6 เหตุผลที่ Network Engineer ควรหัดเขียนโปรแกรมให้เป็น เพื่อให้ตามเทคโนโลยีระบบเครือข่ายให้ทัน

เมื่อเทคโนโลยีต่างๆ กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วก้าวกระโดดในทุกวันนี้ หนึ่งในอาชีพที่กำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น Network Engineer นั่นเอง และหนึ่งในประเด็นที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่งก็คือ “Network Engineer ต้องเขียนโปรแกรมให้เป็น” ซึ่งทางทีมงาน TechTalkThai ก็ได้ทำการสรุปสาเหตุที่ Network Engineer ควรหัดเขียนโปรแกรมให้เป็นเอาไว้ 6 ข้อ ดังนี้ครับ

Credit: ShutterStock.com
Credit: ShutterStock.com

 

1. แนวโน้มของการทำ Network Automation กำลังมาแรง

การทำ Network Automation นั้นกลายเป็นหนึ่งในเทรนด์ที่แพร่กระจายไปในแทบทุกแขนงของเทคโนโลยีสาย IT Infrastructure ไม่ว่าจะเป็นการทำระบบ Cloud, ระบบ Orchestration, ระบบ Container หรือแม้แต่การวางระบบเครือข่ายภายในองค์กรเองก็เริ่มต้องมีการทำ Network Automation ในบางส่วนกันบ้างแล้ว

สาเหตุที่การทำ Network Automation ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นนั้น ก็เป็นเพราะว่าระบบ IT Infrastructure นับวันจะยิ่งมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีความซับซ้อนสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นถ้าหากผู้ดูแลระบบเครือข่ายจะทำการปรับแต่งค่าต่างๆ แบบ Manual อยู่ตลอดเวลา นอกจากจะทำให้งานช้าแล้วโอกาสการเกิดความผิดพลาดก็จะสูงอีกด้วย ดังนั้นถ้าหากมีโอากสก็ควรทดลองทำ Script ขึ้นมาควบคุมการตั้งค่าต่างๆ ดูก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีนั่นเอง

 

2. เตรียมรับมือกับ Software Defined Networking

ต่อยอดจากการทำ Network Automation ไปถึงการทำ Software Defined Networking ที่จะเป็นอีกระดับที่ยิ่งทำให้เหล่าผู้ดูแลระบบหลีกเลี่ยงการเขียนโปรแกรมต่างๆ ไม่ได้ขึ้นไปอีก เพราะ Software Defined Networking นี้ไม่ได้จำกัดเฉพาะอุปกรณ์พื้นฐานอย่าง Switch และ Router แต่กลับครอบคลุมไปถึง Load Balancer, Application Delivery Controller, Firewall, IPS, Network Management และอื่นๆ อีกมากมาย

โดยทั่วไปแล้วระบบ Software Defined Networking นั้นจะมี Software กลางสำหรับทำหน้าที่เป็น Controller อยู่แล้ว แต่ในการนำ Controller เหล่านั้นมาใช้ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด ร่วมกับอุปกรณ์เครือข่ายต่างๆ ที่มีอยู่ การเขียน Script เพิ่มเติม หรือการพัฒนาโมดูลสำหรับเชื่อมต่อกับ API ของอุปกรณ์จาก Vendor รายต่างๆ ก็เป็นอีกงานที่สำคัญที่ผู้ดูแลระบบเครือข่ายจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ในการปรับปรุงระบบเครือข่ายขององค์กรไปสู่การทำ Software Defined อย่างเต็มตัว

 

3. เตรียมเป็นส่วนหนึ่งของการทำ DevOps

DevOps นั้นเป็นอีกหนึ่งแนวโน้มที่มาแรงมากขององค์กรที่ต้องการจะนำเทคโนโลยีทางด้าน IT เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจอย่างแท้จริง ด้วยการวางกระบวนการการพัฒนาระบบ Application ใดๆ ให้มีความรวดเร็วสูง, มีความผิดพลาดน้อย และมีความอัตโนมัติสูงสุด ดังนั้นถ้าหากระบบเครือข่ายเป็นส่วนเดียวที่ไม่สามารถผสานเข้ากับการทำ Automation ต่างๆ ได้แล้ว ระบบเครือข่ายก็จะกลายเป็นคอขวดของการทำ DevOps นั่นเอง

โดยทั่วไปแล้วการทำ DevOps ในปัจจุบันนี้ยังไม่ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับระบบเครือข่ายมากนัก แต่ในอนาคตที่จะเริ่มมีประเด็นทางด้านการควบคุมสิทธิ์การเชื่อมต่อเครือข่าย, ประเด็นทางด้านความปลอดภัย และอื่นๆ อีกมากมายเข้ามานั้น ทีม Network Engineer จะต้องเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างแน่นอน

 

4. อนาคตที่เปลี่ยนไปของระบบ Network Analyzer จากการมาของ Big Data Analytics

Big Data Analytics ได้เข้ามามีบทบาททางด้าน IT Infrastructure มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากระบบเครือข่าย, Application, Log, Cloud และอื่นๆ อีกมากมายร่วมกัน เพื่อตรวจสอบการทำงานของระบบต่างๆ, วิเคราะห์ปัญหา, เตรียมวางแผนขยายระบบ, ตรวจสอบการโจมตีต่างๆ รวมไปถึงการต่อยอดด้วยการทำ Machine Learning เพื่อค้นหา Trend และตรวจสอบสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นได้โดยอัตโนมัติ

เป็นที่ค่อนข้างจะแน่นอนแล้วว่า Big Data Analytics จะเข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในวงการ Network และ Security ดังนั้นเหล่าผู้ดูแลทั้งสองสายนั้นก็จะหลีกเลี่ยงการเขียนโปรแกรมไม่ได้อีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการเขียนโค้ดเพื่อตรวจสอบและวิเคราะห์ข้อมูล, สร้าง Visualization Dashboard หรือแม้แต่การทำ Machine Learning ก็ตาม

 

5. Internet of Things ที่กำลังมา จะไม่สำเร็จรูปอย่างที่คุ้นเคยกันอีกต่อไป

Internet of Things หรือ IoT นั้นเป็นเทคโนโลยีที่เริ่มต้นมาโดยไม่มีมาตรฐาน และถึงแม้ต่อไปจะเริ่มมีการวางมาตรฐาน แต่ละค่ายเองก็คงมีแนวคิดที่แตกต่างกัน และคงต้องใช้เวลาอีกระยะใหญ่ๆ กว่าผู้ผลิตทั้งโลกจะหันไปในทิศทางเดียวกัน ดังนั้นหนทางเดียวที่ IoT จะเดินหน้าต่อไปในช่วงระยะเวลานี้ได้ก็คือการทำ Customization

ทั้งนี้เหล่า Network Engineer เองก็ไม่สามารถหนีแนวโน้มของ IoT นี้ได้อย่างแน่นอน และก็จะต้องเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในโครงการเหล่านี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง โดยเฉพาะเหล่าอุปกรณ์ IoT Gateway ที่น่าจะต้องตกมาเป็นหน้าที่ของ Network Engineer เต็มๆ และการทำให้ IoT Gateway นั้นรับข้อมูลจาก IoT Sensor ต่างๆ จากผู้ผลิตให้ได้หลากหลาย ก็คงต้องอาศัยความสามารถในการเขียนโปรแกรมหรือเขียน Script เช่นกัน

 

6. เปิดโอกาสทางการงานใหม่ๆ ให้กับตัวเอง

นอกจากจะต่อยอดวิชาชีพทางสาย Network แล้ว การหัดเขียนโปรแกรมให้เป็นนั้นจะยังช่วยเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับแต่ละคนค่อนข้างมาก ไม่ว่าจะเป็นการผันตัวไปทำ Business Intelligence และ Data Analytics หรือการพัฒนา Software เฉพาะทางต่างๆ หรือแม้แต่การร่วมงานกับ Vendor ทั้งผู้ผลิตชาวไทยและชาวต่างชาติโดยตรง

อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงเอาไว้ก็คือ โลกของเราถัดจากนี้ไปจะเป็นยุคของการเขียนโปรแกรม ที่แม้แต่ในหลายๆ ประเทศเองก็เริ่มมีแนวโน้มจะบังคับให้การเขียนโปรแกรมกลายเป็นหลักสูตรพื้นฐานสำหรับเด็กประถมหรือมัธยมแล้ว ในขณะที่โลกของการทำงานเองผู้คนจากทุกสายก็กำลังเตรียมเข้าสู่การเขียนโปรแกรมเพื่อการทำ Data Analytics สำหรับใช้ในสายงานตัวเอง ดังนั้นในฐานะของบุคลากรสาย IT การเขียนโปรแกรมให้เป็นก็คงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อีกต่อไปแล้ว

 

จากการศึกษาและพูดคุยจนวิเคราะห์ออกมาได้ 6 ข้อด้วยกันนี้ หลังจากนี้ทางทีมงาน TechTalkThai ก็จะเริ่มนำเสนอเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับการพัฒนา Software เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ นะครับ ก็หวังว่าทีมงานและผู้อ่านทุกท่านจะได้มาเรียนรู้ไปด้วยกัน ยังไงถ้ามีข้อเสนอแนะอะไรหรือยากช่วยเหลือนำเสนอข้อมูลในแง่มุมไหน ก็ติดต่อทีมงาน TechTalkThai ได้ทันทีที่ info@techtalkthai.com เลยนะครับ

About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

จีเอเบิล ชี้ 3 Mega Trend ไอที เปลี่ยนโฉมธุรกิจองค์กรไทย พร้อมเป็น Tech Enabler ขับเคลื่อนองค์กรสู่อนาคต [PR]

ในยุคที่ธุรกิจองค์กรแข่งขันกันด้วยความเร็ว เพื่อให้ได้ผลลัพธ์และผลกำไรที่มากขึ้น การลดต้นทุนและการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่เพิ่มขึ้น เป็นสิ่งที่เจ้าของธุรกิจรวมถึงผู้บริหารระดับสูงในธุรกิจองค์กรต่างๆ กำลังมองหา เพราะการดำเนินธุรกิจองค์กรในสถานการณ์ปัจจุบัน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้าง Competitive Advantage เพื่อเป็นฐานในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งแน่นอนว่าอาวุธที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันให้เกิดการเติบโตอย่างยั่งยืน นอกจากการพัฒนาคนในองค์กรให้เรียนรู้ทักษะด้านเทคโนโลยีอยู่เสมอ การเลือกใช้เทคโนโลยีที่ตรงกับกระแสทิศทางเทรนด์ได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและตอบโจทย์ในการสร้างผลกำไรของแต่ละธุรกิจองค์กรในทุกภาคอุตสาหกรรมก็เป็นหัวใจสำคัญไม่แพ้กัน

อาลีบาบา คลาวด์ เปิด ดาต้าเซ็นเตอร์ แห่งที่สองในประเทศไทยมาพร้อมกลุ่มผลิตภัณฑ์หลากหลายเพื่อรองรับ Generative AI และโซลูชันเฉพาะทางสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม [PR]

อาลีบาบา คลาวด์ ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและหน่วยงานหลักด้านอินเทลลิเจนซ์ของอาลีบาบา กรุ๊ป ประกาศเปิดตัวดาต้าเซ็นเตอร์แห่งที่สองในประเทศไทย มุ่งเพิ่มสมรรถนะในการตอบสนองความต้องการบริการคลาวด์คอมพิวติ้งที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย โดยเฉพาะเพื่อรองรับแอปพลิเคชัน generative AI และสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลไทยที่มุ่งส่งเสริมนวัตกรรมดิจิทัลและการพัฒนาเทคโนโลยีที่นำสู่ความยั่งยืน