เป็นที่ทราบกันดีว่า Oracle Database ถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในแอพพลิเคชันระดับ Mission Critical ขององค์กรขนาดใหญ่ทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงิน หน่วยงานรัฐ ผู้ให้บริการโทรคมนาคม ห้างร้าน รวมไปถึงอุตสาหกรรมอื่นๆ เพื่อปกป้องข้อมูลให้พร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา องค์กรเหล่านี้จึงต้องมีโซลูชันสำหรับสำรองและกู้คืนข้อมูลประสิทธิภาพสูง ที่พร้อมทำงานได้อย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และมั่นใจว่าข้อมูลจะไม่สูญหาย
ปัญหาการสำรองและกู้คืนข้อมูลในปัจจุบัน
ถึงแม้ว่าการสำรองข้อมูลจะเป็นการดำเนินงานพื้นฐานของ IT Operation ที่แต่ละองค์กรกระทำเป็นประจำทุกวันอยู่แล้ว แต่ข้อมูลระดับ Mission Critical ที่มีความสำคัญในระดับนาที (หรืออาจจะวินาที) จำเป็นต้องมีการสำรองข้อมูลตลอดเวลา การสำรองข้อมูลตอนกลางคืนย่อมไม่เพียงพอต่อการกู้ข้อมูลกลับคืนมา ณ จุดที่เกิดการทำธุรกรรมครั้งสุดท้าย ซึ่งอาจส่งผลกระทบมหาศาลต่อการดำเนินธุรกิจเมื่อระบบมีปัญหาได้
อีกประเด็นหนึ่งคือ การสำรองข้อมูลโดยส่วนใหญ่มักส่งผลกระทบต่อระบบที่กำลังดำเนินงานอยู่ ทำให้ระบบไม่สามารถปฏิบัติงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและเกิดความล่าช้าในการประมวลผล บางองค์กรถึงขั้นตัดใจยอมรับความเสี่ยงในการไม่สำรองข้อมูล เพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังไม่สามารถการันตีได้ว่า เมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติจะสามารถกู้ข้อมูลกลับคืนมาได้ครบถ้วนและถูกต้อง 100%
Oracle ตระหนักถึงปัญหาด้านการสำรองและกู้ข้อมูลระดับ Mission Critical ในปัจจุบัน จึงได้พัฒนา Zero Data Loss Recovery Appliance (ZDLRA) ซึ่งเป็นฮาร์ดแวร์ที่ถูกออกแบบมาสำหรับปกป้องข้อมูลในระบบฐานข้อมูล Oracle โดยเฉพาะ โดยมีจุดเด่นสำคัญ 5 ประการ ดังนี้
1. RPO น้อยที่สุด ปกป้องข้อมูลได้เกือบเรียลไทม์
สิ่งสำคัญของการกู้ข้อมูลระดับ Mission Critical คือ การมี Recovery Point Objective (RPO) ต่ำที่สุดในแผนบริหารความต่อเนื่องเชิงธุรกิจ (Business Continuity Planning) หรือก็คือเกิดความสูญเสียของข้อมูลน้อยที่สุดเมื่อเกิดเหตุภัยพิบัติ ZDLRA สามารถสำรองข้อมูลในฐานข้อมูลได้เกือบเรียลไทม์ผ่านการทำ Real-time Redo Transport ซึ่งระบบฐานข้อมูลของ Oracle จะสำรอง Transaction ที่ถูก Commit ล่าสุดไปยัง ZDLRA ตลอดเวลา ส่งผลให้ถ้าระบบฐานข้อมูล Oracle เกิดความเสียหาย ผู้ดูแลระบบจะสามารถกู้ข้อมูลกลับคืนมาได้ถึง ณ จุดสุดท้ายที่ Transaction ล่าสุดถูก Commit
2. รับประกันการกู้ข้อมูลคืนผ่านการทำ End-to-end Data Validation
ZDLRA มีระบบตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทั้งขณะ “ข้อมูลเข้า”, “ข้อมูลถูกจัดเก็บ” และ “ข้อมูลออก” ซึ่งช่วยลดภาระงานของผู้ดูแลระบบ รวมไปถึงข้อมูลสำรองจะถูกทำสำเนาเพื่อจัดเก็บเป็นจำนวน 3 ชุด ทำให้มั่นใจว่าเมื่อทำการกู้ข้อมูลกลับคืนมา ข้อมูลจะถูกต้อง ครบถ้วน และไม่สูญหาย
- ข้อมูลเข้า – เมื่อ ZDLRA ได้รับ Transaction ที่ถูกสำรองมาจากระบบฐานข้อมูล Oracle จะทำการตรวจสอบว่า Transaction มีความถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ จะร้องขอให้ระบบฐานข้อมูล Oracle ส่ง Transaction มาให้ใหม่
- ข้อมูลถูกจัดเก็บ – ZDLRA จะดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเป็นประจำทุก 14 วัน
- ข้อมูลขาออก – มีการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลก่อนส่งออกไปจัดเก็บในอุปกรณ์สำหรับเก็บข้อมูลระยะยาว เช่น เทป
3. กู้คืนข้อมูลกลับไปยังจุดใดก็ได้ในหลัก “นาที”
เพื่อให้การสำรองข้อมูลส่งผลกระทบต่อระบบ Production น้อยที่สุด ZDLRA ใช้วิธีสำรองข้อมูลทั้งหมด (Full Backup) เพียงครั้งแรกครั้งเดียว หลังจากนั้นจะใช้วิธีสำรองข้อมูลแบบเฉพาะส่วนที่เพิ่มขึ้นมา (Incremental Backup) ซึ่ง ZDLRA จะผสานรวมข้อมูลสำรองทั้งหมดให้กลายเป็นข้อมูลเพียงชุดเดียว เรียกว่า Virtual Full Backup นั่นหมายความว่า ผู้ดูแลระบบสามารถกู้ข้อมูลกลับคืนมา ณ จุดที่สำรองข้อมูลครั้งสุดท้ายได้ทันที โดยไม่ต้องทยอยกู้ข้อมูลกลับคืนมาทีละขั้นเหมือนระบบสำรองข้อมูลทั่วไป ช่วยลดความเสี่ยงของการสูญหายของข้อมูล ที่สำคัญคือ ผู้ดูแลระบบสามารถเลือกกู้ข้อมูลกลับคืนมา ณ ช่วงเวลาใดก็ได้ตามความต้องการถึงหลักนาที เช่น ข้อมูลสำรองล่าสุดเมื่อวันที่ 16 เมษายน เวลาเที่ยงคืน ผู้ดูแลระบบสามารถเลือกกู้ข้อมูลกลับไปยังวันที่ 12 เมษายน เวลา 18.15 น. ได้ เป็นต้น
นอกจากนี้ การทำ Real-time Redo Transport ยังเป็นการส่ง Transaction จาก Shared Memory โดยตรง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบฐานข้อมูล Oracle น้อยมาก ส่งผลให้สามารถสำรองข้อมูลพร้อมๆ กับให้บริการลูกค้าได้แบบ 24×7
4. ไม่ต้องซื้อซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลเพิ่ม พร้อมขยายระบบได้ถึงระดับ Petabyte
ZDLRA มาพร้อมกับซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลซึ่งพร้อมทำงานร่วมกับระบบฐานข้อมูลของ Oracle ได้อย่างไร้รอยต่อ ผู้ดูแลระบบไม่จำเป็นต้องติดตั้งโปรแกรมใดๆ เพิ่มเติม โดยพื้นฐานแล้ว ZDLRA ประกอบด้วย Compute Server 2 หน่วย และ Storage Server 3 หน่วย เชื่อมต่อกับผ่าน InfiniBand ความเร็วสูง สามารถสำรองข้อมูลได้ 94 TB (โดยเฉลี่ย 14 วันสำหรับฐานข้อมูลระดับ Mission Critical ทั่วไป) และกู้ข้อมูลคืนได้ด้วยความเร็วถึง 120 TB ต่อชั่วโมง นอกจากนี้ยังรองรับการขยายระบบให้พร้อมสำรองข้อมูลได้สูงสุดถึงระดับ 100 Petabytes อีกด้วย
5. Ransomware ไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป
ปัจจุบันนี้ แฮ็คเกอร์ได้เริ่มออกแบบ Ransomware พุ่งเป้าโจมตีระบบฐานข้อมูลมากขึ้น ดังกรณี MySQL และ MongoDB ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เนื่องจากแฮ็คเกอร์ทราบดีว่าภายในระบบฐานข้อมูลย่อมเก็บข้อมูลสำคัญของธุรกิจไว้ จึงมีความเป็นไปได้สูงที่เหยื่อจะจ่ายค่าไถ่จำนวนมหาศาลเพื่อให้ได้ข้อมูลกลับคืนมา แน่นอนว่าวิธีรับมือกับ Ransomware ที่ดีที่สุดการสำรองข้อมูล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ZDLRA ซึ่งสามารถกู้ข้อมูลกลับคืนมาได้ถึงการทำธุรกรรมล่าสุดที่ถูก Commit จึงทำให้มั่นใจได้ว่า ต่อให้ระบบฐานข้อมูลถูก Ransomware โจมตี ข้อมูลทั้งหมดยังคงอยู่อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
ดาวน์โหลด Data Sheet ของ Oracle ZDLRA [PDF]
ปัจจุบันนี้ Oracle ประเทศไทยมีฐานลูกค้าผู้ใช้ฮาร์ดแวร์ Engineered Systems รวมไปถึง ZDLRA มากกว่า 50 รายทั่วประเทศ ครอบคลุมทุกอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นการธนาคาร ค้าปลีก (Retail) ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ หน่วยงานด้านพลังงาน และอื่นๆ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายขายของ Oracle อีเมล market_th@oracle.com