
Westcon-Comstor สามารถเพิ่มจำนวนแบนด์วิดท์ที่มีอยู่เป็นสิบเท่าและเพิ่มประสิทธิภาพของแอปพลิเคชัน ทั้งยังลดการพึ่งพาระบบ MPLS ด้วย Unity EdgeConnect ของ Silver Peak

Westcon-Comstor เป็นมหาอำนาจด้านการจัดจำหน่ายโซลูชันด้านความปลอดภัย การทำงานร่วมกัน การเชื่อมต่อเครือข่าย และศูนย์ข้อมูลด้านไอทีระดับชั้นนำในด้านนี้ ด้วยคู่ค้าตัวแทนจำหน่ายกว่า 20,000 รายทั่วโลก
บริษัทมีบริการให้คำปรึกษา การสนับสนุนด้านโลจิสติกส์ และบริการติดตั้งอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อช่วยให้คู่ค้าของบริษัทนำเสนอผลิตภัณฑ์ชั้นนำของอุตสาหกรรมให้กับลูกค้าทั่วภูมิภาคยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา และเอเชียแปซิฟิก
Westcon-Comstor อาศัยชุดซอฟต์แวร์ SAP ของแอปพลิเคชันการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP) ที่ทำงานอยู่ในศูนย์ข้อมูลในนิวยอร์กเป็นหลัก เพื่อตอบสนองความต้องการของคู่ค้าตัวแทนจำหน่าย สำนักงานและคลังสินค้าที่อยู่ห่างไกลสามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันเหล่านี้ผ่านแอปพลิเคชันของ Citrix หรือในบางกรณีผ่านการใช้เทคโนโลยี SAP fat client ก่อนหน้านี้ การเข้าถึงข้อมูลจะผ่านลิงก์ MPLS เพียงอันเดียวและการขาดเครือข่ายสำรองกลายเป็นปัญหาใหญ่
หากลิงก์ MPLS ประสบปัญหาไฟดับ สำนักงานที่ได้รับผลกระทบจะต้องไปยัง Citrix Portal เพื่อเข้าถึงแอปพลิเคชัน ERP ซึ่งส่งผลให้ประสิทธิภาพลดต่ำลง นอกจากการนำ Office 365 และ SIP Trunking มาใช้สำหรับบริการเสียงแล้ว บริษัทยังต้องการวิธีที่มีประสิทธิภาพที่จะช่วยให้สำนักงานทั่วโลกสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้โดยตรงและเชื่อถือได้ และค่าใช้จ่ายสำหรับ MPLS ที่ค่อนข้างสูงนั้นยังคงเป็นประเด็นทางการเงินที่น่าเจ็บปวดอย่างต่อเนื่อง
เพื่อหาทางออก Westcon-Comstor ไม่ได้มองไปที่อื่นไกล Westcon-Comstor ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายของ Silver Peak อยู่แล้ว มีพนักงานที่มีความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีข่ายงานบริเวณกว้างที่กำหนดโดยซอฟต์แวร์ (SD-WAN)
อย่างไรก็ตาม Silver Peak ก็ยังไม่ใช่ตัวเลือกโดยอัตโนมัติของบริษัทที่มี SD-WAN เป็นของตนเอง ทีมไอทีจึงได้ทำการตรวจสอบสถานะธุรกิจของบริษัทและประเมินผู้ขาย SD-WAN อื่นๆ อีกหลายราย แต่สุดท้ายแล้ว แพลตฟอร์ม SD-WAN Edge Unity EdgeConnect ของ Silver Peak ก็ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
Prasad Pinjala ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีระดับโลกของ Westcon-Comstor อธิบายว่า “สิ่งสำคัญที่จูงใจให้เราใช้ EdgeConnect ก็คือการแก้ไขข้อผิดพลาดแบบล่วงหน้าและความสามารถในการเชื่อมโยงลิงก์ที่ใช้งานอยู่จากหลายแห่งเพื่อเพิ่มการใช้ประโยชน์จากแบนด์วิดธ์ที่มีอยู่ทั้งหมดให้สูงสุด เราจำเป็นต้องให้ความมั่นใจในเรื่องเวลาอัปไทม์ของ WAN และคุณภาพของบริการเสียง และนั่นคือสิ่งที่ Silver Peak มีให้”
Michael Soler ผู้จัดการฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานอาวุโสของ Westcon-Comstor กล่าวเพิ่มว่า “ส่วนที่สำคัญที่สุดของการตัดสินใจของเราคือเรื่องเสียง เมื่อเราทดสอบการใช้งาน EdgeConnect เราได้ตั้งค่าการปรับเส้นทางและพบว่ามันมีประสิทธิภาพดีเยี่ยมในเรื่องเสียง ไม่มีปัญหาอะไรเลย”

การรวม WAN edge เพื่อประสิทธิภาพที่ดียิ่งขึ้น
ในปัจจุบัน Westcon-Comstor ได้ติดตั้งอุปกรณ์ EdgeConnect ในสาขาต่างๆ รวม 27 แห่ง
อีกทั้งยังมีคู่เครือข่ายสำรองที่มีความพร้อมใช้งานสูงในสำนักงานและคลังสินค้าขนาดใหญ่ 21 แห่ง อุปกรณ์แบบโหนดเดี่ยว 3 ตัวในสำนักงานขนาดเล็ก และอีกสามตัวในศูนย์ข้อมูลส่วนกลางของบริษัท โดยติดตั้งในศูนย์ข้อมูลส่วนกลางหลักสองตัวและสาขาสำรองอีกหนึ่งตัว นอกจากนี้ Westcon-Comstor ยังติดตั้งอุปกรณ์ EdgeConnect เสมือนจริงสี่เครื่องใน Microsoft Azure ที่ซึ่งฝ่ายไอทีจะทำการตรวจสอบความถูกต้องของ Microsoft Active Directory สำหรับสำนักงานขนาดเล็ก
การสร้าง SD-WAN บนแพลตฟอร์ม EdgeConnect ช่วยให้ Westcon-Comstor สามารถลดการพึ่งพา MPLS ได้ วันนี้สาขาส่วนใหญ่ได้ยกเลิกการใช้งาน Dedicated Internet Access (DIA) หรือลิงก์บรอดแบนด์ที่ไม่จำเป็นแล้ว ในขณะที่วงจร MPLS ที่เหลือจะถูกจับคู่กับลิงก์ DIA หรือลิงก์บรอดแบนด์
การเชื่อมโยงแบบคู่ในทุกสาขาจะถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันเพื่อเพิ่มประโยชน์การใช้งานและเวลาอัปไทม์ของแบนด์วิดท์ให้สูงสุด ทีมไอทีได้กำหนดจุดประสงค์ทางธุรกิจเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรับส่งทราฟฟิกตามความต้องการทางธุรกิจ โดยใช้ประโยชน์จากความสามารถขั้นสูง เช่น การปรับสภาพเส้นทาง คุณภาพของการบริการและ การควบคุมเส้นทางแบบไดนามิกเพื่อให้แน่ใจว่าประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันมีคุณภาพสูง
Westcon-Comstor ยังใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากไฟร์วอลล์แยกตามโซนแบบเต็มรูปแบบที่ถูกสร้างขึ้นในแพลตฟอร์ม EdgeConnect เพื่อทลายข้อจำกัดของอินเทอร์เน็ตในสำนักงานสาขาเพื่อเข้าใช้ Office 365 อย่างปลอดภัย ในสาขาขนาดเล็ก บริษัทพึ่งพาการใช้ไฟร์วอลล์ EdgeConnect แบบครบวงจรเพื่อรักษาความปลอดภัยในการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ในขณะที่ในสำนักงานขนาดใหญ่และการรับส่งข้อมูลกลับไปยังศูนย์ข้อมูลกลาง แพลตฟอร์ม EdgeConnect จะถูกผูกโยงกับไฟร์วอลล์เจนเนอเรชั่นใหม่เพื่อการตรวจสอบทราฟฟิกเพิ่มเติม
“ความชาญฉลาดที่มาพร้อมกับ EdgeConnect ทำให้เรามีความมั่นใจในการจัดแบ่งปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตในสำนักงานสาขา” Pinjala กล่าว “การทำแบบนี้ช่วยเราลดเวลาแฝงและลดความแออัดของการรับส่งทราฟฟิกกลับไปยังศูนย์ข้อมูลกลาง เพื่อมอบประสบการณ์ที่มีคุณภาพสูงสุดแก่ผู้ใช้ของเรา”
Soler ยังมองเห็นโอกาสในการยกเลิกการใช้งานเราเตอร์ Edge แบบเดิมโดยใช้ความสามารถในการกำหนดเส้นทางอัจฉริยะภายในแพลตฟอร์ม EdgeConnect เพื่อรวมและทำให้ WAN edge ใช้งานได้ง่ายขึ้น และทีมไอทีได้เริ่มใช้ชุดสมรรถนะการเพิ่มประสิทธิภาพ WANUnity Boost ซึ่งเป็นอุปกรณ์เสริม เพื่อเร่งความเร็วทราฟฟิกของแอปพลิเคชันที่สำคัญ
ในขณะที่ทีมยังคงประเมินว่าจะนำ Boost ไปใช้ที่ใด ในตอนแรกพวกเขาได้พุ่งเป้าไปที่ทราฟฟิก SAP fat client และ HTTPS และเล็งเห็นโอกาสเพิ่มเติมในการเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงเซิร์ฟเวอร์ไฟล์ของสำนักงานที่อยู่ห่างไกลกลับไปยังศูนย์ข้อมูลกลาง

เพิ่มประสิทธิภาพแอปพลิเคชันและเวลาอัปไทม์ของ WAN
หลังเปลี่ยนไปใช้ SD-WAN ที่ทำให้สามารถใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้มากขึ้นแล้ว Westcon-Comstor จึงสามารถเพิ่มอัตราการรับส่งข้อมูลผ่านเครือข่ายได้อย่างมาก ในอดีตที่ผ่านมา สำนักงานหลายแห่งโชคดีที่มีอัตราการรับส่งข้อมูล 20 เมกะบิตต่อวินาทีบน MPLS ทุกวันนี้ สำนักงานส่วนใหญ่มีลิงก์บรอดแบนด์ หรือลิงก์ DIA แบบคู่ความเร็ว 100 เมกะบิตต่อวินาที ซึ่งช่วยเพิ่มแบนด์วิดธ์ที่มีอยู่เป็นสิบเท่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การติดตั้ง Boost ยังช่วยเพิ่มประสิทธิภาพแอปพลิเคชันได้โดยตรงและยังช่วยให้สามารถถ่ายโอนไฟล์ได้รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยรวมแล้ว ประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันดีขึ้นเป็นอย่างมาก ขณะที่เวลาในการคัดลอกไฟล์ทั่วไปขนาด 500 MB ลดลงจาก 14 นาทีเหลือแค่ 11 วินาที
ความสามารถในการใช้ลิงก์แบบคู่พร้อมกัน โดยระหว่างทั้งสองลิงก์มีอัตรา Failover เพียงเสี้ยวมิลลิวินาที จะเป็นการช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับเวลาอัปไทม์ของ WAN
เพื่ออธิบายประเด็นนี้ Soler เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสำนักงานของ Westcon-Comstor ในโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้: “เรามีปัญหาในการกำหนดเส้นทางบนลิงก์ๆ หนึ่ง ซึ่งทำให้เกิดสัญญาณเตือน ในอดีต สิ่งนี้จะเป็นปัญหาอย่างมาก แต่ธุรกิจกลับดำเนินต่อไปตามปกติโดยไม่ส่งผลกระทบต่อผู้ใช้”
ประโยชน์ที่สำคัญอีกประการหนึ่งสำหรับฝ่ายไอทีคือการรับรู้สถานะการรับส่งทราฟฟิกที่เพิ่มขึ้นผ่านอินเทอร์เฟซการจัดการแบบรวมศูนย์ของ Unity Orchestrator Soler ชี้ให้เห็นว่าในอดีต การรับรู้สถานะทราฟฟิกดังกล่าวมีไม่เพียงพอ เมื่อ Westcon-Comstor ต้องพึ่งพาผู้ให้บริการสำหรับการรายงานเครือข่าย แต่ตอนนี้เขามีข้อมูลเชิงลึกแบบละเอียดและเรียลไทม์ในทราฟฟิก WAN ทั้งหมด
“ปริมาณการรับรู้สถานะที่ Orchestrator มีนั้นมากกว่าทุกสิ่งที่เราเคยมี” เขากล่าว “คุณจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจน เมื่อคุณสามารถเห็นได้โดยตรงว่าเกิดอะไรขึ้นบนเครือข่ายของคุณ ที่ซึ่งการรับส่งทราฟฟิกเกิดขึ้นในระดับไคลเอนต์ แอปพลิเคชันใดบ้างที่มีการปรับให้เหมาะสมแล้ว แล้วก็รวมสิ่งเหล่านั้นทั้งหมดไว้ในหน้าจอเดียว การมีข้อมูลเชิงลึกสำหรับการแก้ไขปัญหาเป็นอะไรที่น่าทึ่งมาก Orchestrator นั้นใช้งานง่ายมาก มันช่วยให้เราได้รับรายละเอียดจากการรับส่งข้อมูลทั้งหมดและทำการแก้ไขปัญหาได้ง่ายขึ้นมาก ซึ่งช่วยให้ฝ่ายไอทีดูแลธุรกิจให้ดำเนินไปได้อย่างราบรื่นมากขึ้น”
