ความแพร่หลายของแอปพลิเคชัน Software-as-a-Service (SaaS) การใช้งานผ่านคลาวด์และแอปพลิเคชันบนระบบเคลื่อนที่ได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบทราฟฟิก WAN แบบเดิมอย่างมหาศาล การส่งต่อทราฟฟิกผ่านอินเทอร์เน็ตจากสำนักงานสาขาไปยังศูนย์ข้อมูลกลางถูกมองว่าเป็นวิธีที่ขาดประสิทธิภาพ ในปัจจุบันนั้น การรับส่งทราฟฟิกทำได้โดยตรงจากสำนักงานสาขาหรือสำนักงานเคลื่อนที่ไปยังแอปพลิเคชันบนคลาวด์ ด้วยเหตุนี้ เครือข่าย MPLS แบบเดิมที่เชื่อมสำนักงานสาขากับศูนย์ข้อมูลส่วนกลางจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป
บริษัทหลายแห่งมีการใช้งานโซลูชัน SD-WAN ซึ่งมีการกำหนดเส้นทางบนซอฟต์แวร์เพิ่มมากขึ้น เพื่อมาแทนที่สถาปัตยกรรม Router สำนักงานสาขา โดย Doyle Research ได้คาดการณ์ว่าการเติบโตของตลาด Router สำนักงานจะหยุดชะงักลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเทคโนโลยี SD-WAN ก้าวขึ้นมาเป็นแพลตฟอร์มหลัก จากข้อมูลของ Gartner พบว่าภายในปี 2020 มากกว่าครึ่งหนึ่งของการปรับโฉมโครงสร้างพื้นฐาน WAN Edge จะเปลี่ยนไปเป็น SD-WAN แทน Router แบบเดิม ขณะที่ในปัจจุบันเรายังพบการใช้งาน Router ตามสำนักงานสาขาอย่างแพร่หลาย ส่วนหนึ่งก็เพราะ Router มีโครงสร้างที่เชื่อมโยงกันเป็นร่างแหภายในเครือข่าย จึงเป็นระบบที่แน่นหนาเมื่อเทียบกับอุปกรณ์อื่นๆ อย่าง Standalone Switch ที่รื้อระบบได้ง่ายกว่า
อย่างไรก็ดี จากการที่เทคโนโลยี SD-WAN กำลังจะกลายเป็นเทคโนโลยีหลัก วิศวกรเครือข่ายจึงตระหนักว่า แม้จะเลิกใช้ Router ก็ไม่ได้ทำให้ความสามารถในการกำหนดเส้นทางทราฟฟิกของแอปพลิเคชันในเครือข่าย WAN หายไปแต่อย่างใด แล้วอะไรคือข้อดีของ SD-WAN ที่ส่งผลให้มีการหันมาใช้เทคโนโลยีนี้กัน
- ลดต้นทุน: Router ระดับบนอาจมีราคาสูงถึง 10,000 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่มากสำหรับฮาร์ดแวร์ที่ฟังก์ชันการทำงานสามารถจำลองมาใช้บนคลาวด์ได้เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ Router ดังกล่าวยังต้องมีการบำรุงรักษาอยู่เป็นประจำเพื่อให้ใช้งานได้ตามที่โฆษณาไว้ ทำให้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น
- ลดต้นทุนการดำเนินงาน: การอัปเดตแบบแมนวลที่ Router แต่ละเครื่องเป็นการสิ้นเปลืองเวลาของผู้เชี่ยวชาญเครือข่าย แต่เมื่อใช้ SD-WAN ฟังก์ชันด้านการกำหนดเส้นทางจะสามารถควบคุมได้ด้วยซอฟต์แวร์โดยอัตโนมัติ ช่วยให้องค์กรสามารถใช้ทรัพยากรไอทีอันมีค่าได้อย่างเต็มที่
- คุณสมบัติด้านการมองเห็นและการควบคุมจากส่วนกลาง: SD-WAN ช่วยให้สามารถควบคุมฟังก์ชันการกำหนดเส้นทางแบบรวมศูนย์ และช่วยให้ผู้จัดการเครือข่ายสามารถมองเห็นทั้งเครือข่ายได้ดียิ่งขึ้น ต่างจากฮาร์ดแวร์ Router ที่ทำงานแบบแยกต่างหากและไม่สามารถควบคุมจากส่วนกลางได้ นอกจากนี้ การวัดและส่งข้อมูลระยะไกลยังต้องมีการเปรียบเทียบแบบแมนวล ซึ่งสิ้นเปลืองทั้งเวลาและแรงงาน
- ความสามารถในการรองรับการขยายเครือข่ายที่ประหยัดกว่า: เครือข่ายที่ใช้ Router ต้องพบปัญหาด้านการขยายเครือข่าย เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องจำนวนฮาร์ดแวร์ที่ใช้งาน วิศวกรเครือข่ายจึงต้องเพิ่ม Router มากกว่าที่จำเป็นต้องใช้เพื่อรองรับการใช้งานในอนาคต หรือต้องเผชิญกับอนาคตที่ความต้องการด้านเครือข่ายขององค์กรก้าวไปไกลกว่ากำหนดการอัปเกรดฮาร์ดแวร์เครือข่าย แต่ด้วย SD-WAN จึงสามารถเตรียมพร้อมด้านการรองรับการขยายเครือข่ายในอนาคตได้ “ทันกับความต้องการ” จึงช่วยประหยัดต้นทุนในปัจจุบัน พร้อมสร้างความยืดหยุ่นในการขยายเครือข่ายได้ตามต้องการ
- การฟื้นฟูเครือข่ายที่ดีขึ้น: การขัดข้องของระบบเป็นสิ่งที่บริษัทต่างๆ ซึ่งต้องพึ่งพาเครือข่ายในการบริหารธุรกิจอย่างราบรื่นไม่ต้องการให้เกิดขึ้น เนื่องจาก Router แบบเดิมมีข้อจำกัดด้านเส้นทางการรับส่งที่จะเปลี่ยนไปเมื่อการเชื่อมต่อเส้นทางหลักล้มเหลว และขั้นตอนการ Failover อาจกินเวลาหลายนาที ซึ่งถึงแม้จะมีหลายเส้นทางที่ใช้อยู่ แต่มีเพียงเส้นทางเดียวเท่านั้นที่ยังใช้งานได้ในขณะนั้น เทคโนโลยี SD-WAN ที่มีการควบคุมหลายเส้นทางแบบไดนามิกจะใช้เส้นทางหลายเส้นทางพร้อมกันและทำการ Failover ได้ในทันที ดังนั้น เครือข่ายจึงกู้คืนกลับมาได้โดยไม่ทำให้การดำเนินงานต้องหยุดชะงักลง
ธุรกิจที่ลงทุนกับเทคโนโลยี SD-WAN แทนการใช้ Router ในสำนักงานสาขาจะสามารถเพิ่มผลกำไรจากเครือข่ายที่คล่องตัวและฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้นด้วยต้นทุนที่น้อยลง จึงอาจกล่าวได้ว่า Router ที่ใช้ในสำนักงานสาขา ใกล้จะหมดยุคแล้ว
หากสนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี SD-WAN ที่ขับเคลื่อนด้วยสมรรถนะและ Unity EdgeConnect สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ Silver Peak ที่ https://www.silver-peak.com