ในงาน OCP Summit 2017 ที่กำลังจัดขึ้นอยู่นี้ Facebook ได้ออกมาประกาศถึง Server รุ่นใหม่ล่าสุดด้วยกัน 4 รุ่นที่ครอบคลุมทั้ง Storage Server, GPU Node, Compute Node และ Multi-node Compute Platform พร้อมเปิด Open Source ให้แก่โครงการ Open Compute Project (OCP) โดยแต่ละรุ่นที่เปิดตัวมามีรายละเอียดที่น่าสนใจมากๆ ดังนี้
Bryce Canyon – 4 OU Storage Server ที่รองรับ 72 HDD
Bryce Canyon นี้เป็น Storage Chassis ล่าสุดที่เปิดตัวถัดมาจาก Open Vault (Knox) ที่เคยเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2013 โดย Bryce Canyon นี้ถูกออกแบบมาให้สามารถจุ HDD ได้มากถึง 72 ชุดภายในขนาดเพียงแค่ 4 OU (Open Rack Unit) ซึ่งถือว่ามีความจุสูงขึ้น 20% และยังมีจุดเด่นที่น่าสนใจตรงที่สามารถเลือกปรับใช้งานเป็นได้ทั้ง JBOD จนถึง Storage Server ได้เลย โดยมี CPU และ RAM ที่ใหญ่ขึ้นกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 4 เท่า
การเปลี่ยน Bryce Canyon ให้ทำงานเป็น Storage Server นี้สามารถทำได้ด้วยการใส่ Mono Lake ซึ่งเป็น Open Compute Single-socket (1S) Server Card เข้าไปเท่านั้น ส่วนการบริหารจัดการก็สามารถทำได้ผ่าน OpenBMC ได้เลย โดยรายละเอียดเชิงลึกของ Bryce Canyon นั้นอยู่ที่ https://code.facebook.com/posts/1869788206569924/introducing-bryce-canyon-our-next-generation-storage-platform/
Big Basin – 3 OU Just a Bunch of GPUs (JBOG) สถาปัตยกรรมใหม่สำหรับ GPU ใน Data Center
Big Basin นี้ถือเป็นทายาทของ Big Sur ที่เป็น GPU Server รุ่นก่อนหน้า แต่ Big Basin นี้ได้ทำการปรับปรุงและแก้ไขจุดอ่อนต่างๆ ของ Big Sur และกลายมาเป็น Just a Bunch of GPUs หรือ JBOG ไปแทน โดยภายใน Big Basin นี้จะไม่มี Server Card หรือ Network Module แต่อย่างใด และต้องทำการเชื่อมต่อเข้ากับ Server เครื่องอื่นๆ เพื่อใช้งานเท่านั้น เป็นการออกแบบแบบ Modular เพื่อเพิ่มความคุ้มค่าในการใช้งานและความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนหรือเพิ่มขยายได้เฉพาะ GPU นั่นเอง รวมถึงยังง่ายต่อการดูแลรักษาในระยะยาวอีกด้วย
Big Basin ขนาด 3 OU นี้สามารถ Train Model ได้เร็วขึ้นกว่า Big Sur ถึง 30% เพราะมีการรองรับ Throughput ที่สูงขึ้น และมีหน่วยความจำเพิ่มขึ้น และในการทดสอบบางครั้งนั้นก็มีประสิทธิภาพสูงกว่า Big Sur ถึง 100% เลยทีเดียว โดย Big Basin รองรับการติดตั้ง NVIDIA Tesla P100 GPU สูงสุดที่ 8 ชุด และมีรายละเอียดเชิงลึกให้ศึกษาเพิ่มเติมที่ https://code.facebook.com/posts/1835166200089399/introducing-big-basin-our-next-generation-ai-hardware/
Tioga Pass – Compute Node ใหม่ที่รองรับ RAM และ Flash อย่างเต็มตัว
Tioga Pass นี้เป็นรุ่นสืบทอดจาก Leopard ในฐานะของ Compute Node แบบ Dual Socket และมีการออกแบบทั้งการติดตั้ง RAM ได้ด้านเดียวหรือ 2 ด้านของบอร์ด ทำให้สามารถเลือกให้เหมาะกับปริมาณ RAM ที่ต้องการได้ อีกทั้งยังมีช่อง M.2 สำหรับเชื่อมต่อกับ M.2 NVMe SSD, มี PCIe x32 ซึ่งแยกเป็น x16 2 ช่องหรือ x16 1 ช่องและ x8 2 ช่องก็ได้ เพื่อให้รองรับการเชื่อมต่อกับ Big Basin JBOG หรือ Lightning JBOF ได้อย่างสะดวก ส่วนระบบเครือข่ายที่เชื่อมต่อได้นั้นก็รองรับที่ 100GbE เลย และก็สามารถบริหารจัดการได้ผ่าน OpenBMC ด้วย
Yosemite v2 และ Twin Lakes – Multi-node Compute Platform ที่เอนกประสงค์ยิ่งกว่าเดิม
Yosemite v2 นี้เป็นรุ่นสืบทอดจาก Yosemite ระบบ Multi-node Compute Platform ที่เคยรองรับ Single-socket Server จำนวน 4 เครื่องได้ภายใน แต่ใน Yosemite v2 นี้ได้เปลี่ยนมาใช้ vCubby Chassis ขนาด 4 OU แทน และรองรับการติดตั้ง Single-socket Server ได้ 4 เครื่อง หรือจะปรับไปติดตั้ง Single-socket Server จำนวน 2 เครื่องคู่กับ Device Card จำนวน 2 ใบแทนก็ได้ โดยแต่ละ Server รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายด้วยความเร็ว 50GbE/100GbE ผ่าน Multi-host NIC ได้
อีกประเด็นที่ถูกปรับปรุงใน Yosemite v2 นี้ก็คือการเปลี่ยน Power ได้แบบ Hot-swap โดยไม่เกิด Downtime ส่วนบอร์ดข้างในนั้นก็รองรับทั้ง Mono Lake รุ่นเดิมและ Twin Lakes รุ่นใหม่ซึ่งต่างก็เป็น Single-socket Mainboard ทั้งคู่ อีกทั้งยังรองรับการติดตั้ง Glacier Point SSD Carrier Card และ Crane Flat Device Carrier Card สำหรับเพิ่มความจุของ Flash Storage ให้กับแต่ละ Server รวมถึงยังรองรับ PCIe ได้อีกด้วย แน่นอนว่าระบบนี้ต้องรองรับการบริหารจัดการผ่าน OpenBMC เช่นกัน
ผู้ที่สนใจการออกแบบฉบับเต็ม สามารถเข้าไปศึกษาได้ที่ http://www.opencompute.org/wiki/Files_and_Specs เลยครับ