จีนเป็นประเทศแรกที่ออกมารับลูก WikiLeaks หลังจากเผยแพร่เอกสารลับ Vault 7 ซึ่งระบุข้อมูลชุดเครื่องมือแฮ็คที่หน่วยข่าวกรองของสหรัฐฯ (CIA) ใช้งาน โดยเตือนไปยังรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าให้หยุดสอดแนมและโจมตีไซเบอร์ใส่ชาติอื่นๆ ทันที
วันอังคารที่ผ่านมา WiKiLeaks ออกมาเปิดเผยถึงเอกสารลับกว่า 8,700 ฉบับ ซึ่งอ้างว่าได้มาจากศูนย์ Cyber Intelligence ของ CIA เอกสารดังกล่าวมีโค้ดเนมว่า Vault 7 บรรยายถึงข้อมูลชุดเครื่องมือแฮ็คที่ CIA ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นมัลแวร์ หรือ Zero-day Exploits ที่ออกแบบมาใช้แฮ็คผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทั่วโลก ตั้งแต่ iPhone, Smart TV, Windows PC ไปจนถึงผลิตภัณฑ์รักษาความมั่นคงปลอดภัย
หลังจากทราบเรื่อง รัฐบาลจีนได้ออกมาตอบโต้รัฐบาลสหรัฐฯ โดยออกแถลงการณ์แสดงความต้องการให้สหรัฐฯ หยุดสอดแนมและจารกรรมข้อมูลของประเทศจีนและชาติอื่นๆ และประเทศจีนพร้อมที่จะดำเนินมาตรการเพื่อที่จะปกป้องระบบเครือข่ายของตนเอง
“เราเรียกร้องให้สหรัฐฯ หยุดดักฟัง สอดแนม ขโมยข้อมูลความลับ และดำเนินการโจมตีไซเบอร์แก่ประเทศจีนและประเทศอื่นๆ ทั่วโลก” — Geng Shuang โฆษกสำนักงานกระทรวงการต่างประเทศของจีนกล่าวในงานแถลงข่าวที่ปักกิ่ง
ก่อนหน้านี้ จีนและสหรัฐฯ ต่างผลัดกันกล่าวหาอีกฝ่ายว่าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการแฮ็คและการโจมตีไซเบอร์ในหลายๆ กรณี จนในที่สุด ปี 2015 ทั้งสองประเทศก็ได้ลงนามในข้อตกลงด้านอาชญากรรมไซเบอร์และการจารกรรมไซเบอร์ ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าจะช่วยลดความบาดหมางด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ระหว่าง 2 ประเทศลงได้ อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวไม่ได้ครอบคลุมถึงเรื่องการจารกรรมไซเบอร์ที่มาจากหน่วยงานรัฐบาลเอง คาดว่านี่จึงเป็นสาเหตุที่รัฐบาลจีนออกมาตอบโต้สหรัฐฯ ถึงประเด็นนี้