ช่วยในการตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ด้วยการรวบรวมความสามารถทางธุรกิจที่สร้างขึ้นจากโครงสร้างข้อมูลที่มีความยืดหยุ่นไว้ในที่เดียวกัน สถาปัตยกรรมแบบผสมผสานจะถูกนำไปใช้กับโซลูชันด้านการบริหารจัดการแอปพลิเคชั่นขององค์กร และการทำงานของบุคคลากรในองค์กร
ผลกระทบที่สำคัญจากวิกฤตโรคระบาด COVID-19 นั้นสามารถสัมผัสได้แทบจะทันทีอย่างรวดเร็วในระยะเวลาอันสั้น (นึกถึงการทำงานจากระยะไกล (remote working) และความต้องการอย่างเร่งด่วนในระบบสำหรับสื่อสารที่ช่วยสนับสนุนการทำงานร่วมกันแบบออนไลน์ที่ยืดหยุ่นปรับตามจำนวนที่เพิ่มหรือลดได้อย่างรวดเร็ว) และตอนนี้ ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าระบบไอทีของธุรกิจองค์กรต้องนั้นต้องเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนแปลงเพื่อตอบรับต่อวิถีใหม่เหล่านี้ที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอันรวดเร็วนี้ก็ต้องการวิธีการคิดที่สดใหม่เกี่ยวกับอนาคตของแอปพลิเคชัน
รายงาน Gartner Report ที่ถูกเปิดเผยเมื่อเร็วๆ นี้ได้ระบุเอาไว้ถึงกลยุทธ์พื้นฐานสองประการที่จำเป็นต่อความมั่นคงของธุรกิจในระยะยาวต่อจากนี้ ประการแรกคือ composable enterprise – การรวบรวมความสามารถทางธุรกิจที่สร้างขึ้นจากโครงสร้างข้อมูลที่มีความยืดหยุ่นไว้ในที่เดียวกัน สถาปัตยกรรมแบบผสมผสานจะถูกนำไปใช้กับโซลูชันด้านการบริหารจัดการแอปพลิเคชั่นขององค์กร เพื่อช่วยในการตอบสนองความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และอีกประการหนึ่ง คือการทำงานร่วมกันระหว่างภาคธุรกิจและไอทีอย่างต่อเนื่อง เพื่อสนับสนุนทำงานร่วมกันคนทั้งองค์กรในการประกอบสร้างแอปพลิเคชันขึ้นมา
แนวคิดทั้งสองนี้มีความเกี่ยวพันและสนับสนุนซึ่งกันและกัน เพื่อบรรลุถึงทั้งสองแนวคิดนี้ ทั้งทีมไอทีและมฝั่งธุรกิจจะต้องทบทวนวิธีการทำงานร่วมกันแบบใหม่ ซึ่งต้องอาศัยมีความเปลี่ยนแปลงในระหว่างขั้นตอนการประกอบและการผสมผสานความสามารถทางธุรกิจเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อและการทำงานร่วมกันได้ ซึ่งโดยทั่วไป จะทำผ่าน API
ในขณะเดียวกัน การจัดตั้งทีมงาน จะต้องประกอบทั้งผู้เชี่ยวชาญทางด้านไอทีและผู้เชี่ยวชาญทางจากฝั่งธุรกิจ เพื่อให้ทุกส่วนขององค์กรนั้นสามารถทำงานร่วมกัน แบ่งปันความรู้เชิงธุรกิจและทักษะเชิงเทคนิคระหว่างกันในการส่งมอบแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์ Gartner ได้เรียกทีมนี้ว่า “Fusion Team” โดยระบุว่า 80% ของพนักงานฝ่าย IT จะทำงานในทีมที่มีฝ่ายอื่นของธุรกิจมาร่วมด้วย อย่างเช่น ฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายขาย ฝ่ายขนส่ง และฝ่ายการตลาด
การใช้เครื่องมือที่ทำให้เกิดการพัฒนาและเชื่อมต่อกับแอพพลิชั่นที่มีอยู่ โดยรองรับประสบการณ์ที่หลากหลาย (Multiexperience) แบบอัตโนมัตินั้น Fusion Teamสามารถสร้างซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่ได้ผลลัพธ์รวมกันระหว่างความสามารถเชิงเทคโนโลยีที่ดีที่สุดเข้ากับการเน้นผลลัพธ์ทางธุรกิจ
อนาคตของแอปพลิเคชัน
รายงานของ Gartner ระบุว่า ธุรกิจควรจะหันหลังให้กับการพยายามสร้างนวัตกรรมบนสิ่งที่ล้าหลังไปแล้ว
เพื่อบรรลุเป้าหมายนี้ แพลตฟอร์ม Low-Code จะต้องถูกผสานรวมเข้ากับแอปพลิเคชันและ SaaS API เพื่อสร้างส่วนประกอบที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำ (reueable Components) แทนที่การสร้างแอปพลิเคชันแบบเดิมๆโดยเป็นการรวมกันระหว่างระบบ No-Code, Low-Code และ Pro-Code เข้าด้วยกันพร้อมทั้งใช้บุคลากรจากทีมพัฒนาระบบไอทีเดิม (ฝ่ายไอทีกลาง), ไอทีของแต่ละส่วนธุรกิจ และผู้มีสิทธิ์ตัดสินใจ (ผู้ใช้งานทางธุรกิจ Buiness User) นี้ ถือเป็นทางเดียวที่จะทำให้สามารถสร้างระบบโครงสร้างของแอปพลิเคชันที่มีความยืดหยุ่นและสามารถต่อกรกับ Disruption ที่เกิดขึ้นได้
การพัฒนาของบุคลลากรทั้งทีม โดยไม่ขัดแย้งกันและมีเป้าหมายเดียวกันนั้น จะต้องใช้เวลาและแนวทางที่เหมาะสม แรกเริ่มนั้น ฝ่ายไอทีควรจะต้องพิจารณาถึงปัญหาที่ระบบแอปพลิเคชันควรจะแก้ไข และพิจารณาว่าผู้ที่อยู่ในฝ่ายธุรกิจคนใดสามารถช่วยเหลือเกี่ยวกับขั้นตอนการทำงานและผลลัพธ์ที่เกี่ยวข้องได้ จากนั้นจึงค่อยสร้างทีมงาน Agile ขึ้นมาซึ่งต้องไม่ได้มีเพียงเจ้าของผลิตภัณฑ์ (Product Owner) และทีมงานจากฝ่ายธุรกิจอยู่ในทีมเท่านั้น แต่ในทุกขั้นตอนต้องให้ทุกคนได้มีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ตลอด
จุดเริ่มต้น
จากมุมมองในฝั่งของไอที จุดเริ่มต้นจะต้องเป็นแนวคิดของการบรูณาการระบบสำหรับพัฒนาซอฟต์แวร์ (Pro-Code, Low-Code และ No-Code) และทิศทางในการบรูณาการ, ข้อกำหนด, ทีมงานจากหลายฝ่ายที่ทำงานร่วมกัน (ฝ่ายธุรกิจ, ไอทีของธุรกิจ และไอทีกลาง)
เอกสารฉบับนี้จะแนะนำถึงความสำคัญของมุมมองแบบหลากประสบการณ์ (multiexperience) และวิธีที่Low-Code และ No-Code สามารถสร้างประโยชน์ได้ ณ วันนี้เพื่อเป็นการจุดเริ่มต้นในการนำเท๕โนโลยีเหล่ามาใช้สำหรับข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติม เราขอแนะนำให้ทุกท่านโหลดเอกสารงานวิจัยได้ทันที โดย Application Leaders: Master Composable Enterprise Thinking for Your Post-COVID-19 Reset เป็นรายงานที่รวมผลการสอบถามจาก Fusion Team เกือบ 1,000 ทีมในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งพบว่า 43% ของบุคลากรในทีมเหล่านี้ไม่ได้ทำงานอยู่ในส่วนของไอทีกลาง ซึ่งในอนาคตแนวโน้มนี้ก็ยังดำเนินต่อไป (1)
โดยธรรมชาติแล้ว ไม่มีธุรกิจองค์กรซึ่งที่มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้าในการเปลี่ยนบทบาทของไอทีในยุคหลัง COVID ใดๆ ที่ก้าวหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยปราศจาก low-code platform ระดับใช้งานในองค์กร (Enterprise Grade) ซึ่งสามารถรองรับการใช้งานได้จากทั้งผู้ใช้งานฝั่งธุรกิจและ Pro-Code DevOps โดย Tech Wire Asia นั้นพบว่า OutSystems ได้แสดงให้เห็นถึงการเป็นทั้งผู้นำทางความคิดที่ดีและการมีแนวทางปฏิบัติที่ใช้งานได้จริง เพื่อสร้างระบบไอทีที่ทุกคนเข้าถึงได้ในอนาคต
(1) Gartner, Inc., Application Leaders: Master Composable Enterprise Thinking for Your Post-COVID-19 Reset, 13 May 2020. Yefim Natis, Dennis Gaughan, Gene Alvarez