Secure Access Service Edge (SASE) คือโซลูชันที่ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงระบบเครือข่ายขององค์กรและระบบ Cloud ได้อย่างมั่นคงปลอดภัย ไม่ว่าพนักงานจะทำงานจากที่ไหนก็ตาม Fortinet ผู้นำด้านบริการและโซลูชัน Cybersecurity ได้ออกมาอัปเดตแนวโน้มของเทคโนโลยีดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นในปี 2024 ทั้งหมด 5 ข้อ ดังนี้
1. SASE ภายใต้ Vendor รายเดียวจะเป็นที่นิยมมากขึ้น
ในอดีต องค์กรมักเลือกใช้โซลูชันจากหลายๆ Vendor เช่น Firewall, SD-WAN มาประกอบกันเป็น SASE แต่เมื่อมีจำนวนโซลูชันมากขึ้น ทำให้เกิดปัญหาด้านความซับซ้อนและการผสานการทำงานร่วมกัน การวางระบบ SASE โดยใช้โซลูชันจาก Vendor เดียวจึงเริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนอกจากจะบริการจัดการได้ง่ายแล้ว ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายลงได้มากถึง 40 – 50% เลยทีเดียว
2. SASE ช่วยสร้างเส้นทางสู่ Zero Trust ได้เร็วยิ่งขึ้น
การวางระบบ SASE โดยใช้โซลูชันจาก Vendor เดียวช่วยองค์กรปูเส้นทางสู่สถาปัตยกรรมแบบ Zero Trust ได้เร็วยิ่งขึ้น เนื่องจากระบบทั้งหมดสามารถช่วยกันตรวจสอบและยืนยันตัวตนของผู้ใช้และอุปกรณ์ได้แบบเรียลไทม์และไร้รอยต่อ ทั้งยังช่วยให้องค์กรสามารถบริหารจัดการและแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็วจากศูนย์กลาง
3. SASE จะทรงพลังมากขึ้นด้วย AI/ML
การผสานเทคโนโลยี AI/ML Security เข้าด้วยกันกับ SASE รวมถึงมี Threat Intelligence คอยสนับสนุนจะช่วยให้องค์กรสามารถตรวจจับภัยคุกคามแบบ Zero-day และปกป้องผู้ใช้จากมัลแวร์ประเภทต่างๆ ได้ จำไว้เสมอว่า การรักษาความมั่นคงปลอดภัยเป็นปัจจัยหลักในการเลือกใช้โซลูชัน SASE เนื่องจากพนักงานมักทำงานนอกสถานที่ ทำให้ส่วนใหญ่ไม่ได้รับการคุ้มครองจากระบบรักษาความมั่นคงปลอดภัยขององค์กร
4. SSE จะขยายการเชื่อมต่อสู่ OT และเครือข่าย Wired & Wireless
SASE รองรับการใช้งานในทุกสถานที่ ทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นออฟฟิศขนาดใหญ่ โฮมออฟฟิศ หรือแม้แต่สาขาขนาดเล็กที่ไม่มี Firewall หรือ SD-WAN อย่างไรก็ตาม การรักษาความมั่นคงปลอดภัยบน On-premises ยังคงมีความจำเป็น ซึ่ง SASE สามารถสนับสนุนเรื่องนี้ได้โดยใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ Security Service Edge (SSE) ในการขยายการรักษาความมั่นคงปลอดภัยสู่ระบบ LAN/WLAN และ OT
5. DEM จะเป็นฟีเจอร์หลักของ SASE
Digital Experience Monitoring (DEM) ถูกมองว่าเป็นฟีเจอร์ระดับพรีเมียมสำหรับให้บริการ Visibility แบบ End-to-end อย่างไรก็ตาม Fortinet คาดการณ์ว่า DEM กำลังจะกลายเป็นฟีเจอร์สำคัญฟีเจอร์หนึ่งของ SASE ในอนาคตอันใกล้นี้ ซึ่ง DEM จะช่วยยกระดับ User Experience และ Application Performance ให้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ความเร็วของ MTTD และ MTTR ดีกว่าเดิม และเมื่อ DEM ถูกผสานรวมกับ SASE ย่อมให้ทำ Operational Cost ลดลงตามไปด้วย
รายละเอียดเพิ่มเติม: https://www.fortinet.com/blog/business-and-technology/top-5-sase-trends-in-2024