จบลงไปเป็นที่เรียบร้อยกับงาน Esri Thai GIS User Conference 2024 (TUC 2024) ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น ในวันที่ 15 สิงหาคม 2024 อีกหนึ่งงานที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่างานด้านระบบสารสนเทศภูมิศาสตร์ (Graphic Information System หรือ GIS) ในประเทศไทยนั้นมีชุมชนที่แข็งแกร่ง และมีความสำคัญอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) ที่ทั่วโลกจะต้องร่วมมือกัน

และ Esri ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ GIS ยอดนิยมทั่วโลกอย่าง ArcGIS คือหนึ่งในเครื่องมือที่มีบทบาทอย่างมากในการวิเคราะห์เชิงพื้นที่ภูมิศาสตร์ในแต่ละภาคส่วน ซึ่งภายในงาน TUC 2024 ที่จัดโดยบริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) หรือ Esri (Thailand) ได้พาผู้เข้าร่วมงานมาอัปเดตเทคโนโลยี GIS ล่าสุด พร้อม Use Case ขององค์กรชั้นนำของไทยที่ประยุกต์ใช้ GIS เสริมประสิทธิภาพในการให้บริการและแก้ไขปัญหา Climate Change มีอะไรภายในงานบ้าง ติดตามได้ในบทความนี้
GIS เทคโนโลยีทั่วโลกพูดเป็นภาษาเดียวกัน
ในทุก ๆ ปี Esri จะมีการจัดงาน Esri User Conference ระดับโลกที่จะมาพูดคุยอัปเดตเทคโนโลยี GIS และเครื่องมือ ArcGIS อย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้คือครั้งที่ 44 แล้วซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 43,000 ท่านทั่วโลก ทั้งแบบออนไซต์และออนไลน์ ภายในสถานที่ที่ใหญ่ระดับ 33 สนามฟุตบอลมารวมกัน
โดยภายในงานระดับโลกเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมานั้นมีเซสชันบรรยายกว่า 1,000 เซสชัน และมีบูธนิทรรศการถึงกว่า 300 บูธ ที่ผู้เข้าร่วมงานจะมาอัปเดตเทคโนโลยีใหม่ ๆ และแลกประสบการณ์ ทำความรู้จักกันในระยะเวลากว่า 1 สัปดาห์

สิ่งที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดเจนว่า GIS คืออีกหนึ่งเทคโนโลยีที่มีการใช้งานในวงกว้างและเป็นมาตรฐานสากล ที่อาจเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือหรือภาษาที่ทำให้คนสามารถพูดคุยเข้าใจกันได้แม้ว่าจะใช้ภาษาพูดที่แตกต่างกัน ก็สามารถเข้าใจและเชื่อมโยงไปในทางเดียวกันได้ผ่านข้อมูลเชิงภูมิศาสตร์และข้อมูลแผนที่
TUC 2024 กับธีม “GIS – Uniting Our World”
สำหรับงาน “Thai GIS User Conference 2024 (TUC 2024)” งานสัมมนา GIS ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยนั้น เรียกได้ว่าทาง บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) หรือ Esri (Thailand) ก็ได้เดินหน้าจัดมาอย่างยาวนานแล้วเช่นกัน โดยครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 28 แล้ว และปีนี้มาในธีม “GIS – Uniting Our World” ซึ่งชี้ให้เห็นความสำคัญอย่างยิ่งของ GIS ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลแผนที่ต่าง ๆ เข้าด้วยกันได้ทั้งโลก

“งาน GIS หรือการเชื่อมโยงข้อมูลแผนที่ต่าง ๆ ที่ทุกท่านสร้างขึ้น นับวันจะยิ่งมีความสําคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้เราเข้าใจในปัญหา ตัดสินใจ และจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพไดัมากยิ่งขึ้น” ดร.ธนพร ฐิติสวัสดิ์ President แห่ง Esri (Thailand) กล่าว “GIS Uniting Our World คือธีมงานสำหรับปีนี้ พวกเราทุกคนในห้องนี้มาจากต่างองค์กร ต่าง Background แต่ก็ล้วนทํางานที่ใช้พื้นฐานทางวิทยาศาสตร์หรือว่าเทคโนโลยี GIS มาใช้ในการแก้ปัญหา เพื่อมารับมือกับความท้าทายที่เราเผชิญอยู่บนโลกนี้”

เพราะทุกวันนี้ โลกมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว แม้ว่าสิ่งพัฒนาขึ้นมานั้นจะช่วยยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้นได้จริง แต่ทว่าในทุกพัฒนาการก็มักจะส่งผลกระทบต่อเรื่องสภาพแวดล้อมตามมา ดังจะเห็นปัญหาการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ (Climate Change) ที่นับวันจะยิ่งทวีคูณความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น ภัยแล้ง ไฟป่า น้ำท่วม ฝุ่น PM2.5 ธารน้ำแข็งละลาย อุณหภูมิโลกสูงขึ้น เป็นต้น
สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัญหาที่ทั้งโลกต้องร่วมมือกันแก้ไขอย่างเร่งด่วน และเทคโนโลยี GIS คืออีกหนึ่งเครื่องมือสำคัญที่จะเชื่อมทุกคนบนโลก ให้สามารถสื่อสารกันในเชิงแผนที่ได้เป็นภาษาเดียวกัน และเมื่อผสานกับวิวัฒนาการของเทคโนโลยีในด้านไอทีโดยเฉพาะ AI และ Data จะยิ่งหนุนให้ทุกคนสามารถร่วมมือกันช่วยกันแก้ไขปัญหา จัดการความท้าทาย หรือหาทางป้องกันวิกฤตการณ์ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นทั้งในระดับประเทศและระดับโลกต่อไปได้อย่างทันท่วงทีมากขึ้น

ArcGIS แพลตฟอร์ม Geospatial ระดับ Enterprise จาก Esri
เทคโนโลยี GIS นั้นสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้อย่างหลากหลาย เช่น การประเมินราคาที่ดิน หรือว่าการจัดเก็บภาษี ซึ่ง ArcGIS คือแพลตฟอร์มภูมิสารสนเทศ (Geospatial) ระดับองค์กร (Enterprise) ของ Esri ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลเชิงภูมิศาสตร์ต่าง ๆ มาบริหารจัดการ สร้างแผนที่ วิเคราะห์หาข้อมูลเชิงลึกในบริบททางภูมิศาสตร์ได้อย่างงายดาย

โดย ArcGIS นั้นเป็นระบบเปิด (Open Platform) ที่มีความหมายว่าเป็นแพลตฟอร์มกลางที่เปิดให้ระบบอื่น ๆ สามารถเชื่อมต่อข้อมูลแล้วนำมาใช้งานบน ArcGIS ได้ทั้งหมด ซึ่งจะทำให้ข้อมูลจากหลายแหล่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้ร่วมกันในเชิงพื้นที่ได้อย่างรวดเร็วในจุดเดียว
ArcGIS สามารถสนับสนุนการใช้งานในทุกความต้องการของกลุ่มผู้ใช้ ตั้งแต่ระดับผู้เชี่ยวชาญ GIS นักพัฒนาระบบ ฝ่ายไอที ไปจนถึงระดับผู้บริหาร ซึ่งสามารถใช้งานได้ทั้งบน On-Premises หรือบน Cloud แบบ SaaS หรือ PaaS ที่สามารถขยายขนาด (Scale) ได้ รวมทั้งยังมีความเสถียร (Stable) และมีความมั่นคงปลอดภัย (Security) ในระดับสากล
5 ไฮไลต์ ขีดความสามารถอันโดดเด่นของ ArcGIS
ภายในงาน Esri (Thailand) ได้นำเสนอ 5 ไฮไลต์ที่แสดงให้เห็นขีดความสามารถที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องของ ArcGIS ที่พร้อมสนับสนุนการทำงานเชิงพื้นที่ที่เหนือไปอีกขั้น ได้แก่

1. GeoAI
โมเดล Generative AI ที่มาเสริมขีดความสามารถภายใน ArcGIS ด้วยโมเดล AI ในยุคใหม่ อย่างเช่น Foundation Model ที่เสริมเข้ามาเพิ่มเติม จะยิ่งช่วยสนับสนุนให้การสร้างแผนที่มีความง่ายและรวดเร็วยิ่งขึ้น และทำให้มีความอัตโนมัติมากขึ้น เช่น การติดตามความเปลี่ยนแปลงใน 2 ช่วงเวลา (Change Detection) หรือ TextSAM ที่ใช้ Prompt ค้นหาข้อมูลวัตถุที่ต้องการในพื้นที่ ซึ่งโมเดลจะสกัดวัตถุเหล่านั้นออกมาพร้อมตำแหน่งออกมาสร้างเป็นชั้นข้อมูลใหม่ได้ทันที

และล่าสุด ArcGIS มี 2 ฟีเจอร์ใหม่ภายใต้ GeoAI เข้ามา ได้แก่
- AI Auto Labeling AI ที่ช่วยตรวจจับวัตถุที่ต้องการได้อัตโนมัติ และติดป้าย (Label) ข้อมูลได้เร็วขึ้น ฟีเจอร์นี้จะช่วยลดเวลาในการตีกรอบวัตถุได้อย่างมหาศาล
- GeoAI for Time-Series Forecasting ที่สนับสนุนการวิเคราะห์ข้อมูลที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาอย่างข้อมูลบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งสามารถนำมาวิเคราะห์กับแผนที่ GIS ที่ประยุกต์ได้ในหลายกรณี เช่น การจัดแคมเปญการตลาดตามพื้นที่ที่ตรงจุด

2. GeoAI in Apps
การนำ Generative AI มาเป็นผู้ช่วย (AI Assistant) ในการทำงานบางอย่างที่ให้เร็วยิ่งขึ้น เช่น ArcGIS Survey123 ที่สามารถรับ Prompt สร้างแบบฟอร์มสำรวจขึ้นมาได้อัตโนมัติ เช่น ต้องการแบบฟอร์มสำรวจผู้ประสบภัยน้ำท่วม ที่ส่งเข้าไปแล้วจะช่วยสนับสนุนไอเดียว่าควรจะต้องมีคำถามอะไรบ้างเบื้องต้น และถ้าหากเห็นด้วยกับไอเดียดังกล่าวก็สามารถกดสร้างแบบฟอร์มขึ้นมาทันที เป็นต้น



3. Spatial Analysis and Data Science
เครื่องมือสนับสนุนการวิเคราะห์และแก้ไขปัญหาสำหรับนัก GIS โดยตัวอย่างที่ยกขึ้นมาและเกี่ยวข้องกับสถานการณ์ในประเทศไทยอย่างมาก คือ ArcGIS Flood Simulation ที่สามารถจำลองสถานการณ์น้ำท่วม โดยนำเอาข้อมูลปริมาณน้ำฝนมาใส่ แล้วทำนายล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดน้ำท่วมในบริเวณใดได้บ้างอย่างแม่นยำ


4. ArcGIS Integrates All Types of Data
ArcGIS สามารถบูรณาการ (Integrate) ข้อมูลได้หลากหลายรูปแบบครบถ้วนแล้ว โดยปีนี้มีเครื่องมือใหม่อย่าง ArcGIS Data Pipelines ที่ทำให้เชื่อมโยงได้ง่ายยิ่งขึ้น จากเดิมที่จะต้องปรับแต่ง (Customize) ในแต่ละส่วน แต่ด้วยเครื่องมือใหม่นี้ เพียงแค่ตั้งค่า (Config) แบบ Low Code ก็สามารถดึงข้อมูล อาทิ Shape File, GeoJSON หรือข้อมูล Open Data อย่างไฟล์ภาพ 3D Model, API เข้ามาใช้งานได้ทันที


5. ArcGIS Includes Many Apps
ArcGIS มีแอปพลิเคชันให้ใช้งานได้หลากหลายรูปแบบที่สามารถสนับสนุนผู้ใช้งานได้ในทุกระดับ เช่น เป็น Web หรือ Mobile App อีกทั้ง ArcGIS นั้นเป็นแพลตฟอร์ม Low Code/No Code Application ที่สามารถใช้งานได้ง่าย เพียงแค่ตั้งค่าสิ่งที่ต้องการก็จะได้แอปพลิเคชันที่ต้องการใช้งานอย่างรวดเร็ว
และล่าสุด Ersri ได้ออกเครื่องมือใหม่ในชื่อ Web Editor และ ArcGIS Experiece Builder ที่สามารถปรับตั้งค่าไม่กี่ขั้นตอนก็สามารถใช้งานเครื่องมือชั้นสูงผ่านเว็บได้เหมือน ArcGIS Pro ทันที

เทคโนโลยี GIS ขับเคลื่อน PEA บริการได้แม่นยำมากขึ้น
หนึ่งในกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นชัดเจนว่า GIS มีความสำคัญและสามารถสนับสนุนการทำงานขององค์กรมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และช่วยในเรื่อง Climate Change ได้เป็นอย่างดี นั่นคือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA)
โดยคุณพงศกร ยุทธโกวิท ผู้ช่วยผู้ว่าการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้มาบรรยายในเซสชัน Keynote ซึ่งได้บอกเล่าเรื่องราวการใช้งานผลิตภัณฑ์ ArcGIS จาก Esri ในหลากหลายเครื่องมือ ที่ทำให้การให้บริการของ PEA กับลูกค้า 20 กว่าล้านรายที่ครอบคลุมถึง 74 จังหวัดในประเทศไทยให้สามารถใช้ไฟฟ้าได้อย่างมั่นใจ

ด้วยวิสัยทัศน์ของ PEA ที่ว่า “ไฟฟ้าอัจฉริยะ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นและยั่งยืน” จึงทำให้ปัจจุบัน PEA มีการใช้งานระบบดิจิทัลเป็นโครงสร้างพื้นฐานในหลากหลายส่วน ซึ่งเทคโนโลยี GIS คืออีกหนึ่งส่วนสำคัญโดย PEA ได้มีการใช้งานระบบ ArcGIS ของ Esri มากกว่า 20 ปีแล้วและได้ประยุกต์ใช้ในแอปพลิเคชันมากมาย เช่น การออกแบบระบบไฟฟ้า เสาสาย หม้อแปลง มิเตอร์ หรือการบำรุงรักษา ซ่อมแซม รวมทั้งสร้างแผนที่ Dashboard ที่สนับสนุนข้อมูลให้กับผู้ใช้ได้ทุกระดับ
ด้วยเทคโนโลยี GIS ที่ผสานข้อมูลกับแผนที่ได้ จึงทำให้ PEA สามารถให้บริการดูแลบ้านเรือนที่ใช้ไฟฟ้าจาก PEA ได้อย่างแม่นยำ โดย คุณพงศกร ได้ยกตัวอย่างกรณีเมื่อเกิดปัญหาไฟฟ้าดับในพื้นที่ที่ให้บริการ ทาง PEA จะสามารถรู้ตำแหน่งที่ต้องเข้าซ่อมและบริหารจัดการเจ้าหน้าที่เพื่อไปซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็วและตรงจุด ซึ่งช่วยลดระยะเวลาในการสำรวจพื้นที่จริงได้มาก และยังช่วยให้การปล่อยคาร์บอนจากรถยนต์ขององค์กรตาม Carbon Emissions Scope 1 ลดน้อยลงไปอย่างมากด้วย

คุณพงศกร ยังชี้ให้เห็นด้วยว่า GIS คือส่วนสำคัญที่ช่วยสนับสนุนให้ PEA ก้าวเข้าสู่เป้าหมายความยั่งยืนได้แม่นยำยิ่งขึ้น ตัวอย่างเช่น การพยากรณ์ความต้องการในการใช้ไฟฟ้าในอนาคตในแต่ละพื้นที่ การวิเคราะห์จำลองจุดให้บริการระบบโซลาร์เซลล์ (Solar Rooftop) และจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ที่เหมาะสม หม้อแปลงที่ต้องปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับโหลดที่มากขึ้นในอนาคต ทำนายเวลาในการซ่อมแซมบำรุงรักษา ฯลฯ
ทั้งหมดนี้ แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี GIS มีบทบาทสำคัญต่อ PEA เป็นอย่างมากในปัจจุบันและอนาคตที่จะมีการประยุกต์ใช้ AI ให้มากขึ้น และจะทำให้ PEA สามารถบรรลุเป้าหมายการเป็นองค์กรที่ยั่งยืนในขณะที่ยังสามารถสร้างรายได้จากเทคโนโลยี GIS ให้กับองค์กรได้ต่อไปอีกด้วย
GIS เสริมการทำระบบสายส่งไฟฟ้าที่ทันสมัย (Modern Grid)
ระบบสายส่งไฟฟ้า (Grid) คือโครงสร้างพื้นฐานสำคัญในการจำหน่ายส่งไฟฟ้าไปยังผู้บริโภคต่าง ๆ ซึ่ง GIS มีส่วนช่วยทำให้ระบบสายส่งไฟฟ้าที่มีความทันสมัย (Modern Grid) ตอบรับทั้งประสิทธิภาพและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นได้ โดยภายในงานได้ยกตัวอย่าง 3 กรณีที่ ArcGIS สามารถสนับสนุนการทำให้เกิด Modern Grid ได้อย่างชาญฉลาดมากขึ้น ได้แก่
1. โครงข่ายไฟฟ้าแบบ 3D
GIS ได้ทำให้สามารถเก็บข้อมูลโครงข่ายไฟฟ้าได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริงได้มากขึ้น เช่น การบำรุงรักษาสายใต้ดินที่ภายในเครื่องมือ ArcGIS สามารถแสดงผลรายละเอียดบ่อพักสายไฟใต้ดินได้อย่างครบถ้วน ซึ่งจะทำให้สามารถจำลองถึงระดับสายไฟที่มีความละเอียดครอบคลุม และประเมินบริเวณที่จะได้ผลกระทบในการซ่อมบำรุงตามปัญหาที่ได้รับแจ้งอย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
2. งานตรวจสอบอุปกรณ์ไฟฟ้า
ด้วยขีดความสามารถใหม่อย่าง Oriented Imagery ทำให้ผู้ใช้เห็นความสัมพันธ์ของข้อมูลในระบบกับภาพจริงที่กำลังมองอยู่ได้สมจริงมากขึ้น พร้อมกับการประยุกต์ใช้โมเดล Deep Learning จึงทำให้สามารถคัดแยกวัตถุในภาพได้อย่างแม่นยำ เช่น ส่วนใดในภาพคือลูกถ้วยไฟฟ้าก็สามารถระบุตำแหน่งในภาพได้ทันที อีกทั้ง GeoAI ยังช่วยประเมินได้ด้วยว่าลูกถ้วยนั้นมีความเสียหายหรือไม่ ต้องซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนแล้วหรือยัง


3. งานติดตั้งอัปเดตอุปกรณ์ไฟฟ้าด้วย Survey123
ภายใน ArcGIS มีเครื่องมือ Survey123 อันเป็น AI Assistant ที่พร้อมสนับสนุนเจ้าหน้าที่ภาคสนามที่จะต้องออกไปถ่ายรูปมิเตอร์หน้างานและต้องกรอกข้อมูลเข้าระบบ ซึ่ง Survey123 จะช่วยสนับสนุนเจ้าหน้าที่สกัดข้อมูลและกรอกลงระบบให้อัตโนมัติตามกำหนด ซึ่งนอกจากลดเวลาการทำงานแล้วยังทำให้ลดความผิดพลาดในการกรอกข้อมูลได้ด้วย

ArcGIS ยกระดับวิเคราะห์ภัยพิบัติจาก Climate Change ได้ดีขึ้น
อีกหนึ่งเซสชัน Keynote ของงานที่บรรยายโดย รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิตและที่ปรึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ FutureTales LAB ได้ชี้ให้เห็นถึงวิกฤต Climate Change ของโลกนั้น นับวันจะยิ่งทวีความรุนแรงและได้ส่งผลกระทบไปทั่วโลกในทุกอุตสาหกรรม
ด้วยอุณหภูมิโลกที่ร้อนขึ้นได้ส่งผลให้สภาพอากาศแปรปรวนมีความไม่แน่นอน เมื่อน้ำแล้งก็จะรุนแรงมากหรือเมื่อน้ำท่วมก็จะเป็นน้ำท่วมใหญ่ดังจะเห็นในหลาย ๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝัน ซึ่งงานวิจัยเผยว่าภายในปี 2033 อุณหภูมิโลกจะสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียสอย่างถาวร ที่จะส่งผลเสียทำให้เกิดความเสี่ยงเกิดวิกฤตการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้อีกมากมาย

ในบริบทของประเทศไทยก็ได้รับผลกระทบอย่างไม่เคยคาดคิดมาก่อนเช่นกัน อย่างกรณีผลผลิตการเกษตรที่ลดลงตามหน้าสื่อมากมาย น้ำท่วมที่ภูเก็ตที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนโดยเรียกว่าหนักสุดในรอบ 1,000 ปี ซึ่งงานวิจัยเผยว่าถ้าหากสามารถทำนายและแจ้งเตือนได้ล่วงหน้าจะช่วยลดผลกระทบความเสียหายได้ราว 30% ดังนั้น การทำนายเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำจึงมีสำคัญอย่างยิ่งแม้ว่าจะมีความท้าทายอย่างมากก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ ดร.เสรี จึงเน้นย้ำว่าเทคโนโลยี GIS อันล้ำสมัยและเครื่องมือสนับสนุนในเชิงแผนที่นั้นจะมีความสำคัญอย่างมากในการยกระดับการวิเคราะห์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นจาก Climate Change ในอนาคต โดยเฉพาะเครื่องมือใหม่อย่าง Flood SImulation ที่สามารถช่วยทำนายเหตุการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นจากข้อมูลน้ำฝน น้ำล้นตลิ่ง หรือน้ำหนุนสูงขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ซึ่งจะช่วยทำให้องค์กรที่ใช้งานสามารถวางแผนและบริหารจัดการแก้ไขเหตุการณ์น้ำท่วมได้ดียิ่งขึ้น

รวมทั้งภายในเซสชัน ดร.เสรี ยังได้แนะนำให้รู้จักกับแอปพลิเคชัน Urban Hazard Studio แพลตฟอร์มฮับข้อมูลสภาพแวดล้อมของประเทศไทยคาดการณ์พื้นที่ในกรุงเทพมหานครที่มีความเสี่ยงน้ำท่วม โดยใช้ชุดข้อมูลปริมาณน้ำฝนในรอบ 100 ปี เป็นต้น ทั้งหมดนี้เป็นการตอกย้ำชัดเจนว่าเทคโนโลยี GIS มีความสำคัญอย่างยิ่งและจะมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการจัดการเหตุการณ์ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน
ArcGIS Flood Simulation พร้อมจำลองเหตุการณ์น้ำท่วมได้อย่างแม่นยำ
หนึ่งในเหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีคือ “น้ำท่วม” ซึ่งจากข้อมูลพบว่าความถี่ในการเกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น การเตรียมการเพื่อบริหารจัดการน้ำไม่ว่าจะมาจากน้ำฝน น้ำหลาก หรือน้ำทะเลหนุน เพื่อแจ้งเตือนผู้ที่อาจได้รับผลกระทบล่วงหน้าก่อนจะช่วยให้ประชาชนในพื้นที่สามารถเตรียมการ วางแผนจัดการเพื่อลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที
เทคโนโลยี GIS จึงเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยยกระดับการวิเคราะห์ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นได้ทั่วเมื่อ ภายในงาน Ersi (Thailand) จึงแสดงขีดความสามารถของเครื่องมือใหม่อย่าง Flood Simulation ที่สามารถทำนายสถานการณ์น้ำท่วมในแต่ละพื้นที่จากข้อมูลฝนตกได้อย่างยืดหยุ่นและจำลองเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างชัดเจน และจะทำให้เข้าใจสถานการณ์น้ำท่วมได้ดียิ่งขึ้น

โดย ArcGIS Flood Simulation นั้นสามารถเชื่อมโยงข้อมูลน้ำฝนจากภายนอกอย่างกรมอุตุนิยมวิทยา เพื่อนำมาจำลองสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต่าง ๆ ได้ทันที ซึ่งทำให้เห็นภาพรวมที่มีโอกาสเกิดขึ้นและทำให้สามารถสร้างฉากทัศน์ (Scenario) เพื่อรับมือสถานการณ์น้ำในอนาคตได้ดีขึ้น เช่น การสร้างระบบระบายน้ำ แนวกั้นน้ำ หรือทางระบายน้ำเพิ่มเติม แล้วดูผลลัพธ์จำลองว่าเหตุการณ์น้ำท่วมที่อาจเกิดขึ้นบริเวณนั้น จะเปลี่ยนแปลงไปเป็นแบบใด หรือว่าจะส่งผลกระทบต่อพื้นที่อื่น ๆ หรือไม่เมื่อดำเนินการสิ่งต่าง ๆ ได้ชัดเจนมากขึ้น
บทส่งท้าย
ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่มีการพูดถึงกันภายในครึ่งเช้าของงาน TUC 2024 โดย Esri (Thailand) ในช่วงเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา งานอัปเดตเทคโนโลยี GIS และวิวัฒนาการของเครื่องมือ ArcGIS ที่เสริมแกร่งขีดความสามารถของ Generative AI เข้าไป ทำให้พร้อมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาจาก Climate Change ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ดีขึ้น เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถวางแผนบริหารจัดการเหตุการณ์ภัยพิบัติต่าง ๆ ได้อย่างทันท่วงที
เพราะ Climate Change คือปัญหาที่ทุกคนทั้งโลกต้องร่วมมือกัน และถ้าหากผ่านพ้นจุดที่โลกมีอุณหภูมิสูงขึ้นกว่า 1.5 องศาโดยถาวรแล้ว โลกที่เคยอาศัยกันมาก็อาจจะอยู่ได้ยากขึ้นและภัยพิบัติครั้งใหญ่ก็อาจเกิดบ่อยครั้งมากขึ้น หรืออาจเป็นภัยพิบัติรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนก็เป็นได้ ดังนั้น เทคโนโลยี GIS จะมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหา Climate Change ในอนาคตอย่างแน่นอน
สุดท้ายนี้ สามารถเข้าไปดูบรรยากาศในงาน ERSI Thai GIS User Conference 2024 ที่ทีมงาน TechTalkThai ได้ไปบันทึกบรรยากาศภายในงาน ได้ที่ YouTube
และหากองค์กรใดสนใจโซลูชันระบบ GIS จาก Esri ติดต่อทีมงาน Esri (Thailand) ได้ทันทีที่
บริษัท อีเอสอาร์ไอ (ประเทศไทย) จำกัด
อีเอสอาร์ไอ ประเทศลาว และ อีเอสอาร์ไอ ประเทศกัมพูชา
202 ชั้น 12 อาคาร ซีดีจี เฮ้าส์ ถนนนางลิ้นจี่ แขวงช่องนนทรี เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร 10120
Tel: 02 678 0710, 02 678 0714
Esri Hotline: 02 678 0212
Fax : 02 678 0321-3
E-mail : esrith.contact@cdg.co.th
ติดต่อ Tech Support : esrith.hotline@cdg.co.th