถส่งผลให้มูลค่าธุรกิจโดยรวมเพิ่มสูงขึ้น 13.8% การมีระบบที่ติดตามและตรวจสอบข้อมูลตามแนวคิดอีเอสจีที่มีประสิทธิภาพจะช่วยรักษาความยืดหยุ่นในการปฏิบัติการ และการปกป้องชื่อเสียงขององค์กรในระยะยาวได้อีกด้วย” นายฮาระกล่าวทิ้งท้าย
เกี่ยวกับบริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด
บริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เป็นบริษัทในเครือบริษัท เอบีม คอนซัลติ้ง จำกัด โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีทีมงานกว่า 6,600 คน ที่ให้บริการลูกค้ากว่า 1,100 รายทั่วภูมิภาคเอเชีย อเมริกา และยุโรป นับตั้งแต่เปิดให้บริการที่ปรึกษาในประเทศไทยเมื่อปี 2548 เอบีม คอนซัลติ้ง (ประเทศไทย) มีทีมงานผู้เชี่ยวชาญกว่า 400 คน ที่ให้บริการลูกค้ามากกว่า 200 ราย ในประเทศไทย ด้วยความเชี่ยวชาญในบริการด้านด้านดิจิทัล ทรานสฟอร์เมชั่น เพื่อช่วยสร้างความได้เปรียบเชิงกลยุทธ์ การปรับปรุงกระบวนการทางธุรกิจ ใช้ประโยชน์จากนวัตกรรมเทคโนโลยี และยกระดับผลการดำเนินงานขององค์กรด้วย ERP และโซลูชั่นอื่น ๆ ทั้งหมด รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านการจัดการ Digital BPI การวิเคราะห์ข้อมูล การจัดการโครงการด้านไอที และเอาท์ซอร์สสำหรับบริษัทชั้นนำต่าง ๆ ในประเทศไทย นอกจากนี้ บริษัท เอบีมฯ ยังเป็นพันธมิตรที่ดีกับ SAP โดยให้บริการด้วยทีมที่ปรึกษาที่ได้รับใบรับรองจาก SAP เพื่อความสำเร็จในการทรานสฟอร์มของเอบีมร่วมมือกับลูกค้าในการวินิจฉัยและแก้ไขความท้าทายที่แท้จริงด้วยโซลูชั่นที่รวมการปฏิบัติที่ดีที่สุดและการดำเนินงานเข้ากับความเชี่ยวชาญทางเทคนิคในอุตสาหกรรม โดยเน้นใช้วิธีการปฏิบัติได้จริง (Pragmatic Approach) เพื่อมั่นใจว่าลูกค้าจะได้รับผลลัพธ์ที่รวดเร็ว คุ้มค่า และวัดผลได้ เอบีมมีปรัชญาการบริหารจัดการคือ “Real Partner” ด้วยการให้บริการที่ปรึกษาด้วยบุคลากรที่มีทักษะ มีความรู้ มีความเชี่ยวชาญ พร้อมโซลูชั่นที่แก้ปัญหาได้จริง และให้ผลลัพธ์ที่เป็นความสำเร็จของลูกค้าอย่างแท้จริง ข้อมูลเพิ่มเติม https://www.abeam.com/th/en