CDIC 2023

SAP กับกลยุทธ์ใหม่ ตอบโจทย์ธุรกิจทุกระดับได้ด้วยระบบ Cloud

ในงาน SAP Solution Summit 2017 ที่ผ่านมา ทาง SAP Thailand ได้ออกมาเล่าถึงทิศทางใหม่ๆ ของ SAP เอง ที่นอกจากจะมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สำหรับตอบโจทย์การทำ Digital Transformation ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้นแล้ว SAP เองก็ยังปรับตัวและเปลี่ยนโฉมให้กลายเป็นเทคโนโลยีที่องค์กรทุกขนาดสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายยิ่งกว่าแต่ก่อน ด้วยการมาของ SAP Cloud นั่นเอง ทางทีมงาน TechTalkThai จึงขอสรุปเนื้อหาที่ได้รับฟังมาให้ได้อ่านกันดังนี้ครับ

 

3 กลยุทธ์หลักของ SAP

คุณนพดล เจริญทอง ผู้ดำรงตำแหน่ง General Business Team Lead จาก SAP ประเทศไทย ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความเปลี่ยนแปลงไปของ SAP ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ว่ามีกลยุทธ์สำคัญด้วยกัน 3 ประการ ได้แก่

  1. การผลักดัน SAP S/4HANA อย่างเต็มตัว เพื่อให้เหล่าองค์กรขนาดใหญ่ปรับใช้ SAP S/4HANA ซึ่งเป็นเทคโนโลยี In-memory Data Platform จาก SAP เพื่อให้การประมวลผลข้อมูลต่างๆ มีความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ตอบรับกับBusiness Application ใหม่ๆ ของ SAP ได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังตอบรับต่อโลกของ Big Data, Artificial Intelligence (AI) และ Internet of Things (IoT) ในอนาคตได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
  2. การผลักดันบริการ Cloud จาก SAP เพื่อให้เทคโนโลยีของ SAP นั้นสามารถถูกเข้าถึงได้อย่างง่ายดายยิ่งกว่าในอดีต และเปิดตลาดไปสู่ธุรกิจ SMB ได้ง่ายขึ้น
  3. การส่งเสริมพันธมิตรทางการค้าให้เติบโตมากขึ้น เพื่อให้ในแต่ละประเทศนั้นมีผู้เชี่ยวชาญในแต่ละผลิตภัณฑ์หรือโมดูลของ SAP มากขึ้น เป็นอีกแรงผลักที่จะช่วยให้การนำ SAP ไปใช้งานภายในหลายๆ อุตสาหกรรมเกิดขึ้นได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ในประเทศไทยเองเราก็เห็นภาพของ 3 กลยุทธ์นี้ค่อนข้างชัดเจนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการที่เหล่าลูกค้าองค์กรของ SAP เริ่มหันไปใช้ SAP S/4 HANA กันมากขึ้น, การที่เริ่มมีพันธมิตรทางการค้ากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในผลิตภัณฑ์ Cloud ต่างๆ ของ SAP และเริ่มนำเสนอบริการ Cloud ไปยังลูกค้าองค์กร ไปจนถึงการจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีของ SAP อย่างต่อเนื่องแทบทุกเดือนในแต่ละปี ให้เหล่าองค์กรต่างๆ สามารถเข้าไปอบรมกันได้ฟรีๆ เพื่อนำแนวคิดของ SAP และเทคโนโลยีใหม่ๆ ไปใช้ปรับปรุงการทำงานภายในแผนกต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

 

 

5 ประเด็นหลักในงาน SAP Solution Summit 2017: วันนี้ SAP กลายเป็น Cloud Company แล้ว

คุณนพดลได้กล่าวสรุปเนื้อหาภายในงาน SAP Solution Summit เอาไว้ด้วยกัน 5 ประเด็นหลักๆ ดังนี้

  1. Core Digital หัวใจสำคัญของเทคโนโลยีทั้งหมดใน SAP โดยรองรับการใช้งานภายใน 25 อุตสาหกรรมธุรกิจ ทำให้สามารถตอบโจทย์องค์กรต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย
  2. Internet of Things (IoT) ในภาคธุรกิจ สามารถตอบโจทย์ได้ด้วย SAP Leonardo
  3. Workforce Management สามารถตอบโจทย์ของแผนกทรัพยากรบุคคลในแต่ละองค์กรได้ด้วย SAP SuccessFactors
  4. Customer Engagement สามารถตอบโจทย์ของธุรกิจค้าปลีก หรือธุรกิจที่ต้องการเปิดช่องทางการขายแบบ Omnichannel ได้ด้วย SAP Hybris
  5. Supplier Management สามารถตอบโจทย์ของแผนกจัดซื้อภายในองค์กรให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้ด้วย SAP Ariba

 

จะเห็นได้ว่า 4 หัวข้อนี้เป็นเรื่องของ Cloud ล้วนๆ ซึ่งทางคุณนพดลเองก็ได้ชี้ให้เห็นด้วยเช่นกันว่าทุกวันนี้ SAP ได้เปลี่ยนไปเป็น Cloud Company แล้ว และภายในงาน SAP Solution Summit 2017 นี้เองก็ได้มีเหล่าพันธมิตรทางการค้ามาเปิดบูธเพื่อนำเสนอบริการ Cloud จาก SAP กันอย่างคับคั่งเลยทีเดียว

ลองฟังบทสัมภาษณ์ของคุณนพดลในงาน SAP Solution Summit 2017 เพิ่มเติมได้เลยครับ

 

Cloud: ตัวแปรสำคัญที่ทำให้ธุรกิจทุกขนาดทั่วโลก สามารถเข้าถึง SAP ได้อย่างง่ายดาย ด้วย Time to Value ที่รวดเร็ว

หากใครติดตามข่าวของ SAP มาอย่างต่อเนื่อง จะเห็นว่าในระยะหลังนั้น SAP มีการเข้าซื้อกิจการของ Cloud Business Application สำหรับตอบโจทย์แผนกต่างๆ ขององค์กรอย่างหลากหลายมาโดยตลอด ซึ่งสาเหตุของการเข้าซื้อกิจการเหล่านั้น ก็เป็นเพราะว่า SAP ต้องการเข้าสู่ตลาดของ Cloud ด้วยการนำบริการ Cloud Business Application ที่ดีที่สุดในแต่ละหมวดผลิตภัณฑ์มานำเสนอต่อลูกค้าปัจจุบันของ SAP และว่าที่ลูกค้ารายใหม่ๆ ของ SAP ในอนาคตนั่นเอง

การที่ SAP ก้าวเข้าสู่ธุรกิจ Cloud เองนี้ ก็เป็นการช่วยล้างภาพความเป็นระบบใหญ่ที่จะมีแต่องค์กรขนาดใหญ่สามารถเข้าถึงได้ไปค่อนข้างมาก เพราะบริการ Cloud ต่างๆ ของ SAP นั้นสามารถเริ่มใช้งานได้ตั้งแต่ 5 – 10 ผู้ใช้งาน ทำให้แม้แต่องค์กรขนาดเล็กหรือขนาดกลางเองก็สามารถใช้งานเทคโนโลยีของ SAP ได้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะว่า SAP นั้นมองว่าธุรกิจในอนาคตนั้นจะใช้คนปริมาณน้อยลงในการดำเนินธุรกิจที่มีความสำคัญสูง ดังนั้นการที่เปิดให้เหล่าธุรกิจที่มีพนักงานจำนวนน้อยสามารถใช้งานเทคโนโลยีของ SAP เองได้ ก็จะเป็นตัวช่วยเร่งการเติบโตของธุรกิจเหล่านี้ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ

ในทางกลับกัน การที่ธุรกิจใดๆ สามารถเริ่มต้นใช้งาน SAP ได้ตั้งแต่ตอนที่ธุรกิจยังมีขนาดเล็ก ก็จะทำให้ธุรกิจเหล่านั้นสามารถเติบโตได้อย่างมั่นคงในอนาคต เพราะ SAP เองก็มีบริการ Cloud ที่รองรับการเติบโตของธุรกิจจนกลายเป็นองค์กรขนาดใหญ่ได้เลย ทำให้ธุรกิจเหล่านั้นไม่ต้องกังวลถึงประเด็นเรื่องของการย้ายข้อมูล, การย้ายระบบ, การเพิ่มแผนกใหม่ในองค์กร หรือแม้แต่การปรับเปลี่ยน Workflow ต่างๆ เพราะ SAP มีพร้อมให้หมดแล้ว

สำหรับบริการ SAP Cloud Solution ที่ถือว่าโดดเด่นและน่าสนใจที่ได้นำมาจัดแสดงภายในงาน มีดังนี้

  • SAP Leonardo ระบบ IoT Platform จาก SAP ที่มีการผสานเทคโนโลยี IoT, Big Data Analytics, Blockchain และ AI เข้าไว้ภายในระบบเดียวกัน พร้อมให้นำไปใช้สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ทันที
  • SAP Hybris ระบบ Omni-channel E-Commerce จาก SAP ที่ตอบโจทย์ได้ทั้งฝ่ายขาย, ฝ่ายการตลาด, ฝ่ายบริการได้ภายในระบบเดียว สามารถใช้งานได้ทั้งสำหรับธุรกิจ B2B และ B2C
  • SAP Ariba ระบบบริหารจัดการ Supplier จาก SAP ที่จะช่วยให้สามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานของ Supplier แต่ละราย, ประเมินความคุ้มค่าในการจัดซื้อ พร้อมวิเคราะห์ว่าการจัดซื้อแต่ละครั้งจะสามารถปรับปรุงให้คุ้มค่าสูงสุดได้อย่างไรบ้าง
  • SAP SuccessFactors ระบบ Human Resource Management จาก SAP ที่ครอบคลุมทั้งการจัดการเงินเดือนและสวัสดิการพนักงาน, การฝึกอบรม, การประเมินประสิทธิภาพ, การจ้างพนักงานใหม่ ไปจนถึงการวางแผนจ้างพนักงานในแต่ละแผนกได้อย่างครอบคลุม
  • SAP Concur ระบบบริหารจัดการการเดินทางของพนักงาน เพื่อให้ทุกการเดินทางข้ามประเทศนั้นเป็นไปได้อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด เหมาะสำหรับธุรกิจที่พนักงานต้องมีการเดินทางไปต่างประเทศบ่อยๆ
Credit: SAP

 

ต่อยอดจากระบบ Cloud สู่ ERP ได้อย่างเต็มตัวด้วย SAP S/4HANA และ SAP Cloud Platform

ถึงแม้บริการ Cloud จาก SAP นั้นเกิดขึ้นมาจากการเข้าซื้อกิจการหลากหลายสำหรับแต่ละผลิตภัณฑ์ แต่ SAP เองนั้นก็มีกลยุทธ์ภาพใหญ่มาโดยตลอดที่ทุกๆ บริการ Cloud เหล่านั้นจะต้องทำงานร่วมกันจนกลายเป็นระบบ ERP ขนาดใหญ่ได้ในท้ายที่สุด ดังนั้นในแต่ละการเข้าซื้อกิจการนั้น ทาง SAP เองก็จะตั้งทีมพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นมาทำงานร่วมกับธุรกิจที่ได้เข้าซื้อกิจการมา เพื่อปรับเปลี่ยน Backend ของระบบเหล่านั้นให้ทำงานบน SAP S/4HANA และสามารถเชื่อมโยงข้อมูลเข้ากับ Business Application อื่นๆ ของ SAP เองได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อรองรับภาพของการ Integrate ระบบขนาดใหญ่ในอนาคตได้นั่นเอง

ด้วยแนวทางนี้ ทำให้เหล่าลูกค้ารายใหม่ๆ ของ SAP เองนั้นอาจจะเริ่มต้นจากการใช้งานบริการ Cloud จาก SAP เพียงระบบเดียว จากนั้นจึงค่อยๆ เพิ่มการใช้งานบริการ Cloud อื่นๆ ในภายหลัง และผสานระบบทั้งหมดเข้าด้วยกันด้วยการใช้ SAP Cloud Platform ส่วนสำหรับลูกค้าที่มีการใช้งาน SAP เดิมอยู่แล้ว ก็สามารถใช้งานบริการ Cloud ของ SAP ในบางผลิตภัณฑ์ที่สนใจ และทำการ Integrate ระบบร่วมกันกลายเป็นการทำงานแบบ Hybrid Cloud ได้ทันที

 

SAP Digital Boardroom อีกหนึ่งอนาคตสำคัญของ SAP สำหรับตอบโจทย์การทำ Data-driven Decision Making โดยผู้บริหารระดับสูง

ภายในงาน SAP Solution Summit 2017 นี้ก็ยังได้มีการจัดแสดงอีกหนึ่งโซลูชันที่น่าสนใจจาก SAP อย่าง SAP Digital Boardroom ที่เป็น Software สำหรับการทำ Business Intelligence รุ่นล่าสุดที่ตอบโจทย์เหล่าผู้บริหารโดยเฉพาะ ด้วยแนวคิดการแบ่งหน้าจอออกเป็น 3 ส่วน เพื่อแสดงข้อมูลในอดีต, ปัจจุบัน และอนาคตในแต่ละจอ

Credit: SAP

 

สำหรับการแสดงข้อมูลเกี่ยวกับอดีตนั้น จะทำให้ผู้บริหารนั้นมองเห็นข้อมูลของอดีตที่ผ่านมาทั้งหมดว่ามีสถิติตัวเลขในประเด็นต่างๆ อย่างไร พร้อมมีการทำ Predictive Analytics ทำนายอนาคตด้วย Machine Learning ให้กับทุกๆ ข้อมูลแนวโน้ม รวมถึงยังสามารถนำ Machine Learning มาใช้แนะนำการทำงานหรือปรับแต่งกระบวนการการทำงานต่างๆ ได้ทันที ทำให้ง่ายต่อการอ่านผลข้อมูลต่างๆ และเข้าใจข้อมูลต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย

ข้อมูลที่จะนำมาแสดงบน SAP Digital Boardroom นี้สามารถเลือกได้ทั้งข้อมูลจากภายในระบบ SAP เอง, ข้อมูลภายในบริการ Cloud ต่างๆ ของ SAP ไปจนถึงข้อมูลจากแหล่งข้อมูลภายนอก ทำให้องค์กรสามารถทำการออกแบบการแสดงผลและ Interaction ในการ Drill-down ข้อมูลต่างๆ บน SAP Digital Boardroom ได้เป็นอย่างดี

อีกหนึ่งความสามารถที่น่าสนใจก็คือการทำ Simulation โดยเฉพาะเพื่อให้เหล่าผู้บริหารสามารถปรับแต่ง Parameter ในการจำลองสถานการณ์ต่างๆ ในอนาคตได้ ทำให้เหล่าผู้บริหารนั้นสามารถเห็นภาพและทิศทางในการดำเนินธุรกิจหรือการลงทุนได้อย่างชัดเจนมากยิ่งขึ้น และสามารถทำการ Forecast แนวโน้มต่างๆ ได้ด้วยตนเองอย่างง่ายดาย

รับชมคลิปแนะนำ SAP Digital Boardroom จากภายในงาน SAP Solution Summit 2017 ได้ดังนี้เลยครับ

 

ติดต่อทีมงาน SAP Thailand ได้โดยตรงทันที

สำหรับผู้ที่สนใจติดต่อทีมงาน SAP Thailand เพื่อปรึกษาในประเด็นต่างๆ นั้น สามารถติดต่อได้โดยตรงดังนี้

SAP Thailand Ltd.
287 Liberty Square Building, 9th Floor
Silom Road, Bangrak
Bangkok 10500
Thailand
Phone: +66 2206 8800
International Phone: +66 2206 8855
Fax: +66/2/631-1818
Website : https://www.sap.com/corporate/en/company/office-locations/thailand.html
E-mail: info.thailand@sap.com


About techtalkthai

ทีมงาน TechTalkThai เป็นกลุ่มบุคคลที่ทำงานในสาย Enterprise IT ที่มีความเชี่ยวชาญทางด้าน Network, Security, Server, Storage, Operating System และ Virtualization มารวมตัวกันเพื่ออัพเดตข่าวสารทางด้าน Enterprise IT ให้แก่ชาว IT ในไทยโดยเฉพาะ

Check Also

AIS ตอกย้ำความเป็นผู้นำโซลูชันดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนทุกธุรกิจ จับมือซิสโก้เสริมศักยภาพให้ SME ด้วย Next-Gen Wi-Fi 6 ครั้งแรกในไทย

เมื่อระบบเครือข่ายไร้สาย เป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อน กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ SME ให้ก้าวไปข้างหน้า และพร้อมรับมือกับทุกความท้าทายทางธุรกิจ อย่างไรก็ตาม การเลือกเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพ คุ้มค่ากับการลงทุน และพร้อมขยายตัวตามการเติบโต อาจเป็นเรื่องยากในการตัดสินใจ และมีเกณฑ์การพิจารณาเลือกใช้งานมากมาย ขณะเดียวกันโซลูชันที่ออกแบบมาเพื่อใช้งานในเชิงธุรกิจ ก็ตามมาด้วยขั้นตอนการติดตั้งที่ซับซ้อน …

TechTalk Webinar: Data Observability by IBM Databand – Deliver Reliable and Trustworthy Data

ขอเชิญทุกท่านเข้าร่วมงานสัมมนาออนไลน์ในหัวข้อ “Data Observability by IBM Databand : Deliver Reliable and Trustworthy Data” โดยทีมงาน Computer Union …